สมัคร สุนทรเวช ผู้ไม่เคยแพ้ นี่คงเป็นฉากสุดท้ายของนักการเมืองที่ผมตามมากว่า 30 ปี นักการเมืองที่ผมชอบในบางเรื่อง และไม่ชอบในหลายๆเรื่อง แต่ตลอดเวลา 30 ปี ชายชื่อสมัคร สุนทรเวช ก็ไม่เคยทำให้ผมหมดศรัทธาหรือรังเกลียดได้เลยในทุกๆบทบาทและความเป็นไปในวงการเมือง และชีวิตส่วนตัว สมัยผมอายุราว 10 ขวบ น่าจะเป็นช่วงรุ่งเรื่องสุดขีด ของคุณสมัครในฐานะหัวหน้าพรรคประชากรไทย ก่อนหน้านั้นผมโตไม่ทันแต่ก็ได้รับรู้ว่าคุณสมัคร ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงตอนนั้นตอนผม 10 ขวบ คุณสมัครไม่เคยแพ้แม้แต่ครั้งเดียว ได้รับเลือกมาทุกครั้ง และพอผมเริ่มตามบทบาทของคุณสมัครมาตั้งแต่ตอนนั้น ครั้งต่อๆมายุคท่านมหาจำลองรุ่งเรืองสุดๆ พยายามโค่นคุณสมัครมาไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง ครั้งหนึ่งถึงกับส่งภรรยาเข้าแข่งขัน แต่คุณสมัครก็ยังสามารถชนะการเลือกตั้งมาได้ทุกครั้ง มีครั้งหนึ่งทั้งพรรคเหลือคุณสมัครเป็น ส.ส กรุงเทพฯเพียงคนเดียวก็ยังมี พอหมดยุคท่านมหา ก็เข้าสู่ยุครุ่งโรจน์ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีคุณชวน หลีกภัย เป็นหัวหน้าพรรค พรรคประชาธิปัตย์ก็พยายามโค้นคุณสมัครลงให้ได้ในเขตดุสิต แต่ก็แพ้คุณสมัครทุกครั้ง ไม่ว่าความนิยมในตัวคุณจำลอง คุณชวน คุณอภิสิทธิ์ จะแรงแค่ไหนก็ตามในยุครุ่งเรืองของแต่ละคน แต่คุณสมัคร สุนทรเวช ที่เป็นที่เกลียดชังของคนมากมาย กลับสามารถฝ่าคลื่นลมมาได้ทุกครั้ง ยืนโต้กระแสอย่างเด็ดเดี่ยวไม่หวาดหวั่น และสามารถเอาชนะมาได้ตลอด พอตัดสินใจลงสมัครเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ก็มาลงแข่งกับพรรคไทยรักไทยซึ่งกำลังอยู่ในขาขึ้นในขณะนั้น คุณสมัครก็สามารถเอาชนะได้อย่างท้วมท้น เอาชนะท้ามกลางการโจมตีใส่ร้ายในเรื่องต่างๆนานา ยืนสู่อย่างกล้าหาญจนชนะได้คะแนนเกินหนึ่งล้านเสียง พอหมดสมัยการเป็นผู้ว่าคุณสมัครก็เหมือนๆจะยุติบทบาททางการเมือง ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข ทำรายการอาหาร เขียนหนังสือ เลี้ยงแมว สบายๆในช่วงสุดท้ายของชีวิต และแล้วคุณสมัครก็ตัดสินในกระโดดลงสมัครเป็นวุฒิสมาชิกอีกรอบ และก็เช่นเดิมชนะได้รับเลือกเข้ามาเป็นอันดับสอง ยังสามารถครองใจประชาชนได้ท้ามกลางความเกลียดชัง พอปลายยุคของรัฐบาลทักษิณ ซึ่งโดนกลุ่มอำนาจเก่าของประเทศไทย ร่วมมือกันโค่นและทำลายล้าง ใครต่อใครโดดหนีหมดคุณสมัครก็โดดเข้ามาช่วยโดยไม่กลัวถึงภัยอันจะตามมาแต่อย่างใด สุดท้ายเลือกตั้งครั้งหลังสุดที่ผมเรียกว่า เป็นการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยในระบอบเผด็จการนั้น คุณสมัครก็อาสาเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งใครต่อใครก็พากันโดดหนีหมด แต่คุณสมัครก็กล้าเข้ามารับหน้า และก็สามารถพาพรรคนี้ชนะการเลือกตั้งมาได้ท้ามกลางการสกัดกั้นจากกลุ่มอำนาจเก่าและชนชั้นปกครองในประเทศไทย จนในที่สุดคุณสมัคร สุนทรเวช ก็สามารถขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทยได้ชนิดที่ว่า ถ้าเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาใครบอกว่าคุณสมัครสุนทรเวช จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ต้องโดนด่าว่าบ้าไปแล้วแน่นอน แต่คุณสมัคร สุนทรเวช ชายผู้ไม่เคยแพ้ก็สามารถไปถึงจุดนั้นได้ และตลอด 7 เดือนที่ผ่านมาคุณสมัครก็คือคุณสมัคร ที่ยังคงเส้นคงวา ทำบางเรื่องที่ผมชอบ และทำหลายเรื่องที่ผมไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่เคยทำให้ผมหมดศรัทธาหรือรังเกลียดได้เลยในทุกๆบทบาทและความเป็นไป จนเรื่องสุดท้ายที่มีแรงบีบจากกลุ่มอำนาจเก่า และชนชั้นปกครองในประเทศนี้ คุณสมัครก็ยืนหยัดต่อสู่ ไม่ลาออก ไม่ยุบสภา ใครจะว่าคุณสมัครเสียๆหายๆยังไงก็แล้วแต่ สำหรับผมแล้วผมยืนยันได้เลยว่าถ้าเป็นผมๆก็จะยืนหยัดอย่างนี้เช่นกัน แต่ผมคงทำได้ไม่ดีและไม่อดทนได้เท่าคุณสมัครเป็นแน่แท้ สุดท้ายท่านก็เคารพและน้อมรับคำตัดสินของศาล พ้นตำแหน่งไปโดยไม่มีการพาลแต่อย่างใด แสดงให้เห็นถึงตัวทนที่แท้จริงของคุณสมัครอีกครั้ง และเมื่อพรรคบอกคุณสมัครว่าลุยต่อ คุณสมัครก็พร้อมลุย แต่พอเสียงแตกพรรคร่วมไม่หนุน คุณสมัครก็เป็นลูกผู้ชายพอที่จะถอย ทำตามคำที่เคยบอกว่า เข้ามาและทำเพราะเป็นหน้าที่ ไม่ได้อยากได้ไคร่ดีอะไร ไม่มีอะไรต้องแสวงหา แต่ในเมื่อรับหน้าที่แล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด อันนี้ผมเชื่อคุณสมัครและไม่สงสัยในตัวคุณสมัครเลย ท้ามกลางความเกลียดชัง การดูถูกดูแคลนของสังคม การโจมตีเพราะไปขวางทางของกลุ่มอำนาจเก่า และความเป็นตัวตนของคุณสมัครเอง ทำให้วันนี้เหมือนคุณสมัครจะแพ้เป็นครั้งแรก แต่ผมก็ยังจะยืนยันคำนี้ คำที่มีความหมายและแทนตัวตนที่แท้จริงของคุณสมัคร สุนทรเวช ที่จะเป็นอีกหนึ่งบุคคนที่ผมจะเล่าให้ลูกหลานฟังอย่างภูมิใจว่า อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตของผมก็เคยได้มีโอกาสได้รับรู้และติดตามเรื่องของของชายผู้นี้ ...สมัคร สุนทรเวช ผู้ไม่เคยแพ้... |
บทความทั้งหมด
|