:: ศึกชิงบัลลังก์ยุทธ์ มังกรพยัคฆ์บูรพา ตอนที่ 26 :: :: ศึกชิงบัลลังก์ยุทธ์ มังกรพยัคฆ์บูรพา ตอนที่ 26 :: เรื่องและภาพ : กะว่าก๋า ![]() ![]() คูบิไลข่านใช้เวลาถึงเจ็ดปีเต็มในการรุกคืบเข้าไปทางใต้ของอาณาจักรต้าซ่ง แทนที่จะรุกทางเหนือก่อนซึ่งดูจะง่ายดายกว่า แต่เมื่อประเมินสถานการณ์กับแม่ทัพนายกองคนสำคัญแล้ว จึงมั่นใจว่าวิธีแผ่ขยายอิทธิพลควรกระทำไปพร้อมกันทั้งสองทาง แต่ให้น้ำหนักกับการรุกคืบทางด้านใต้มากกว่าทางเหนือ โดยมีเมืองเซียนหยางเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่สุด หากยึดเมืองนี้ได้ ก็แทบจะยึดครองต้าซ่งได้ทั้งหมดในคราวเดียว เตมูบูจินส่งมอบพิชัยยุทธ์ซึ่งตนเองเขียนขึ้นให้กับคูบิไลข่านได้ศึกษา ในนั้นปรากฏทั้งรูปแบบการจัดเตรียมทัพ กลยุทธ์ในการรบ ไปจนถึงรูปแบบการเมืองการปกครอง เตมูบูจินเสนอให้คูบิไลข่านใช้ความละมุนละม่อม ไม่ก่อสงครามโดยไม่จำเป็น ไม่เข่นฆ่าชาวซ่ง ไม่ข่มเหงรังแกผู้หญิง ไม่ปล้นทรัพย์ชาวบ้าน ไม่ทำร้ายรังแกข้าราชการที่ดี กองทหารต้องฝึกฝนฝีมือจนเชี่ยวชาญการรบ มีระเบียบวินัยเข้มแข็ง เข้าใจคำสั่งและกลยุทธ์ในการรบ ฝ่ายเสบียงต้องเตรียมความพร้อมรับมือศึกสงครามยืดเยื้อให้ได้นาน 10 ปีเป็นอย่างน้อย จึงจะสมควรเคลื่อนทัพยึดครองใต้หล้า ทุกครั้งที่รุกคืบเข้าไปในแผ่นดินซ่งจะต้องใช้ “การเมือง” นำ “การรบ” สยบผู้คนด้วยการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่เปลี่ยนแปลงความเชื่อทางศาสนา ไม่ปรับเปลี่ยนธรรมเนียมซ่งให้ต้องเป็นเหมือนธรรมเนียมจิน ต้องทำให้ประชาชนต้าซ่งรู้สึกว่าการอยู่ภายใต้การดูแลของคูบิไลข่าน จะทำให้พวกเขามีความสุขในชีวิต ซึ่งนั่นจะลดการต่อต้านจากประชาชนในต้าซ่งไปโดยปริยาย คูบิไลข่านทรงเห็นด้วยกับหลักการของเตมูบูจินทุกประการ สั่งการให้ข้าราชการทุกระดับ ทหารทุกกรมกองยึดมั่นในหลักการนี้ นับตั้งแต่วันแรกซึ่งดำเนินนโยบายยึดครองต้าซ่งไปจนถึงวันแรกของการสถาปนาราชวงศ์หยวน ! .................................................. เตมูบูจินเป็นนักรบผู้เก่งกล้าสามารถ แต่วันที่พ่ายแพ้ให้แก่ไป่จิงเหวิน ทำให้เขารู้ว่าโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือราชายังมียอดราชันย์ การได้ประลองกับสุดยอดจอมยุทธ์ คือการเปิดโลกทัศน์และมุมมองให้กว้างขวางลุ่มลึกกว่าที่เคยเป็น ไป่จิงเหวินเมื่อสาบานเป็นพี่น้องกับเตมูบูจิน ก็ได้ติดต่อกันโดยตลอด ผ่านทางจดหมายซึ่งเขียนหากันนาน ๆ ครั้ง สนทนาถึงความเป็นไปในบ้านเมือง แลกเปลี่ยนทัศนะทางการเมืองการปกครอง และเมื่อนับหน้าถือตากันอย่างสนิทใจ ไป่จิงเหวินจึงถ่ายทอดความรู้ในเรื่องพิชัยสงครามให้กับเตมูบูจินโดยไม่คิดปิดบัง “คัมภีร์พิชัยยุทธ์ต้าซ่ง” ทำให้ความรู้ในเรื่องการจัดเตรียมทัพ กลศึก กลยุทธ์ในการรบของเตมูบูจินยอดเยี่ยมกว่าแม่ทัพคนใดในอาณาจักรจิน แม้แต่คูบิไลข่านเองยังยกย่องนับถือในตัวเตมูบูจินเป็นอย่างยิ่ง ……………………………………… เมืองเซียนหยางนั้นมิอาจหักหาญเอาชัยได้ด้วยการโถมแรงบุก ด้วยเหตุที่ภูมิประเทศเอื้อต่อการตั้งรับ กำแพงเมืองแข็งแรงสูงชัน แวดล้อมด้วยคูน้ำลึก ทหารซึ่งอยู่ปกป้องเมืองต่างยอมตายถวายชีวิต ไม่คิดยอมจำนนง่าย ๆ แม้ทัพของคูบิไลข่านจะปิดล้อมไว้นานสามเดือนแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าทหารด้านในจะยอมแพ้ นี่เป็นการตีชิงเมืองครั้งที่สามในรอบ 7 ปี เมืองซึ่งเข้าตียังไงก็ทำไม่สำเร็จ ! สองครั้งที่ผ่านมา แม้คูบิไลข่านจะนำทัพมาด้วยตนเอง แต่แม่ทัพใหญ่หาใช่เตมูบูจินไม่ แม่ทัพบาตาญ่านำกำลังพลสิบหมื่นเข้าโจมตี ฝ่ายต้าซ่งเอาแต่ตั้งรับในกำแพงเมืองไม่คิดสู้แบบแตกหัก เมื่อยื้อนานวันเข้า เสบียงของฝ่ายจินก็ร่อยหลอจนต้องนำทัพล่าถอยกลับไปทุกครั้ง แม่ทัพเฝ้าด่านเซียนหยาง คือ เย่วฉินฟง แม่ทัพชราผู้เก่งกล้าสามารถในการรบ เลือกใช้แผนการสู้ได้แยบยลและมีประสิทธิภาพ แม้เลือกตั้งรับอยู่ในกำแพงเมือง แต่เมื่อกองทัพจินเผลอประมาท ก็จะถูกโจมตีโดยหน่วยเคลื่อนที่เร็วของเย่วฉินฟงจนทหารจินบาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อย เตมูบูจินมิเคยนำทัพข้ามมายังดินแดนต้าซ่งเลย เนื่องจากต้องรับมือกับเหตุการณ์ภายในอาณาจักรจินซึ่งยังมีความอ่อนไหว กลุ่มต่อต้านคูบิไลข่านยังไม่ได้ถูกปราบปรามจนหมดสิ้น ทุกครั้งที่ทัพหลวงของคูบิไลข่านเคลื่อนพลไปรบยังต่างแดน เตมูบูจินจึงต้องอยู่รักษาการณ์ แทนคูบิไลข่านทุกครั้ง แต่คราวนี้การศึกจะแตกต่างออกไปอย่างแน่นอน เมื่อคูบิไลข่านนำทัพ 18 หมื่นบุกด่านเซียนหยางด้วยตัวเอง แถมข้างกาย คือ ขุนพลหน้ากากขาวผู้องอาจ ศึกครั้งนี้ เห็นทีแม่ทัพเย่วฉินฟงคงมิอาจรับมือได้โดยง่ายอย่างแน่นอน ! …………………………………… แม่ทัพเย่วฉินฟงมีสีหน้าเคร่งเครียดกว่าทุกครั้ง แม้มีอายุ 70 กว่าปีแต่ยังจับทวนเข้าต่อกรกับข้าศึกศัตรูอย่างอาจหาญ เลือดทุกหยดพร้อมรินหลั่งเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน แต่ที่ใครไม่เคยล่วงรู้ นั่นคือ ที่ปรึกษาของเย่วฉินฟง คือ ขุนพลผู้ปิดบังอำพรางใบหน้าไว้ด้วยหน้ากากไม้สีดำ ! …………………………………….. เย่วฉินฟงนึกถึงบ่ายวันหนึ่งเมื่อ 7 ปีก่อน ขณะควบม้าตรวจค่ายทหารอยู่นั้น ม้าคู่ใจกลับพยศฝืนคำสั่ง ลากผู้เป็นนายหายเข้าไปในป่าทึบ มันวิ่งอย่างบ้าคลั่งเสียสติ จนมาถึงหน้าหนองน้ำแห่งหนึ่ง จึงได้หยุดวิ่งทำท่าเหนื่อยอ่อนหมดแรง เย่วฉินฟงกระโดดลงมาจากหลังม้า เบื้องหน้ามีก้อนหินใหญ่โตสูงท่วมหัว บนนั้นมีบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งกำลังนั่งตกปลาอย่างสบายอารมณ์ เย่วฉินฟงระแวงแคลงใจ มิรู้คนเบื้องหน้าเป็นมิตรหรือศัตรู “สวัสดีท่านแม่ทัพ” เสียงของนักตกปลาดังขึ้นก่อน น้ำเสียงดูเป็นมิตรมิใช่ศัตรู “มิทราบว่าท่านคือใคร เหตุใดใยนั่งตกปลาอย่างสบายอารมณ์ ทั้งที่บ้านเมืองกำลังอยู่ในภาวะสงครามเช่นนี้” เย่วฉินฟงไถ่ถามด้วยความแปลกใจ บุรุษผู้ตกปลาอยู่นั้นสวมใส่ชุดขาวทั้งชุด ปกปิดใบหน้าเอาไว้ด้วยหน้ากากไม้สีดำเข้ม “ข้ามิได้ตกปลา” แม่ทัพทำหน้างง เพราะเห็นอยู่ว่าในมือของชายคนนั้นมีเบ็ดถือไว้ “ท่านถือเบ็ดไว้ในมือ แต่กลับบอกว่าไม่ได้ตกปลา” บุรุษหน้ากากดำกระโดดลงมาจากก้อนหินสูงใหญ่ด้วยวิชาตัวเบาอันล้ำลึก เย่วฉินฟงอดทึ่งมิได้เมื่อได้เห็นความสามารถอันเอกอุ บุรุษหน้ากากดำยื่นคันเบ็ดให้ดู มันมีแต่เชือก ไม่มีตะขอเบ็ด ! เย่วฉินฟงอดถามมิได้ “แล้วท่านทำอะไรอยู่หรือ หากมิได้ตกปลา” “ข้ากำลังช่วยท่านรักษาบ้านเมือง” คำตอบของชายหน้ากากดำทำให้เย่วฉินฟงงุงงนจนมิอาจต่อความ บุรุษหน้ากากดำเห็นแม่ทัพยืนนิ่งอับจนถ้อยคำ จึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้าเป็นคนหนึ่งซึ่งรักชาติรักแผ่นดิน หลายปีที่ผ่านมาแม้เก็บตัวเงียบ ถอยห่างจากยุทธภพ แต่ข้ายังเป็นห่วงเป็นใยบ้านเมืองอยู่เสมอ อาณาจักรจินกำลังแผ่ขยายอิทธิพลเข้ามายังต้าซ่งได้มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ท่านรู้ไหมว่าสิ่งใดน่ากลัวกว่าทหารจิน” เย่วฉินฟงรู้คำตอบดีแก่ใจ โพล่งตอบไปว่า “สิ่งที่น่ากลัวกว่าทหารจิน ก็คือ ความฟอนเฟะของราชสำนักต้าซ่งนั่นเอง” บุรุษหน้ากากดำหยักหน้าเห็นด้วย “ราชสำนักเสื่อมโทรม ขุนนางโฉดชั่วโกงกินมิรู้จักอิ่ม ทหารกลายเป็นโจร ผู้รักษากฎกลายเป็นคนร้าย คนชั่วกลับถือครองอำนาจในมือ นักบวชทุศีล ประชาชนไร้ความหวังในชีวิตเนื่องจากถูกกดหัวให้อยู่แต่กับความกลัว สิ่งนี้คือสิ่งซึ่งกัดกร่อนต้าซ่งอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แทนที่ข้าจะปกป้องบ้านเมืองจากการรุกรานของพวกจิน ท่านแม่ทัพรู้ไหมว่าข้ากลับต้องสังหารทหารชั่วโฉดไปมากมายเพียงใด เพื่อมิให้ทหารเลวเหล่านั้นทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์” เย่วฉินฟงเพิ่งได้รู้ความจริงในวันนี้เอง ที่แท้บุรุษลึกลับซึ่งคอยช่วยเหลือชาวบ้านร้านช่องให้รอดพ้น จากการปล้มสดมภ์ข่มขืนจากทหารนอกแถวของต้าซ่ง ก็คือ ชายผู้นี้นี่เอง “ข้าชื่นชมในการปกป้องชาวบ้านของท่านมาก มิคาดคิดเลยว่าวันนี้จะมีวาสนาได้พบพานกับท่าน ขอท่านรับการคารวะจากใจจริงของข้าด้วยเถิด” แม่ทัพขยับจะทรุดตัวลงคำนับ บุรุษหน้ากากดำรีบประคองแขนเอาไว้ “อย่าได้ทำเช่นนี้เลยท่านแม่ทัพ ข้าเห็นท่านสู้รบต้านตีพวกจินอย่างสุดกำลัง รู้สึกนับถือในขนาดหัวใจของท่าน แต่บัดนี้สายลมเปลี่ยนทิศ ชีวิตเปลี่ยนทาง หากท่านมีเวลา เราคงมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนสนทนาว่าความกันอีกครั้งในภายหลัง” เย่วฉินฟงรู้สึกดีใจที่จะมีโอกาสได้ปรึกษาสนทนากับผู้มากความสามารถและเปี่ยมอุดมการณ์ “ข้ายินดียิ่งนักท่านจอมยุทธ์ มิรู้สมควรจะเรียกท่านด้วยนามอันใดดี ?” “เรียกข้าว่า “บุรุษหน้ากากดำ” ก็ได้ วันนี้ข้าคงต้องขออำลาท่านแล้ว ไว้มีโอกาสเหมาะสม เราคงได้พบกันอีกครั้ง” พูดจบบุรุษหน้ากากดำทะยานขึ้นไปบนยอดไม้ จากนั้นกระโดดเหยียบยอดไม้ราวกับเหาะเหินเดินอากาศได้ กระโจนเพียงสามสี่ครั้งก็หายลับไปในพริบตา เย่วฉินฟงทั้งทึ่งทั้งมหัศจรรย์ใจในวรยุทธ์อันลึกล้ำของชายผู้นี้เหลือเกิน !!! ความเดิมจากตอนที่แล้ว ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3 ตอนที่ 4 ตอนที่ 5 ตอนที่ 6 ตอนที่ 7 ตอนที่ 8 ตอนที่ 9 ตอนที่ 10 ตอนที่ 11 ตอนที่ 12 ตอนที่ 13 ตอนที่ 14 ตอนที่ 15 ตอนที่ 16 ตอนที่ 17 ตอนที่ 18 ตอนที่ 19 ตอนที่ 20 ตอนที่ 21 ตอนที่ 22 ตอนที่ 23 ตอนที่ 24 ตอนที่ 25 นั่งอ่านงานเขียนชุดนี้ รู้เลยว่าชักพาเข้าสู่บรรยากาศ ทุ่งกว้าง
การสู้รบ แนวคิดทั้ง บู๊ บุ๊น.. อ่านไปไม่ใช่เฉพาะงานเขียนคุณก๋านะครับ เคยอ่านของท่านอื่นด้วย แผ่นดินกว้างใหญ่ ยามเมื่อเคลื่อนทัพ ใช้กำลังคนมหาศาล แล้วอาหาร ไปเก็บ ตุนชิงมาได้อย่างไร น่าจะมีกองพลา.. คอยจัดหา จัดปลูก จัดส่งไปสู่กองทัพหมู่บ้าน ที่ผ่านไปคงจะยับเยินไม่ใช่น้อย ก็เพิ่งเห็นคำแนะนำว่า ไม่ควรปล้น ชิงทรัพย์ ปชช.หรือย่ำยี ข้าราชการที่ดี .... อ่านงานเขียนข้างบนแล้ว ผมนึกถึงกองทัพพม่่าเข้าตีไทยฤดูแล้ง แล้วต้องถอยกลับ ไม่อยู่อโยธยาอีก ฮ่า น้ำท่วม.. ย้อนลงไปทางใต้ คงเช่นเดียวกัน ภาคใต้น้ำท่วมพวกก่อกวนก็ ลดบทบาทลง อยู่ยาก ไม่กล้าวางระเบิด คงจุดระเบิดไม่ไหว อีกอย่าง ไม่รู้เรือดำน้ำจะโผล่ไปใกล้ ๆ หรือเปล่า 555 โดย: ไวน์กับสายน้ำ
![]() ![]() จันทร์สวัสดีครับ คุณก๋า
ตามอ่านต่อครับ ที่แท้ ไป่จิงเหวิน เป็นบุรษหน้ากากดำ ฆ่าคนเลวในอาณาจักรต้าซ่ง 7 ปีกว่า น่าจะฆ่าได้เป็นแสน ไม่ได้อ่านประวัติศาสตร์เมืองเซียนหยาง/ต้าซ่งเลยครับ ว่าแพ้จินอย่างไร รู้แต่มองโกลชนะซ่ง ตั้งราชวงศ์หยวน ดูหนังจีน คนมองโกล ต้องตัดผมให้ล้านครึ่งหัวด้านบนถึงใบหู บ่ายวาน ลมแรง ฝนตกหนัก แต่ลมพัดฝนไปหมดตกไม่ถึงครึ่งช.ม. ![]() โดย: สองแผ่นดิน
![]() ![]() สวัสดีค่ะพี่
มา vote ส่งกำลังใจไว้ก่อนะคะ บัสต้องย้อนหลังกลับไปอ่านตอนที่หนึ่งก่อน เอาไว้จะมาคุยใหม่นะคะพี่ ![]() ![]() ![]() โดย: Sakormaree
![]() น่าจะพลาดอ่านไปสามตอน
วันศุกร์ยุ่งมาก เสาร์อาทิตย์นี้ก็ไม่ได้เข้าบล็อกเลยค่ะ พอจะเดาได้นะคะว่าหน้ากากดำ-ขาวเป็นใครบ้าง 555 บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้ ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น โดย: สาวไกด์ใจซื่อ
![]() ![]() เมื่อวานผมไปวิ่งมา กลับมาหลับยาวเลยครับ มาตามติดมังกรพยัคฆ์บูรพาต่อครับ
โดย: The Kop Civil
![]() ![]() ![]() เริ่มสนุกตื่นเต้นละ มีทั้งบุรุษหน้ากากขาว-หน้ากากดำ เอาใจช่วยคร้า ท่านแม่ทัพทั้งสองเมือง ![]() โดย: Tui Laksi
![]() ![]() Good afternoon
สวัสดีตอนบ่ายครับ I hope that today the weather in Chiang Mai will be very clear. ผมหวังว่าวันนี้อากาศที่เชียงใหม่คงจะแจ่มใสดี I ask so ผมขอให้เป็นเช่นนั้น Wish you luck ขอให้คุณจงโชคดี ![]() ![]() โดย: ลุงแอ็ดคิดถึงอดีตที่ผ่านมา (สมาชิกหมายเลข 4365762
![]() สวัสดีคะคุณก๋า..
สวัสดีในวันเลขสวย..9/9/2019 เป็นวันที่วุ่นวายอีกวันหนึ่งคะ... คนไข้เยอะ..คนมาคลอดวันนี้เยอะ..อิอิ โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ
![]() ![]() ที่ปรึกษา หน้ากากดำ ก็ต้องพี่ไป่ แหงๆนะครับ ถึงจะคู่ควร
แต่ที่ปรึกษา บางประเทศ กลับเป็นโหร เป็นซินแส ซะนี่ ตอนนี้มีตำแหน่งเป็นทางการซะเดียว ไม่รู้จะพูดยังไงนะครับ555 ![]() ![]() ![]() ![]() โดย: multiple
![]() พลาดไปหลายตอนเลยค่ะ ต้องหาเวลากลับไปอ่านย้อนหลัง
โลกใบนี้กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก เหนือฟ้ายังมีฟ้า การได้พบกับผู้มีความรู้ความสามารถ คือการเปิดโลกทัศน์และมุมมองให้กว้างขวางยิ่งขึ้นจริง ๆ โดย: เนินน้ำ
![]() ![]() ชอบความสัมพันธ์ Frenemy become best friend ของพี่เต กับพี่ไป่ จังครับ
อย่างแหละเนอะครับคนเก่งจะแพ้จะชนะก็เคารพกัน นี่แหละจอมยุทธธธธธ!!! โดย: จันทราน็อคเทิร์น
![]() มาอ่านนิยายตอนดึกเจ้า
วันสองวันมานิ ไมเกรนถามหา ปวดห่างไปผ่อง เพราะเริ่มฮักษาหมอที่ ชม.ราม แต่บะหายขาด ตึงวันกินยาประจำอยู่เจ้า ไป่จิงเหวินบะได้ทรยศต่อบ้านเมือง เพราะเขายึดคุณธรรมเป็นหลัก อาณาประชาราษฏ์เดือนร้อนทุกหย่อมหญ้า การคืนความสุขสู่ประชนชนอย่างแท้จริงต่างหาก ที่ถือกว่าเป็นการปกครองที่ร่มเย็นอย่างแท้จริง หาใช่การทรยศไม่ เอ..อู้ถึงกะไค่เติงหาในหลวง ร.9 แหะ แหะ โดย: JinnyTent
![]() ![]() จากบล๊อกครับ
นั่นแหละครับ นี่ขนาดเอกชนยังเต็มทุกเตียงตั้งแต่เช้า ไม่อยากคิดถึง รพ รัฐละครับ เจอคนมีดบาดมาฉุกเฉิน เป็นหวัดไอ มาฉุกเฉินนี่สงสารเลยครับ โดย: จันทราน็อคเทิร์น
![]() สวัสดี จ้ะ น้องก๋า
ลาบล็อกไป สอง วัน ไปทอดผ้าป่าที่พิจิตร จ้ะ กลับมาอ่าน งานเขียนเธอ ต้าซ่งต้องตกเป็นของ จิน ตั้งราชวงศ์ใหม่เป็น ราชวงศ์หยวน ครูก็เคยเรียนประวัติศาสตร์ ก็ก็จำไม่แม่น การขับ ไล่จิน น่าจะเกี่ยวข้องกับ การไหว้พระจันทร์ด้วยนะ ไม่รู้ว่าใช่ไหม ที่มีการซ่อนจดหมายในขนมเปี๊ยะ เพื่อเตรียมพร้อมขับไล่พวกจิน ออกจากประเทศจีน ตั้งราชวงศ์ใหม่ จำไม่ได่ว่า ชื่อราชวงศ์อะไร ตอนนี้ ครูแปลกใจ ทำไม ไปจิงเหวิน ถ่ายทอดวิชาสุดยอดของตนให้ เตมูบุจิน ซึ่งเป็นฝ่ายที่อยากได้ประเทศของตน อันนี้ ครูว่า ทำไม่ถูกนะ แทนที่จะปกป้องประเทศตนเอง ถึง จะปิดบัง หน้ากากไม้ เป็นกุนซือให้แม่ทัพที่รบกับจินก็เถอะ โหวดหมวด งานเขียนฯ โดย: อาจารย์สุวิมล
![]() ![]() พี่ก๋าเขียนแบบเล่าเรื่องจากหฃายๆ มุมของตัวละครเลย ไม่ได้เน้นที่บุคคลที่ 3 หรือจากตัวใดตัวหนึ่งอย่างเดียว
โดย: คุณต่อ (toor36
![]() ![]() |
BlogGang Popular Award#15
![]() กะว่าก๋า
![]() บทความทั้งหมด
|
สวัสดีวันที่เก้าเดือนเก้าค่ะคุณก๋า