" Metropolis" เมื่อคน 80 ปีก่อน ทำหนังในอีก 100 ปีข้างหน้า



หลังจากได้มาอยู่ในแดนสามจังหวัดภาคใต้ได้ซักระยะหนึ่งแล้ว โอกาสที่จะได้ออกไปข้างนอกก็ชักจะริบหรี่ลง
ทุกที เช้านี้ตื่นมาโทรศัพท์ก็ไม่มีสัญญานซะอย่างนั้น ในใจคิดอยู่ว่าคงมีอะไรเกิดขึ้นอีกแล้ว พอเปิดทีวีก็ไม่ผิดครับ
มีระเบิดที่ยะลาจริงๆ ( ทุกครั้งที่มีระเบิดจะมีการตัดสัญญานมือถือ เพื่อป้องกันการจุดระเบิดซ้ำ ) แถมมีเด็กเสียชีวิตต้องสามคน อารมณ์ออกหม่นๆแต่เช้าเลย

เมื่อวานนี้หลังจากบ่นๆกับ ผ.อ ว่าไม่มีอะไรทำในยามว่าง ผ.อ บอกว่ามีหนังดีเรื่องนึงจะแน่ะนำ แต่มันเป็นหนังเก่าน่ะประมาณ 80 ปีก่อน โอ้พระแม่เจ้า พ่อผมยังไม่เกิดเลย ผ.อ บอกว่าเป็นหนังวิทยาศาสตร์ ทีเด็ดคือ มันเป็นมุมมองของ
คนเมื่อ 80 ปีก่อน ที่ทำหนังเกี่ยวกับเมืองในอีกร้อยปีข้างหน้า ....................... ปกติผมไม่ค่อยนิยมหนังเก่าๆเท่าไหร่ เพราะไม่ใช่เป็นคอหนังตัวจริง กลัวดูแล้วจะหลับเอา แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรทำครับ


หนังเรื่องนี้สร้างขึ้นในปี 1927 เป็นหนังสัญชาติ เยอรมัน ( คงเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ) เป็นผลงานสร้างและกำกับของ ฟริทซ์ แลง นักสร้างภาพยนตร์ชาวออสเตรีย
ี้โดยสร้างเป็นหนังขาวดำ ไม่มีบทพูด จะมีเป็นตัวหนังสือขึ้นมาคั่นเป็นช่วงๆ
และจะมี่บางส่วนที่ไม่สามารถหาฟิมล์ต้นฉบับได้ฉากนั้นๆจะเป็นคำบรรยายแทน
เสียงอย่างเดียวในเรื่อง คือ เพลงออเคสตร้า ( แต่เด็ดอีกแล้วครับ )







หนังเล่าถึงเหตุการณ์ของเมืองหลวงแห่งหนึ่งในปี 2027 ......แค่เปิดมาฉากแรกให้เห็นภาพของเมือง ผมก็ทึ่งแล้วครับ ผมว่ามันแทบจะเหมือนปัจจุบันนี้เลย ตึกระฟ้า รถไฟฟ้า รถยนต์มากมาย ( ติดด้วย ) ผับคาวโลกีย์






หนังเล่าว่าเมืองนี้ที่เราเห็นแม้จะสวยงามนั้น แต่แท้จริงแล้วเมืองเหล่านี้ถูกขับเคลื่อนโดยกลุ่มแรงงานที่อยู่
ใต้ดิน เขาเหล่านี้ต้องทำงานวันละ 10 ชม ไม่มีหยุด ใช้ชีวิตอย่างไม่มีความหวัง ส่วนคนที่อยู่ข้างบนนั้นคือเจ้าของแรงงาน ผู้เป็นคนออกคำสั่ง เป็นซึ่งคนส่วนน้อย และใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ฟุ่มเฟือย ( ไม่ต่างจากทุกวันนี้เลยใช่ไหมครับ )




คนงานเปลี่ยนกะ


นาฬิกาของผู้ใช้แรงงาน คือ 10 ชม



พระเอกของเรื่อง ชื่อ “ เฟรดเดอร์ เฟรดเดอสัน “ เป็นลูกชายคนเดียวของ “โจ เฟรดเดอสัน “เจ้าของเมืองแห่งนี้
เขาใช้ชีวิตในวิมาณบนตึกชั้นบนสุด ที่พ่อเขาเป็นผู้สร้างให้ เขาไม่เคยทราบเลยว่ามีเมืองใต้ดิน จนวันหนึ่งเขาได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ “ มาเรีย “บุกเข้ามา พร้อมกับเด็กโทรมๆตัวเล็กอีกมากมาย แล้วบอกว่า “ ดูเด็กพวกนี้สิ เขาก็เป็นพี่น้องของคุณน่ะ “ จากนั้นเขาก็ถูกยามไล่ออกไป แต่คำพูดนี้ติดไปในใจเขา เขาถามคนใช้ว่าเด็กพวกนี้อยู่ที่ไหน แต่คนใช้ไม่ได้ตอบอะไร







จนวันหนึ่งเมื่อพระเอกได้ลงไปเห็นการทำงานของคนงาน เขาตกใจมากเมื่อเห็นคนงานถูกใช้งานหนัก และเกิดอุบัติเหตุ เครื่องจักรระเบิด แต่แทนที่จะมีการช่วยคนงานก่อน กลับเป็นการเอาคนงานชุดใหม่เข้าไปทำงานต่อแทน
พระเอกจึงสะเทือนใจมาก ได้ปลอมตัวลงไปยังเมืองใต้ดิน เพื่อลองใช้ชีวิตแบบคนงาน เรียนรู้วิธีชีวิต และเขาก็ได้พบกับ
“มาเรีย “ ผู้ซึ่งเป็นเหมือนผู้นำกลุ่มคนงาน ในการจัดชุมนุมในเมืองใต้ดิน โดยผู้ใช้แรงงานบอกว่าทนไม่ไหวแล้ว
เราทุกคนอยากก่อการปฎิวัติ แต่ มาเรีย บอกว่าการใช้กำลังไม่ใช่ทางแก้ไขที่ดี ที่สุด จงรอก่อน ซักวันจะมี mediator
ซึ่งจะเป็นผู้ที่จะมาช่วยพวกเรา ซึ่งคนๆนั้นก็คือพระเอกนั้นเอง






ฝ่ายพ่อพระเอก ก็ได้รับรายงานว่าจะมีการก่อปฏิวัติ จึงได้ไปไว้วานให้ ดร. Rotwang ผู้เป็นคนคิดค้นเครื่องจักรในเมืองนี้ โดยให้ ดร สร้างหุ่นแอนดรอย ที่หน้าเหมือน มาเรีย เพื่อทำการล้มเลิกแผนการ ดร.จึงบุกไปจับ
มาเรีย มาเพื่อเป็นแบบ แล้วกักขังตัวเธอไว้




พ่อพระเอก ทราบข่าวการปฎิวัติ ( จินตนาการเมื่อ 80 ปีก่อนน่ะครับ )




ดร.Rowang กับแขนเทียม




หุ่นแอนดรอย




โฉมหน้านางเอก



เมื่อหุ่นยนต์มาเรียได้สร้างเสร็จ ก็ได้ลงไปยังโลกใต้ดิน แล้วเรียกประชุมผู้ใช้แรงงาน บอกว่าผู้ช่วยให้รอด
ของเราคงไม่มาแล้ว ถึงเวลาที่เราต้องปฎิวัติ ผู้คนจึงลุกฮือขึ้นไปทำลายเครื่องจักร ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเมื่อทำลายเครื่องจักร
นี้แล้ว ระบบต่างๆจะรวน น้ำที่กักเก็บไว้จึงระเบิดออก ทำให้บ้านเมืองใต้ดินเขาถูกจม ลูกเมียของเขาที่อยู่ข้างล่างจะตาย
เมื่อทุกคนรู้ความจริงทุกคนโกรธ มาเรีย ( ตัวปลอม ) มากว่าเป็น นังแม่มด จะต้องจับมาเผา






โชคดีที่พระเอกได้บุกไปช่วยนางเอก และได้ลงมาเมืองใต้ดิน ช่วยเด็กๆทุกคนได้ทัน แต่มาเรีย ( ตัวปลอม )
ก็ได้หลบหนีไปเป็น นางรำ ที่ผับโลกีย์แห่งหนึ่งในเมือง ปรนเปรอ หนุ่มลูกคนรวยต่างให้หลงใหล และต่อสู้เพื่อแย่งเธอ







ผมชอบภาพนี้มากครับ มันสื่อได้เจ๋งดี


ผู้ใช้แรงงานทุกคนจึงออกหาตัว มาเรีย เพื่อจับมาเผา จึงบุกขึ้นมาบนเมืองข้างบน เมื่อจับเผาแล้วก็จึงทราบว่าเธอเป็นหุ่นยนต์ แต่แล้ว ดร ก็ได้จับ มาเรียตัวจริงอีกครั้งโดยแบกขึ้นตึก ( ต้นกำเนิดคิงคอง ผมว่า ) พระเอกของเราก็ได้ตามขึ้นไปช่วย ถีบ ดร ตกตึก

ฝ่ายพ่อพระเอกเมื่อได้รับรายงานว่า ลูกตัวเองก็อยู่ในกลุ่มผู้ใช้แรงงานก็รีบมาที่เกิดเหตุ เหมือนกับว่าอะไรๆ
ในชีวิตนี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับลูกอีกแล้ว ( บอกแล้ว ว่ายุ่งกับใครก็ได้ อย่ามายุ่งกับครอบครัวผม ..... )

จึงเกิดการเผชิญหน้าระหว่างหัวหน้าแรงงาน ( ในหนังเขาแทนด้วยคำว่า Hand ) กับผู้ว่าจ้าง ( ในหนังแทนด้วย Head ) ซึ่งนางเอกบอกสองสิ่งไม่สามารถร่วมกันได้ถ้าไม่มี Heart ซึ่งก็คือพระเอกนั้นเอง





ฉากสุดท้ายจึงเป็นการจับมือกันระหว่าง Hand กับ Head โดยมี Heart เป็นสื่อกลาง

ดูจบแล้วถึงกับ อึ้งทึ่งเสียว ครับ หนังเรื่องนี้มันดันสร้างใน 80 ปีก่อน ดูแล้วยังรู้สึกว่ามันเจ๋งกว่าหนังบางเรื่องในยุคนี้เลย หนังเรื่องนี้ใช้ทุนสร้าง 7 million Reichsmark หรือประมาณ $200 million ในปัจจุบัน ( แม่เจ้า )
นักแสดงในเรื่องนี้แบ่งเป็น นักแสดงชาย 26,000 ผู้หญิง 11,000 เด็ก950 คน คือรวมๆแล้วซัดไปกว่า เกือบสี่หมื่น คน
เขากำกับกันได้อย่างไรครับเนี่ย

มองแล้วก็นึกถึงโลกปัจจุบันครับ เรายังมีคนบนฟ้า และคนใต้ดิน ทั้งสองกลุ่มใช้ชีวิตต่างกันสุดขั้ว
คนบนฟ้าใช้ชีวิตอยู่อย่างหรูหราฟุ่มเฟือย เหมือนกับว่าไม่มีคนใต้ดินอยู่บนโลกใบนี้ ( หรือพยายามจะไม่รับรู้ )
ปัญหาของคนจน เขาอาจดูแล้วก็อาจจะสนใจ แต่เมื่อปิดทีวีมันก็จบตรงนั้น เจอเด็กขอทานก็ให้เศษเงิน ( ที่ไม่อยากเก็บอยู่แล้ว ) ก็ให้ๆไป เพื่อให้มันผ่านพ้นไป

ผมเคยได้ยินเพื่อนบ่นว่า โกรธพ่อมาก ที่ซื้อ ซีวิก รุ่นใหม่ให้ ทั้งๆที่เขาอยากได้ มินิ ออสติน ตัดมาอีกภาพหนึ่ง ผมออกตรวจ
เจอคนไขเด็กวัยรุ่นที่เส้นประสาทที่แขนขวาขาด เนื่องจากโดนคนเมาขับรถชน
(เขาไม่ได้กิน ) แต่กว่าจะมาตรวจเมื่อเวลาผ่านไป เกือบปี ( กลุ่มนี้ควรรักษาใน หก เดือน ไม่งั้นโอกาสที่เส้นประสาทจะเชื่อมจะน้อยมาก )

ผมถามเขาอย่างโกรธๆว่า "ทำไมพึ่งมาตอนนี"้
เขาตอบว่า "พึ่งทำงานเก็บเงินมาเป็นค่ารถมาได้ "้

บางที hand กับ head ในสังคมบ้านเรา อาจรอเวลาปะทะกันถ้าเราไม่รีบหา Heart มาประสานในเร็ววัน


ด้วยรักและเคารพ

:->m’26





เมโทรโพลิส (Metropolis) หรือในชื่อไทยว่า เมโทรโพลิส เมืองล่าหุ่นยนต์ เป็นภาพยนตร์ไซไฟ จากประเทศเยอรมัน ที่ออกฉายเมื่อปี พ.ศ. 2470 และได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุด เป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งมีการสร้างภาพยนตร์เรื่อง 2001 จอมจักรวาล ในปี พ.ศ. 2511 จึงเสียอันดับไป


เมโทรโพลิส เข้ามาฉายในประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2546 เป็นภาพยนตร์ฉายปิดงานเทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพ ครั้งที่ 1 (World Film Festival of Bangkok 2003) ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บรรเลงดนตรีโดยวงออเคสตราจาก วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล




Create Date : 23 มิถุนายน 2550
Last Update : 29 มิถุนายน 2550 17:44:26 น.
Counter : 5639 Pageviews.

19 comments
  
อ้าว จบซะละ กำลังเพลินเลยคะ
ชอบคุณหมอเขียนมาก ๆ คะ
ขออนุญาติเข้ามาอ่านบ่อย ๆ นะคะ

ข อ บ คุ ณ สำ ห รั บ สิ่ ง ดี ๆ ค ะ
โดย: เป็นกำลังใจให้คุณ วันที่: 23 มิถุนายน 2550 เวลา:20:47:10 น.
  
น่าสนใจดีนะคะ
ขอบคุณที่นำมาให้อ่าน
โดย: PenKa วันที่: 24 มิถุนายน 2550 เวลา:12:46:33 น.
  
แวะมาส่งความสุขค่ะ
โดย: verdancy วันที่: 24 มิถุนายน 2550 เวลา:17:44:58 น.
  
เคยได้ยินเกี่ยวกับหนังคลาสสิคเรื่องนี้ครับ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ดู
หนังดูยิ่งใหญ่และเปี่ยมล้นจินตนาการดีครับ บางทีผมก็คิดๆ เหมือนกันว่าหนังสมัยก่อนจะมีจินตนาการที่เป็นจริงในโลกปัจจุบัน
อย่างการพูดโทรศัพท์แบบเห็นหน้าคนพูดอะครับ ใครจะไปนึกว่าทุกวันนี้ทำได้แล้ว คุยกันข้ามประเทศยังได้
ประเด็นเรื่องหุ่นยนต์ก็เป็นที่สนใจในหนังหลายเรื่อง แต่หุ่นยนต์ในปัจจุบัน มุ่งเน้นเพื่อการใช้งาน ไม่ได้ทำให้รูปร่างเหมือนคนเท่าไหร่

สำหรับเรื่องช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนผมว่ามันเป็นธรรมดาของโลกนะ
แนวความคิดที่จะให้ทุกคนเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจในความเป็นจริงดูจะเป็นแบบสังคมนิยม
ผมว่าการที่เราได้ช่วยคนอื่นเท่าที่เราทำได้ก็เป็นสิ่งที่วิเศษแล้วครับ

โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 24 มิถุนายน 2550 เวลา:18:43:20 น.
  
ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=komi

ขอเป็นกำลังใจให้น้องหมอ ที่ปฎิบัติงานในดินแดนแห่งนี้
ขอให้คุณพระคุ้มครองค่ะ
โดย: komi_to วันที่: 24 มิถุนายน 2550 เวลา:20:23:43 น.
  
โครงเรื่องน่าสนใจมาก ๆ เลยค่ะ อ่านแล้วน่าติดตาม คิดว่าวันนี้จะไปหามาดู ไม่รู้จะหาได้หรือเปล่า

จริงค่ะ คนจนก็จนซะเหลือเกินนะคะ และนับวันจะยิ่งจนลง คนรวยก็รวยเอารวยเอา กอบโกยกันน่าดู

คุณอยู่ทางใต้ก็ระวังตัวนะคะ ได้ข่าวที่ไรใจหายทุกที เมื่อไรจะเลิก ๆ กันซะทีก็ไม่รู้

ป.ล ขอบคุณที่แวะไปที่บล็อคค่ะ
โดย: Lilac Girl วันที่: 24 มิถุนายน 2550 เวลา:20:31:53 น.
  
ตัวผมเองก็ยังไม่รู้เลยครับว่าจะหาดูได้จากไหน
เห็น ผ.อ บอกว่าเอามาจากเกาหลี หรือ อีเบย นี่แหละครับ

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาเยี่ยมชมครับ
โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่แตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 24 มิถุนายน 2550 เวลา:21:15:03 น.
  
เสียดายตอนนั้นไม่ได้ดู ที่มีวงออเครสตร้ามาเล่น
โดย: merveillesxx วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:4:36:02 น.
  
ความแตกต่างของคนในสังคมเปนโศกนาฏกรรมเสมอ..

แต่เขาสื่อได้ดีมากเลยเรื่อง Hand Head และ Heart น่ะ
โดย: floral_flory วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:9:10:16 น.
  
เคยดูหนังเรื่องนี้ค่ะ
"เปรี้ยว" ผ่านกาลเวลาจริงๆ

จขบ.เป็นหมอที่นราธิวาสเหรอคะ
เอาใจช่วย ให้ทำงานโดยปลอดภัยเน้อ
โดย: grappa วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:9:33:26 น.
  
น่าสนใจ น่าสนใจ มากๆ

ปล.ขอบคุณที่ไปเยี่ยมชมบล๊อกครับ
โดย: Untrue วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:9:43:55 น.
  
เป็นกำลังใจให้นะคะ คุณหมอ เฟืองตัวน้อยก็สร้างความต่างได้ค่ะ สู้ๆ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลหนังและวันฉายในบ้านเราใกล้ๆนี้ ชอบหนังเก่า แต่หาดูค่อนข้างยาก ตอนอ่านเพลินๆ ก็สงสัยว่าจะดูได้ที่ไหนนะ ท่าทางจะดี


โดย: อั๊งอังอา วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:10:53:59 น.
  
ขอบคุณที่เข้าไป Comment ทำให้มีโอกาสได้มาอ่านเรื่องราวดีๆ จากคุณkanapo ค่ะ

ปล. ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้นะคะ
โดย: gigAgain วันที่: 26 มิถุนายน 2550 เวลา:16:35:36 น.
  
เรื่องนี้ยังไม่ได้ดูเลยอ่ะ

โดย: renton_renton วันที่: 1 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:50:33 น.
  
ดีจ้า เข้ามาหลายรอบละ เม้นท์ไม่ได้ซะที แฮงค์ทุกที แหะๆๆ เบื่อไอ้โน๊ตบุคนี้จังค่ะ
....จริงด้วยค่ะ หน้าแฟนเอมี่ คล้ายท่านอดีตนายก มีแต่คนบอก เลยไม่กล้าไปเมืองไทยเลย กลัวโดนอุ้ม
โดย: angel สาธุ (ANGEL IN THE BLUE ) วันที่: 12 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:25:34 น.
  
อยากหามาดูบ้างจัง
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ และคำอวยพรวันเกิดค่ะ
และขอให้เหตุการณ์ร้ายๆ สงบลงไวๆ ด้วยเถิด
โดย: สิเนหก วันที่: 13 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:58:41 น.
  
ขอบคุงคับ ที่แวะมาทักทาย อยากดูบ้างจัง
โดย: อัศวินม้าไม้ (V18 ปุยฝ้าย) (กล่องความทรงจำ ) วันที่: 13 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:15:46 น.
  
แวะมาเยี่ยมค่ะคุณหมอ..เหมิอนเข้าไปนั่งในโรงหนังเลยค่ะ
ต้องขอบคุณเจากใจจริง..พราะดิฉันก็เป็นแฟนทั้งหนังไทยและหนังเทศ สมัยอยู่กทม.ต้องอัพเดทตลอด ตั้งแต่มาอยู่ตจว.2-3 ปี รู้สึกตกเทรนด์ไปเยอะเลย..แต่ชีวิตมันต้องหัดปลงให้ได้ใช่ไหมค่ะ..เมื่อเต็มอย่างก็ต้องขาดซักอย่างสิน่า
โดย: ขึ้น15ค่ำ วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:18:21 น.
  
เพื่อนเมิงคือ เมทกรูหรือป่าววะ

ไอแชมป์อ่ะนะ อิอิ
โดย: ชายหนุ่มที่ชอบเตะบอลตอนเย็น IP: 117.47.25.76 วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:21:48:45 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Kanapo.BlogGang.com

kanapo
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]