เป็นคนหนึ่งที่ได้รับข้อมูลดีๆเรื่องการเตรียมตัวเตรียมเอกสารยื่นวีซ่าจากในอินเตอร์เนตมาเยอะมาก เราประหยัดค่าแปลเอกสารไปเป็นพัน แถมตอนยื่นเอกสารที่ VFS ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ตอนเดินออกมาจาก VFS คือมั่นใจมากว่า.. ชั้นต้องได้วีซ่าแปะมากับพาสปอร์ตภายใน 2-3 วันแบบกระทู้ที่อ่านมาทั้งหมดอย่างแน่นอน

นัดยื่นบ่ายวันพฤหัสเดือนกรกฎา ที่มีคนไปยื่นน้อยมากกก มากจนเจ้าหน้าที่ VFSคุยกันว่าวันนี้คนน้อยจนแอร์หนาว อ่ะ... พอตกเย็นได้ SMS ว่าคำขอถูกส่งต่อไปสถานทูตอิตาลีเรียบร้อย โหยย ทำงานส่งต่อรวดเร็วทันใจมากค่ะ

จากนั้นก็รอค่ะ สองวัน... สามวัน สี่วันทำการก็ยังเงียบ คือ วันพุธเริ่มนั่งวิเคราะห์ข้อเด่น ข้อด้อยของตัวเองต่อผลการพิจารณาวีซ่า ..ฉันมันไม่ดีตรงไหน 
SMSที่ 2 และ 3 เด้งเข้ามาต่อกันในเย็นวันพฤหัสครบสัปดาห์พอดี ว่าผลการขอวีซ่าถูกส่งกลับจากสถานทูตแล้ว และได้จัดส่งพาสปอร์ตต่อไปยังที่อยู่ที่ได้แจ้งไว้ แต่กว่าพาสปอร์ตจะส่งมาถึงเราก็วันเสาร์ค่ะ
 

 

จากอ่านกระทู้ในพันทิพ พบว่ามีผลลัพธ์การขอวีซ่าในช่วง 2-3 ปีหลัง อยู่ 3 ประเภท คือ ได้เร็วมากค่ะ 2-3 วันได้แล้ว/โดนเรียกสัมภาษณ์/วีซ่าไม่ผ่าน ..ทำไมไม่มีใครรอวีซ่าเป็นอาทิตย์แล้วมาเล่าบ้าง เลยตั้งใจว่าถ้าได้วีซ่าเชงเก้นมาเป็นของตัวเอง จะมาแชร์ #คนรอผลวีซ่านานจะต้องมีที่ยืน เผื่อมีใครกำลังว้าวุ่น ลุ้นผลวีซ่าอยู่ เปิดมาเจอกระทู้เราจะได้มีกำลังใจรอวีซ่าต่อไป keep calm and carry on นะคะ

เริ่มจากเตรียมเอกสาร

รายละเอียดเอกสารก็จะแตกต่างกันไปบ้างตามแต่อายุ วรรณะ เทศะ สำหรับเรา ซึ่ง..อายุเกิน 18 รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ไปคนเดียว ทำกิจการส่วนตัวมีชื่อเป็นกรรมการ ต้องการขอวีซ่าท่องเที่ยว ระยะสั้น แบบ single entry เตรียมเอกสารไปตามนี้ค่ะ
ปล. วีซ่าเรารอผลออก 5วันทำการ ตามกำหนดที่แจ้งในเวบไซต์ VFS ไม่ได้รวดเร็วแบบหลายๆคนนะ 

 

1. แบบฟอร์มคำร้องวีซ่า จะกรอกออนไลน์ก็ได้ แต่เรากรอกใส่กระดาษแบบออฟไลน์ 
2. รูปถ่าย พื้้นขาว ขนาด 35x45mm 2ใบ ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน บอกร้านว่าจะเอาไปยื่นวีซ่าอิตาลี
3. หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบัน อายุเหลือเกิน 6 เดือน มีหน้าว่างมากกว่า 2 หน้า
4. ใบจองตั๋วเครื่องบิน เราจองกับบริษัทตัวแทนขายตั๋วแล้วปริ้นต์ใบจองมายื่น ระหว่างรอผลวีซ่าเค้าก็รีบุคกิ้งตั๋วให้เรื่อยๆ จนได้วีซ่าถึงจ่ายตังออกตั๋ว 
แพงกว่าซื้อในเวบไซต์เองแค่ 2-3ร้อย ไม่ต้องลุ้นตั๋วหลุดจอง หรือต้องมาหาตั๋วใหม่หลังได้วีซ่า สะดวกสบายมาก
5. หลักฐานจองที่พัก ใบจองต้องมีชื่อที่อยู่ของที่พัก วันที่พัก และชื่อคนพักทุกคน เราไปเที่ยวคนเดียว เลยลงชื่อง่ายหน่อย เลือกการจองแบบที่ยังไม่ต้องจ่ายเงินทันที
ตอนนี้ที่พักหลายๆที่มีนโยบายให้ยกเลิกฟรีก่อนจะถึงวันเข้าพัก ส่วนเรามีทั้งจองตรงกับที่พัก และผ่าน agoda
6. ตารางเดินทาง ของเราไปอิตาลีประเทศเดียว ก็แค่บอกว่าแพลนวันนี้เราจะไปสถานที่ไหน เมืองอะไร นอนที่ไหน ยังไม่ระะบุรายละเอียดวิธีเดินทางที่ชัดเจนก็ได้ 
7. หลักฐานการเงิน ย้อนหลัง 3 เดือน จริงๆเค้าให้ใช้ online statement ได้ แต่เราใช้ธนาคารม่วง ซึ่งแบบออนไลน์เปลี่ยนชื่อเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็เลยไปขอสเตทเม้นท์ที่ธนาคารแล้วให้เค้าพิมพ์ชื่อเป็นอังกฤษให้ เสียค่าบริการ 100 บาท 
เห็นบางท่านใช้วิธี เขียนชื่อของตัวเองเป็นภาษาอังกฤษแล้วเซ็นรับรองก็ได้นะ แต่เราไม่แน่ใจว่าแต่ละประเทศในเชงเก้นจะเหมือนกันมั้ย เลยยอมเสียร้อยบาทเอาชัวร์ค่ะ
8. หนังสือรับรองการทำงาน ใช้หนังสือรับรองบริษัท ออกไม่เกิน 90วัน แล้วแปลเป็นอังกฤษ ที่จะว่าแปลเองก็ไม่เชิง เรียกว่าไปลอกมาจากในเนตนี่แหละ (ขอขอบคุณต้นฉบับ(หลายที่)มา ณ ที่นี้)
ดัดแปลงให้เป็นข้อมูลของเราเอง แล้วลงชื่อรับรองการแปลทุกหน้า คือถ้าไปขอให้ DBD ออกเป็นภาษาอังกฤษ จะเสียเงิน 1,160 บาทไง  
แล้วไม่ต้องแปลถึงหน้าวัตถุประสงค์ เจ้าหน้าที่เค้าบอกว่าใช้แค่หน้าแรกที่เห็นชื่อเราเป็นกรรมการก็พอ เราแปลไป 2 หน้าแรกค่ะ เพราะแปลล่วงหน้าไว้แล้ว อีกอย่างคิดเอาเองว่าหน้า 2 ก็จะมีรายละเอียดว่าบริษัทเราเสียภาษีล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว ก็แสดงว่ากิจการเรายังแอคทีฟอยู่งี้ ตอนยื่นเรานำหนังสือฯตัวจริงภาษาไทยพร้อมสำเนา และฉบับแปลไปยื่น เจ้าหน้าที่คืนตัวจริงกลับมาค่ะ

หนังสือรับรองบริษัทภาษาอังกฤษที่เราใช้ไปยื่นวีซ่า

9. เนื่องจากเราไปเที่ยวคนเดียว เป็นการขอเชงเก้นครั้งแรก วีซ่าอเมริกา แคนาดา อังกฤษ ไม่เคยมีเลยซักที่ เราเลยเขียนจดหมายแนะนำตัวแถมไปด้วย อธิบายลักษณะงานของบริษัท รายได้ เหตุผลที่อยากไปเที่ยว เหตุผลที่ต้องมากลับเมืองไทยแน่ๆ มีเอกสารอะไรยืนยันก็ยื่นไปด้วย แต่เจ้าหน้าที่คืนมาหมด เอาไปแต่จดหมายแนะนำตัว

ตอนที่ยังไม่รู้ผลวีซ่า ก็นึกไปว่า หรือที่วีซ่าชั้นจะไม่ผ่านเพราะเขียนบรรยายในจดหมายเว่อร์ไปมั้ย เค้ากลัวเราจะหนีไปอยู่เลยรึปล่าว แต่ที่เขียน เรารู้สึกแบบนี้จริงๆนะ อิตาลีคือ ประเทศที่สร้างแรงบันดาลใจ เป็นประเทศที่เราอยากไปที่สุดในระยะสิบปีหลังมานี้
 

10. ประกันเดินทาง วงเงินขั้นต่ำ 1,500,000 บาท ซื้อออนไลน์จากบริษัทที่อยู่ในโพยของเชงเก้นค่ะ เราซื้อวงเงินไปสามล้านเลยค่ะ ไม่ใช่อะไร จะเอาคูปองสตาร์บัคแหละ อิอิ
11. สำเนาหนังสือเดินทางเล่มปัจจุบัน 2 ใบ ใครเคยได้วีซ่าเชงเก้น อังกฤษ อเมริกา แคนาดาก็ถ่ายสำเนามาประกอบได้ค่ะ แต่เราไม่มี สบายไป 

ขั้นต่อมา ก็นัดหมายวันยื่นเอกสารทางเวบไซต์ของ VFS Italy ยื่นล่วงหน้าก่อนวันเดินทางได้ 90วัน 

เริ่มจากสมัครผู้ใช้งานใหม่ จากนั้นก็เข้าไปลงชื่อผู้ขอยื่นวีซ่าลงข้อมูลต่างๆ หลังจากสมัครแล้วต้องเข้าไปเลือกวันนัดหมายภายใน 15 วันนะคะ ไม่งั้นล็อกอินจะหมดอายุ ต้องมาสมัครใหม่อีก ตรงหน้าแรกหลังจากล็อกอินจะมีแจ้งวันที่สามารถยื่นเอกสารได้เร็วที่สุดบอกไว้ด้วย แต่ไม่ต้องตกใจ(แบบเราในตอนแรก)ว่าต้องไปวันนี้เหรอ ชั้นยังไม่พร้อมนะ คือ หลังจาก add appplicant ไปแล้ว เค้าจะมีปฏิทินกับช่วงเวลาให้เลือกตามสะดวก นัดในระบบเสร็จ ก็จะมีบัตรนัดส่งมาทางอีเมล ปริ้นต์ใบนัดไปในวันยื่นเอกสารด้วย 

แล้วก็มาถึงวันเวลานัดยื่นเอกสาร ตรงไปที่จามจุรีสแควร์  MRTสามย่าน ขึ้นไปชั้น 4 ยื่นบัตรนัด ผ่านจุดตรวจ เอาเป้เอากระเป๋าเข้าไปได้นะคะ แต่ต้องเปิดให้ตรวจก่อน จากนั้นรับคิวยื่น ถึงคิวก็เอาเอกสารที่เตรียมมาไปยื่น มานั่งรอสวยๆ ซักพักเจ้าหน้าที่ก็เรียกไปจ่ายเงิน ( 2,751 บาทรวมค่าsmsและemsแล้ว) เก็บลายนิ้วมือ กลับบ้านได้ค่ะ 

ที่เหลือก็รอค่ะ ใครลงทะเบียน SMS ราคา 70 บาทเอาไว้ ก็จะมีความคืบหน้าส่งมาทางมือถือด้วย นอกจากทางอีเมล (ซึ่งก็เด้งมาทางมือถือเหมือนกัน) อย่างที่บอกไปตอนต้น หนังสือเดินทางเราส่งกลับมาที่ VFS 5 วันทำการ ครบสัปดาห์หลังจากยื่น แต่ใน SMSหรือเมลเค้าก็ไม่ได้บอกนะว่าในเล่มนั้นมีวีซ่าแปะมาด้วยมั้ย เราอยู่ต่างจังหวัด ก็ลุ้นต่ออีก 2 วัน กระทั่ง EMS มาถึงบ้านนั่นแหละค่ะ วีซ่าได้มาพอดีๆ 10วัน จากแพลนไปเที่ยว 9 วัน ดีใจเหมือนตอนรู้ผลเอนทรานซ์เลยค่ะ