ใครที่เคยอ่านเรื่องราวของฉันคงพอจะทราบกันอยู่ว่า ตอนนี้ฉันกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองอยู่ และก็ใกล้คลอดแล้ว ถึงแม้จะเป็นลูกคนที่สองแล้วก็เถอะแต่ฉันก็ยังมีความรู้สึกกลัวและวิตกกังวลอยู่ดี
ฉันต้องผ่าคลอดออกทางหน้าท้องเหมือนลูกคนแรก แต่ความรู้สึกกลัวมันแตกต่างกันตรงที่ว่า ลูกคนแรกฉันคลอดโดยการขอหมอให้ผ่าเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหว แต่ท้องนี้คุณหมอบอกว่าผ่าคลอดได้เลยเมื่อเด็กก่อนครบกำหนดประมาณ10วันโดยไม่ต้องรอให้เจ็บท้อง มันคนละความรู้สึกกันนะเพราะการเจ็บท้องคลอดลูกเรียกได้ว่ามันเจ็บในที่สุดชีวิตแล้วเพราะฉะนั้นการขอให้หมอผ่าออกฉันจึงไม่รู้สึกกลัว
ฉันรู้แต่ว่าทำยังไงก็ได้ให้ลูกฉันออก ออกมา ให้พ้นท้องฉันซะทีเพราะมันทรมานจริงๆ แต่ครั้งนี้ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ได้เจ็บปวดทรมานอะไร ก็ต้องไปนอนให้หมอผ่า เหมือนไปหาเรื่องเจ็บตัว แต่ก็ดีใจที่จะได้เห็นหน้าลูก บรรยากาศในห้องผ่าตัดทำคลอดไม่ค่อยน่าเข้าไปเท่าไหร่ ไหนจะอุกรณ์ เครื่องมือหมอ เตียงผ่าตัด เข็มฉีดยา ล้วนทำให้ฉันวิตกและกลัวขึ้นมาทุกทีถึงแม้จะเคยมีประสบการณ์มาแล้วก็ตาม ยิ่งฉันเป็นพวกวิตกจริต จิตตก กับเรื่องมีดเรื่องเข็มอยู่ด้วย แต่มาคิดๆแล้วมันก็คุ้ม ฉันยอมเจ็บเพื่อแลกมากับการได้ลูก ซึ่งฉันคิดว่า ลูกคือความภาคภูมิใจของฉัน แม้ฉันต้องเจ็บต้องปวดต้องแลกมาด้วยน้ำตาหรืออะไรก็ตาม ฉันยอม
สามีและลูกชายคนโตของฉันคอยให้กำลังใจฉันตลอดเวลาว่าไม่ต้องวิตกกังวล ไม่ต้องกลัว วันที่ฉันคลอดลูกเขาทั้ง2คนจะอยู่ๆข้างฉัน และจะช่วยดูแลลูกให้ดีที่สุด ส่วนลูกชายคนโตยิ่งตื่นเต้นกว่าเพราะดีใจที่จะได้มีน้องและเป็นพี่อย่างเต็มตัว ทุกวันนี้เขาจับท้องของฉันเวลาที่น้องดิ้นเขาจะตื่นเต้นและดีใจมากๆ รอคอยว่าเมื่อไหร่จะเห็นหน้าน้องซะที เขาบอกว่าน้องของเขาออกมาจะต้องนอนกับเขา แหม...ไม่ค่อยเห่อน้องเลย ฉันตั้งใจไว้ว่าฉันจะสอนให้ลูกสองคนรักกันให้ดีดี ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน เหมือนอย่างฉันและน้องๆของฉัน มีอะไรต้องช่วยเหลือพึ่งพากันได้ ฉันบอกเสมอถ้าวันหนึ่งข้างหน้าไม่มีฉันและสามีแล้วเขาสองคนจะต้องอยู่ดูแลซึ่งกันและกันให้ได้
ฉันดีใจที่ลูกของฉันเข้าใจในเจตนารมย์ของฉัน ซึ่งฉันก็หวังไว้ว่า เขาจะดูแลกันได้ดีตลอดไป ไม่มีสิ่งใดจะภูมิใจดีใจและสุขใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่เท่ากับการ "มีลูก"นี่แหล่ะคือความสุข