<<<+++ออฟฟิศซินโดรม...โรคฮิตของคนออฟฟิศ+++>>>
ออฟฟิศซินโดรม...โรคฮิตของคนออฟฟิศ
โรคออฟฟิศ ซินโดรม OfficeSyndrome
เป็นกลุ่มอาการที่พบบ่อยในคนวัยทำงานออฟฟิศ ที่สภาพแวดล้อมในที่ทำงานไม่เหมาะสม การนั่งทำงานตลอดเวลา ไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย ส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ และปวดเมื่อยตามหลัง ไหล่ บ่า แขน หรือข้อมือ รายที่มีอาการของหมอนรองกระดูกเคลื่อนอยู่แล้ว หากทำงานในอริยาบทที่ผิดจะทำให้มีอาการรุนแรงมากขึ้น
จากการสำรวจพนักงานออฟฟิศในประเทศฝั่งยุโรป พบว่า ส่วนใหญ่ต้องปรึกษาแพทย์ด้วยอาการต่างๆ อันดับหนึ่งคือ การปวดหลัง รองลงมามีอาการปวดบริเวณคอ/ไหล่ และปวดศีรษะตามลำดับ ซึ่งเชื่อว่ามีความสัมพันธ์กับภาวะออฟฟิศ ซินโดรม นอกจากนี้ ยังพบว่า กลุ่มคนทำงานอายุระหว่าง 16-24 ปี มีความเสี่ยงของที่จะเป็นสูงถึงร้อยละ 55 เนื่องจากต้องทำงานหนัก ประกอบอิริยาบถในการทำงานไม่เหมาะสม ทั้งนั่งหลังค่อม นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆกว่า 6 ชั่วโมง
ความเครียดก็ส่งผลต่อการเกิดภาวะนี้ด้วย โดยพบสูงถึงร้อยละ 80 ประเทศไทยเคยสำรวจในคนทำงานจำนวน 400 คน พบว่าร้อยละ 60 มีภาวะดังกล่าว
ไม่เพียงแต่อิริยาบถของคนทำงานที่ไม่เหมาะสม สภาพโต๊ะทำงานยังเป็นปัจจัยสำคัญด้วย ทั้งโต๊ะทำงานที่ไม่เป็นระเบียบไม่สะดวกต่อการหยิบสิ่งของ เก้าอี้ไม่เหมาะสม ไม่มีพนักพิงที่รองรับหลังอย่างมีประสิทธิภาพ การกดแป้นคียบอร์ดที่ไม่มีตัวรองรับข้อมือ การกระดกข้อมือขึ้นลงซ้ำๆ ส่งผลให้เกิดการอักเสบบริเวณเส้นเอ็น รวมทั้งเกิดภาวะพังผืดหนา ทำให้เกิดอาการชาบริเวณนิ้ว และข้อมือ
ปัญหาที่พบบ่อยในคนทำงานออฟฟิศ คือ ตาแห้ง น้ำตาไหลระคายเคืองตา ตามัว ปรับภาพได้ช้าลง ซึ่งเกิดจากการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ทำให้การกระพริบตาน้อยละหนังตาเปิดกว้างขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศที่แห้งของห้องทำงาน ส่งผลให้น้ำตาระเหยมาก จนกระทั่งเกิดความระคายเคืองตาและตาแห้ง การเพ่งสายตาที่หน้าจอยังทำให้ต้องกลอกตาไปมาตลอดเวลา ส่งผลให้กล้ามเนื้อตาต้องทำงานมากขึ้น ทำให้ปวดตาในที่สุด
วิธีสร้างภูมิคุ้มกันโรคออฟฟิศซินโดรม
1. ถ้าเป็นไปได้ ควรเลือกที่นั่งติดริมหน้าต่าง เพื่อให้ได้แสงจากธรรมชาติบ้าง ดีกว่าต้องนั่งอยู่ใต้แสงจากหลอดไฟตลอดทั้งวัน
2. ควรเปิดหน้าต่างออฟฟิศให้อากาศได้ระบาย อย่างน้อยในตอนเช้าที่อากาศยังไม่ร้อนมาก และตอนพักกลางวัน
3. จัดสภาพโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบ โดยให้ด้านขวาของโต๊ะปล่อยโล่งไม่มีสิ่งของมากีดขวาง เพื่อความสะดวกต่อการเคลื่อนไหวในการหยิบสิ่งของต่างๆ ส่วนสิ่งของต่างๆ บนโต๊ะทำงาน ควรวางด้านซ้ายแทนเพื่อให้หยิบจับได้สะดวก
4. ควรเลือกโต๊ะทำงานที่มีระดับพอดีกับข้อศอก เพื่อให้กดคียบอร์ดได้อย่างถนัด แป้นคียบอร์ดควรมีที่รองรับข้อมือไม่ให้เกิดการกระดกข้อมือซ้ำๆ
5. เก้าอี้ควรเป็นแบบปรับขึ้นลงได้ มีพนักพิงที่สามารถรองรับศีรษะได้ด้วย 6. ควรเลือกจอคอมพิวเตอร์แบบ LCD หรือจอแบน จากการสำรวจพบว่าจอแบบ CRT ซึ่งเป็นจอลักษณะโค้งมน จะทำให้เกิดการเพ่งสายตาและปวดศีรษะมากกว่าการใช้จอแบบLCD
7. ควรฝึกอิริยาบถการนั่งทำงานให้เหมาะสม เช่นเมื่อนั่งหลังค่อมต้องปรับท่านั่งใหม่
8. ควรพักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ เปลี่ยนอิริยาบถ ลุกออกไปเดินยืดเส้นยืดสายทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ควรหัดออกกำลังกายคลายเส้นบ้าง จะช่วยให้กล้ามเนื้อไม่ตึงจนเกินไป
9. ถ้าคุณเป็นคนติดคอมพิวเตอร์หรือมีงานด่วนที่จะต้องสะสาง ชนิดที่ไม่สามารถหยุดพักได้ ก็พยายามเตือนตัวเองให้เงยหน้าขึ้นมองออกไปไกลๆทุกๆ 20 นาที เพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าของสายตา หลับตาทุก 1 ชั่วโมง ลุกเดินเพื่อพักสายตา
10. ควรจัดจอภาพคอมพิวเตอร์ให้ต่ำกว่าระดับสายตา 15 องศา เพื่อช่วยลดอาการปวดตาและปวดคอ
11. ควรปรับความสว่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม โดยปรับความสว่างให้มาก ประมาณสามเท่าจากความสว่างของสภาพแวดล้อม ควรปรับสีของจอให้สบายตา
12. จากงานวิจัยพบว่าตัวอักษรสีเข้มบนพื้นจอสีอ่อนจะทำให้สบายตา
13. ควรปิดเครื่องคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊คทุกครั้งที่ไม่ได้ใช้งาน เพื่อลดระยะเวลาในการรับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง และความเครียด
14. พนักงานรับโทรศัพท์ก็ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงเช่นกัน เพราะต้องคอยรับหูโทรศัพท์ตลอดเวลา ควรหยุดพักบ้าง ใช้เฮดโฟนแทน
15. หาต้นไม้ในร่มมาปลูก เพื่อช่วยดูดซับสารพิษ และเป็นที่พักสายตาอันอ่อนหล้าจากการต้องจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ
16. ถ้าออฟฟิศคุณมีขนาดเล็ก ลองลดการใช้งานเครื่องปรับอากาศลงบ้าง บางวันคุณอาจจะเลือกใส่เสื้อผ้าที่มีลักษณะบางเบา แล้วใช้พัดลมมาเปิดแทน ก็จะรู้สึกเย็นสบายได้ และประหยัดไฟได้ด้วย
17.ควรติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ และจะดียิ่งขึ้นถ้ามีตู้ปลาขนาดใหญ่ๆสักตู้ เพื่อช่วยคืนสมดุลความชื้นที่เสียไปกับเครื่องปรับอากาศ
18.หมั่นทำความสะอาดโต๊ะทำงานของคุณเอง ด้วยแอลกอฮอล เพื่อฆ่าเชื้อโรค
ที่มา : Woman plus หนังสือพิมพ์คมชัดลึก |
แต่ก็ตรงกับนู๋ชินโจฯนะคะป้า จะพยายามทำตามคำแนะนำให้ได้ทุกประการค่ะ จะได้มีชีวิตยืนยาว คุยกับป้ากล้วยได้นาน ๆ
รักป้ากล้วยที่สู๊ด....... คิดถึงมากด้วยค่ะ
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ว่างๆแล้วค่อยเข้ามาทักก็ได้ค่ะ ว่าแต่เปาๆเป็นไงมั่งอ่ะคะ