Hotel rwanda แล้วคุณละเด็กทักษิณหรือเปล่า
hotel rwanda






ผมไม่ได้เชียนเรืองราวเกี่ยวกับภาพยนต์มานานพอสมควร อาจเป็นเพราะช่วงหลังๆเมื่อดูหนังจบแล้วก็จบกันไป ไม่มีอะไรมากระแทกจิตใจมากนัก ( ส่วนหนังปลุกใจเสือป่าก็กระแทกจิตใจแรงเกินไป )

หนังชื่อชวนงงๆเรื่องนี้ผมได้รับคำแนะนำมาจากคุณ ลูกบาส
เธอบอกว่าเป็นหนังที่เด็ดๆมากพลาดไม่ได้ ไอ้ผมเป็นคนเชื่อคนง่ายและคิดว่าถ้าเราได้ดูหนังเจ๋งๆ คงทำให้หล่อขึ้นไม่น้อย ( ผมค่อนข้างหมกมุ่นเรื่องนี้อยู่พอตัว ) หลังจากได้รับคำแน่ะนำแล้ว ผมก็เบิ่งไปที่ร้านแมงป่อง เพื่อถอยหนังเรื่องนี้มาทันที

แต่แล้วความอยากหล่อก็ขับเคลื่อนผมไปไม่ถึงฝัน เนื่องจากหน้าปกเป็นเพียงภาพพี่ดำคนหนึ่ง กับสาวๆในโทนผิวคล้ายๆกัน
อีกทั้งชื่อเรื่อง " โรงแรม รวันด้า " ก็ไม่ชวนจินตนาการอะไรเลย
ผมสรุปเหมาเอาเองว่า มันคงเป็นหนังดราม่าคนดำ เศร้าเครียดๆ เรียกร้องสิทธิ
ซึ่งผมคิดว่าต้องใช้พลังในการดูไม่มากก็น้อย ดังนั้นผมจึงปล่อยตัวปล่อยใจไปกับ
"แม่สาวหัวลำโพง" "อเวจีสีชมพู" " นางทาส" " สงครามนางฟ้า " ( ผมล้อเล่นน่ะครับ )

หนังเรื่องนี้จึงหลบอยู่ในซอกหลืบ นานกว่า 5 เดืิอน

จนเมื่อสองวันก่อน ช่วงเวลาในโรงพยาบาลชุมชนที่ว่างแสนว่าง และไม่มีกิจอื่นอันใดให้ทำ วันนั้นพี่ดำส่งสายตามาให้ผมอย่างประหลาด
คำพูดของคุณลูกบาสลอยอยู่ในความคิด "เจ๋งมากๆ ดูให้ได้น่ะ "
และ ความอยากหล่อ ก็เข้าสิงผมอีกครั้ง

ผมจึงเสียบแผ่นเข้าเครื่องอย่างไม่เต็มใจนัก


hotel rwanda เป็นหนังที่กล่าวถึงประเทศเล็กๆในทวีปแอฟริกา
ประเทศที่เคยถูกปกครองโดยประเทศเบลเยี่ยม

คนในประเทศนี้มีอยู่สองเผ่าด้วยกัน คือ

1.เผ่าฮูตู ซึ่งเป็นเผ่าดั้งเดิมของที่นี่
2.เผ่าทุสซี่ เป็นเผ่าที่ย้ายมาอาศัยจากเอธิโอเปียและมีีจำนวนน้อยกว่า

เมื่อเบลเยี่ยมเข้ามาปกครองนั้น รัฐบาลเบลเยี่ยมได้ให้การสนับสนุนกับพวกทุซซี่ ทำให้ทุสซี่เป็นใหญ่
และได้ปกครองกดขี่ข่มเหง พวกฮูตูมาตลอด จนเมื่อชาวฮูตูได้ร่วมมือกันปฏิวัติ
ขับไล่เบลเยี่ยมออกไปได้ และตั้งรัฐบาล ทำให้พวกทุสซี่ได้ถูกเอาคืนข่มเหง
บางกลุ่มจึงต้องอพยพเข้าไปประเทศอูกันด้า

ในรวันด้าจึงเริ่มมีกลุ่มทหารบ้าน ที่เรียกตัวเองว่า "อินเตราฮัมเว" เริ่มปลุกระดม
ให้ชาวฮููตูออกมาจัดการพวกทุสซึ่เพื่อล้างเผ่าพันธ์ และเรียกพวกทุสซี่ว่าเป็น" แมลงสาป" การปลุกระดมก็เริิ่มจากการพูดทางคลื่นวิทยุไปทุกวันๆ
(เหมือนกับโฆษณา roll on ต่างๆ ที่ทำให้เราต้องมองไปที่งวงแขน ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่ได้เป็นบริเวณที่น่าสนใจเลย ของผมเองก็เกลี้ยงเกลาน่ะครับ )

จนวันหนึ่งเมื่อ ประธานาธิปดี ซึ่งเป็นคนฮูตู ออกสัญญาสันติภาพสงบศึกในรวันด้า แล้วหลังจากนั้น เครื่องบินของท่านก็ถูกมิสไซส์เข้าถล่มทันที

และนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเหตการ์ณในครั้งนี้

เพราะใน 24 ชม นั้นเอง ชาวฮูตูได้ออกไล่ฆ่าชาวทุสซี่ทันที

และ พี่ดำ พระเอกเราไปเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรกัน

พี่ดำเราคือ " พอล" Paul Rusesabagina
ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการโรงแรมสี่ดาวของเบลเยี่ยม "มิลลิคอน" ซึ่งเป็นโรงแรมไฮโซที่สุดแล้วในประเทศนี้ ดังนั้นพอลจึงรู้จักคนสำคัญหลายคนมากมาก แต่ปัญหาคือ พอล มีแฟนเป็นชาวทุสซี่ เมื่อเกิดการล้างเผ่าพันธ์ขึ้น พอลต้องการจะช่วยเพียงครอบครัวตัวเองให้รอด เนื่องพอลมีเส้นสายรู้จักคนสำคัญ และมีทักษะการทูตดีเยี่ยม
พอลจึงทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะหาเหล้า หาเบียร์ หาซิการ์ ให้กับกลุ่มกบฐฮูตู
เพื่อไม่ให้เข่้ามาทำร้ายคนในเขตโรงแรม ไปๆมาๆทำให้โรงแรมของพอล
กลายเป็นที่ลี้ภัยของชาวทุสซี่

ทีเด็ดของเหตการณ์นีี้คือ วันที่ UN ส่งกองกำลังมากช่วย
แต่แล้วกลับ ส่งกองกำลังมาเพื่ออพยพ คนขาว ของชาติตัวเองกลับเท่านั้น
โดยไม่มีการเข้ามาแทรกแซงเหตุการณ์ในประเทศแต่อย่างใด
เพราะ รวันด้า เป็นเพียงประเทศโลกทีสาม และไม่มีค่าในการเข้าไปสูญเสียแต่อย่างใด


ดังนัั้น UN จึงถอนกำลังออกทั้งหมด และให้ชาวรวันด้าจัดการปัญหานี้ด้วยตัวเอง
พระเอกเราจึงต้องทำทุกวิธีทางเพื่อช่วยทุกชีวิตที่อยู่ในโรงแรมนี้ให้รอด
โรงแรมแห่งนี้

" hotel rwanda "

รายละเอียดต่างๆเพื่อไม่ให้เสียอรรถรส ขอเชิญทุกท่านร่วมเก็บเกี่ยวตามอัธยาศํย




หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบ ตอนแรกผมนึกว่าเป็นเหตการณ์สมมุติ เพราะผมเองไม่เคยได้ยินชื่อประเทศนี้มาก่อน
แต่พอดู special feature ในแผ่นแล้วก็พบว่า เห้ยนี่มันเรื่องจริงนี่หว่า
แถุมมันเกิดขึ้นปี 2537 ซึ่งผมก็อายุได้ สิบกว่าปี หัวนมแตกพาน นั่งเล่นเกมกด ดูการ์ตูนแล้วนีี่หว่า ทำไมไม่รู้เรื่องเลยว่ะ

และผมยิ่งตกใจมากขึ้นเมืื่อรู้ว่า

100 วันถัดมาหลังจาก UN ถอนกำลัง มีคนตายทั้งหมดกว่า 1 ล้านคน

แม่เจ้านี่เราอยู่ในโลกใบเดียวกันหรือนิ

มันทำให้ผมนึกถึงฉากในหนังที่นักข่าวพูดกับพระเอกว่า

"คุณอาจจะคิดว่าเมื่อผมนำภาพการสังหารหมู่นี่ไปออกอากาศในโทรทัศน์
แล้วคนจะยื่นมือเข้ามาช่วย"
" แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาเหล่านั้นจะดูภาพเหล่านี้ระหว่างรับประทานอาหารมื้อเย็น แล้วบอกว่่า โหดร้าย จัง จากนั้นเขาก็จะเปลี่ยนช่องไปดูละครเรื่องอื่น "


ผมดูหนังเรื่องนี้จบ ก็กลับมาดูทีวีช่องปกติ เห็นข่าว พันธมิตรขับไล่นายก
เห็นข่าวสามจังหวัด โจรใต้วางระเบิด เผาโรงเรียน

บางทีเหตการณ์รวันด้า อาจไม่ไกลเกินตัว

ผมนึกถึงคำพูดของ เดล เคเนกี เจ้าพ่อแห่งมนุษย์สัมพันธ์ว่า
"แค่คุณเริ่มโต้เถียงคุณก็แพ้แล้ว"
เพราะถึงคุณเถียงชนะ ฝ่ายตรงข้ามก็เกลียดชังอยู่ดี
มันจึงเป็นชัยชนะที่ไม่มีความหมายอะไรเลย

ผมนึกถึงคำพูดของ มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์
ที่ว่า " เราไม่สามารถขับไล่ความมืดด้วยความมืด และ เราไม่สามารถกำจัดความเกลียดชัง ด้วยความเกลียดชัง "


บางทีทุกอย่างอาจจัดการแก้ไขด้วยคำเชยๆเพียงคำเดียว

"ความรัก"


บางทีโลกเราอาจเริ่มต้นจากจุดนี้ และมันคงจบลงถ้าสิ่งนี้ได้หายไป






ด้วยรักและเคารพ

:->m'26

( แหม ทำเป็นเข้ม )




ป.ล ถ้าท่านใดยังไม่ได้ดู และมีเวลาว่างๆซัก 2 ชม ควรหามาดูอย่างด่วนๆครับ









Create Date : 06 มิถุนายน 2551
Last Update : 7 มิถุนายน 2551 14:15:51 น.
Counter : 1326 Pageviews.

33 comments
  
จริงค่ะ แค่มีความรักและการใส่ใจทุกอย่างจะจบนะคะ
โดย: ครูค่ะ IP: 222.123.122.193 วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:21:56:32 น.
  
เป็นหนังที่ดูแล้วหดหู่มาก พอๆกับอมิสตาดเลยทีเดียว
เป็นเรื่องจริงที่ว่าเราเมินเฉยกับความเดือดร้อนของคนที่ไม่ได้รู้จักกัน
โดย: เหม่ IP: 202.28.181.11 วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:22:41:59 น.
  
เศร้าจังหมอ ความจริงมันน่าเศร้านะ
โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:23:19:09 น.
  
ดีครับ..
โดย: ลืมเมา IP: 124.120.13.17 วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:14:36:18 น.
  
หลังๆ มานี่เบื่อหนังการเมืองและหนังที่พูดถึงประเด็นใหญ่ๆ แหล่ะ
โดย: grappa วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:16:13:47 น.
  
คุณหมอ..ทำให้เราต้องตะเวนหาหนังเรื่องนี้มาดูอีกแล้ว..
ชื่อเรื่องคุ้น ๆนะคะ ..คงจะเคยเห็นแต่ไม่สนใจ... อาจจะเป็นเพราะตัวแสดงดูไม่ค่อยน่าสนใจ.. คุณหมอขึ้นหัวเรื่องว่า"แล้วคุณล่ะ เด็กทักษิณรึเปล่า" ขอตอบตรงนี้ค่ะ ว่าไม่ใช่อย่างแรง....เพราะเราไม่อาว..ววว.. ทักษิณ และไม่นิยมคนที่ชิมไป..ด่าไป..จ๊ะ ^O^
โดย: สมาชิกใหม่ IP: 203.153.173.20 วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:18:00:48 น.
  
สงสัยไม่ได้ดูแหง ๆ

ดูทีซีเรียสแรง
โดย: ชายหนุ่มที่ชอบเตะบอลตอนเย็น IP: 117.47.25.76 วันที่: 8 มิถุนายน 2551 เวลา:21:34:10 น.
  
เรื่องนี้ดูในโรงแล้วร้องไห้เลยครับ

ทำได้ดีมากๆจนมาถึงตอนจบที่ผมว่ามันดูจงใจHappy ending มากไปหน่อย

In the end , the world always win....
โดย: jonykeano วันที่: 9 มิถุนายน 2551 เวลา:9:38:20 น.
  
จริงผมว่าหนังมันซีเรียสจริงๆแหละครับ แต่ผมว่าเขาเล่าเรื่องได้ค่อนข้างดีครับ ลื่นคอ สบายๆครับ ไม่อึดอัดจนเกินไป

แต่ผมเห็นด้วยครับว่ามันออกจะ happy ending กันเกินไปนิด เพราะปัจจุบีนเห็นว่าสงครามมันก็ยังมีอยู่แต่เปลี่ยนที่เป็น คองโก แทน

หรือ ดูใกล้ๆก็บ้านเราก็มีมวยคู่เล็กให้ชมทางทีวีอยู่ครับช่วงนี้

เอ้า ออก ปายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

( เย้ย )
โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน IP: 61.7.219.60 วันที่: 9 มิถุนายน 2551 เวลา:15:53:40 น.
  
+ พี่ชอบหนังเรื่องนี้นะครับ (ถ้าจำไม่ผิด ติดในลิสต์ 10 หนังที่ชอบของปีที่ได้ดูนั้นของพี่ด้วย) ... คือเค้าทำหนังประเด็นซีเรียสออกมาได้กำลังดี ไม่โหดร้ายเกินไปจนแทบหายใจไม่ออก เหมือนหนังสงครามอีกหลายๆ เรื่อง ... ซีนกระชากใจก็อย่างเช่นตอนที่พระเอกขับรถไปบนกองซากศพ, ช่วงที่พระเอกขึ้นรถ แล้วถูกแยกจากลูกเมีย เป็นต้น ส่วนซีนอารมณ์ขัน(ร้ายๆ) ก็อย่างเช่นตอนที่ไปหลบอยู่หลังผ้าม่านในห้องน้ำ ... แล้วก็มีความซาบซึ้ง ใส่เข้ามาด้วย (เลยอาจกลายเป็นจงใจจบแบบชวนฝันไป) ครบทุกรสอ่ะครับ

+ ถ้าพี่จำไม่ผิด ดอน เชียเดิล (พระเอก) และโซฟี โอโคเนโด (เมียพระเอกในเรื่อง) ได้เข้าชิงออสการ์นำชาย กับประกอบหญิงของปีนั้นด้วยนะครับ

+ ปกติ พี่ไม่ชอบดูหนังสงครามนะครับ พี่รู้สึกว่า ทำไมคนเราต้องสู้รบกันเพราะเหตุผลไร้สาระ ที่บางทีทหารที่ถูกสั่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปทำไม หรือเพื่อใคร ... แต่หนังสงครามดีๆ บางเรื่อง รวมทั้งสงครามกลางเมืองอย่างเรื่องนี้ ถือเป็นกรณีพิเศษ ที่สามารถทำให้พี่ประทับใจได้อ่ะครับ

+ น้องหมอตั้ม อยู่แถวพัทลุง คงไม่ได้กลิ่นอายของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เหมือนตอนที่ได้ไปอยู่ในพื้นที่จริงๆ ตอนนั้นที่เห็นเต็ม 2 ลูกนัยน์ตา ... แต่เมื่อเคยผ่านสถานการณ์มาแล้ว คงเข้าใจ เห็นภาพทะลุปรุโปร่งเลยเนาะครับว่ามันร้ายแรงเพียงใดอ่า

+ ขอปิดท้ายด้วยคำอธิษฐานแบบนางงาม(ผู้รักเด็ก) ว่า "ขอให้โลกนี้สงบสุข" (ทั้งๆ ที่รู้ว่าคงไม่มีวันเป็นจริง)
โดย: วัยรุ่นตอนปลายที่ไม่ชอบเตะบอลซักเวลา (บลูยอชท์ ) วันที่: 9 มิถุนายน 2551 เวลา:18:58:01 น.
  
+ ลืมบอกไปว่า พี่ย้อนกลับไปอ่านหน้าเก่าและเห็นแล้วครับว่า "ไม่ได้ยุ่ง แต่ไม่มีเน็ตใช้" ... ก็ไว้จะรอน้องหมอตั้มรีเทิร์นสู่ยุทธภพอีกครั้งนึงนะครับผม
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 9 มิถุนายน 2551 เวลา:19:01:10 น.
  
ว้ายยยยย พี่หมอเชย(แอบจิกกัดเล็กๆ)
เรื่องนี้ตอนเรียนเทอมสุดท้ายต้องอภิปรายเป็นภาษาอังกฤษกันยาว เลยต้องนั่งดูหลายรอบ
จำได้ว่าตอนดูครั้งแรกดูก่อนจะเรียนเรื่องนี้แล้วประทับใจอารมณ์ที่หนังเสนอมาก คือมันไม่หดหู่เกิน ให้ความรู้สึกดีและแย่สมดุลย์กัน พอมาดูเจาะลึกแบบศึกษาเบื้องหน้าเบื้องหลังไปด้วยตอนเรียนก็ยิ่งขนลุก คิดเลยว่าเป็นหนังที่ห้ามพลาด(เหมือนกันchildren of menเคยดูยังคะ)ด้วยประการทั้งปวง

ดูหนังเรื่องนี้จบอาจารย์ยกประโยคมาร์ตินมาเหมือนพี่หมอเลย แล้วตบท้ายด้วยเพลงwhere have all the flower gone

น้ำตาไหลท่วมห้อง

Y_Y
โดย: one way ticket วันที่: 9 มิถุนายน 2551 เวลา:20:11:33 น.
  
ชอบเรื่องนี้เหมือนกันครับ

เคยเขียนถึงเอาไว้เหมือนกัน

และเขียนถึงฉากที่นักข่าวพูดเหมือนคุณ kanapo เหมือนกันด้วย...

สิ่งที่นักข่าวคนนั้นพูดเป็นความจริงที่น่าเจ็บปวด...




หวังว่าคงสบายดีนะครับ นานๆ ผมจะได้เข้าบล๊อกสักที...
โดย: คนทับแก้ว วันที่: 10 มิถุนายน 2551 เวลา:11:43:11 น.
  
น่าสนใจมาก ๆ ค่ะ
ชอบแนวนี้อยู่แล้ว

แต่จะหาจากที่ไหนดีล่ะเนี่ย

พี่หมอสบายดีนะคะ
โดย: verdancy วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:12:48:42 น.
  
ผมหวดหนังเรื่องนี้มาจากร้านแมงป่องครับ

139 บาทมั้งครับถ้าจำไม่ผิด


ตอนนี้ผมสบายดีครับ

เพียงแต่สัญญานมือถือ และ internet ยังเดินทางมาไม่ถึงดี
โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน IP: 61.7.219.60 วันที่: 12 มิถุนายน 2551 เวลา:15:42:03 น.
  
โห..ขอบคุณสำหรับคำอ้างอิงนะ ขอบคุณที่เขียนขึ้นมาด้วยอ่ะ มีประเด็นทีเดียว รู้สึกแย่มากกกกโคตรกับ สถานการณ์ ปัจจุบัน อยากบ่นแต่เดี๋ยวยาว

ดีใจนะที่แนะนำไปแล้ว ชอบเราว่ามันออกจะหดหู่อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะ ที่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง (ตอนนี้ rwanda ก็ไม่ได้ สงบซะทีเดียวนะ) จำได้ว่าดูงวดแรกเมื่อ bkk film fest แล้วสะเทือนใจมาก ไปหาข้อมูลประเทศนี้แล้วก็ เอามาให้ที่บ้านดู เล่นเอาคุณแม่ร้องไห้เป็นเผาเป็ด (อุฮิๆ โปรดอย่าแปลเป็นภาษา ใต้)

แนะนำอีกเรื่องนะ dirty pretty thing (ลองไปหามาดู ออกแนว sad but true เหมือนกัน แต่มิใช่หนังสงครามอ่ะ)

สะบายดีนะ (ไปดูนะๆ สะบายดีหลวงพระบาง ชอบๆ ดูแล้วยิ้มๆ ดีทีเดียว)
โดย: lukbasketball IP: 58.9.228.80 วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:1:21:35 น.
  
เผาเป็ด ............... ไม่อยากคิดภาพเลยนิ

โดย: kanapo วันที่: 17 มิถุนายน 2551 เวลา:20:40:29 น.
  
คุณหมอ review หนังอีกดิ เขียนหนุกดี เอาเรื่อง ส้มตำละกัน hehe ล้อเล่น...ไปดูเรื่อง mongolมา เจ๋งดี ไม่ได้คาดหมายว่ามันจะ ขนาดนี้ ลองหาเวลาไปดูนะ หมอไม่ลอง review เรื่อง เพื่อนสนิท เปนหนังที่เราชอบมากๆๆ อีกเรื่องนึง
โดย: lukbasketball IP: 58.9.210.186 วันที่: 22 มิถุนายน 2551 เวลา:23:49:33 น.
  
สวัสดีค่ะหมอตั้ม...

หมอตั้มเคยบวชพระไหมค่ะ..

ถ้าเคยบวช อยากจะถามว่า

ถ้ามีคนถักโครเชต์เครื่องบริวารถวายพระสงฆ์

จะยอมใช้หรือเปล่าค่ะ..ดูได้จากblogค่ะ
zwani.com myspace graphic comments
Orkut Graphics
ขอให้มีความสุขมากๆนะค่ะ
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:18:38:38 น.
  
ดูแล้วค่ะ เรื่องนี้สะเทือนใจอยู่ไม่น้อย
โดย: Neilnuch_T วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:21:29:14 น.
  
การดูหนังเรื่องนี้อาจไม่ทำให้คุณหมอหล่อ แต่ข้อเขียนของคุณหมอที่มีต่อหนังเรื่องนี้(โดยเฉพาะบทลงท้าย) มันทำให้คุณหมอดู "หล่อ" มากๆเลยครับ
โดย: แฟนผมตัวดำ วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:13:39:50 น.
  
"ความรัก" ชนะทุกสิ่งเห็นด้วยค่ะ

ปกติไม่ชอบหนังแนวๆ นี้เลยค่ะ น้ำตาคงท้วมจอแน่ๆเลย
แต่คุณหมอเขียนดีจังค่ะ ^^ อย่างน้อยวันนี้ก็ได้ความรู้ ประวัติศาสตร์โลก อีก 1 เรื่อง ...

นี่คุณหมอนักเขียน พออ่านจบแล้วดูคุณหล่อขึ้นจิงแหละ ^3^
โดย: แก้มหอม IP: 58.8.77.136 วันที่: 28 มิถุนายน 2551 เวลา:12:38:02 น.
  
....ไม่รู้จะพูดไรดีแฮะ





อ่านแค่ที่พี่หมอเขียนก็...ไม่รู้สิ แต่แค่พี่หมอบรรยายออกมาจากหนังมันก็ตรงๆๆๆๆมากๆๆๆๆจริงๆนะ
โดยเฉพาะที่ว่า..
"คุณอาจจะคิดว่าเมื่อผมนำภาพการสังหารหมู่นี่ไปออกอากาศในโทรทัศน์
แล้วคนจะยื่นมือเข้ามาช่วย"
" แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาเหล่านั้นจะดูภาพเหล่านี้ระหว่างรับประทานอาหารมื้อเย็น แล้วบอกว่่า โหดร้าย จัง จากนั้นเขาก็จะเปลี่ยนช่องไปดูละครเรื่องอื่น "

มันก็เหมือนผมตอนนี้ที่เข้ามาบล๊อกพี่หมอแล้วก็คิดในในว่า
"เรื่องจริงหรอเนี่ย? น่าสงสารจัง..แล้วก็ปิดบล๊อกแกงค์ไปเล่นไฮห้า"

แล้วผมจะทำไงดีหละเนี่ยถึงจะบรรเทาทุกข์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นได้??

ไว้จะหาหนังเรื่องนี้ดูบ้างคับ


ว่าแต่...ไม่รู้มันจะช่วยให้พี่หมอหล่อมั้ยเนี่ย?
แต่ผม"คาดหวัง"ว่าคงหล่อนะคับ ^^

โดย: P_Poy วันที่: 28 มิถุนายน 2551 เวลา:15:11:10 น.
  
ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเอง"หล่อ"ขึ้นนิดๆแล้วครับ

รู้สึกว่า ฮืห้า นี่กำลังฮิตวันฮิตคืนจริงๆครับ


ขณะนี้ๆ บ้านที่ผมอยู่เนทก็ยังไม่เข้าครับ

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 3 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:08:26 น.
  
สวัสดีค่ะ..

ช่วงนี้ ไม่ค่อยได้ดุหนังเลยค่ะ

อยากดูIndianna J.ก็ยังไม่มีโอกาศได้ดู

ขอบคุณที่แวะเข้าไปทักทายนะค่ะ..

zwani.com myspace graphic comments
Myspace Candy Bar Dolls
ขอให้มีความสุขมากๆในทุกๆวันค่ะ
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 4 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:24:55 น.
  
UNทำอย่างนั้นจริงๆ
ตอนสงครามกลางเมืองที่กัมพูชาก็ด้วย
เขาไม่ได้เข้าไปช่วยอะไร
ให้คนท้องถิ่นจัดการกันเอง
แถมเอารถถังอาวุธกลับประเทศไปด้วย

โลกความเป็นจริงที่จอมปลอมจริงๆ
โดย: จ๊ะเอ๋ IP: 125.25.204.100 วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:21:38:26 น.
  
เรื่องที่กัมพูชานี่ก็หน้าเศร้า

ไม่เป็นไรครับคุณ จะเอ๋

ถ้าเรายังหวังกันต่อไป

ซํกวันมันต้องดีขึ้นแน่นอน



อย่างน้อยก็ซักนิดน่ะ


โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:22:36:55 น.
  
คุณหมอค๊ะ
ไม่รู้ว่าคุณหมอเลิกฝึกงานแแพทย์มาแล้วกี่ปี
แต่ถ้าคุณหมอชอบหนังแนวนี้ และ เป็นนิสิตแพทย์ฝึกหัดอยู่ด้วยละก็...
อยากให้ดูเรื่องนี้ค่ะ The Last King of Scotland
ตัวละครเด่น คือ นิสิตแพทย์ฝึกหัด กับ ประธานาธิบดีของอูกันด้า
เห็นว่าเป็นแพทย์เหมือนกัน และหนังก็สอนอะไรดีๆด้วยเหมือนกัน แล้วก็ เป็นเรื่องจริงด้วยเหมือนกัน
แต่โดยรวมแล้วหนูชอบมากๆเลยค่ะ
(พระเอกหล่อค่ะ)

ที่แน่ๆ ขอดูเรื่องที่คุณหมอแนะนำก่อนนะค๊ะ
โดย: VeeJie วันที่: 12 สิงหาคม 2551 เวลา:4:41:33 น.
  
ไหนๆก็นะนำแล้ว เด๋วขอเล่าเรื่องย่อๆก่อนดีกว่า
นักศึกษาแพทย์จบใหม่
อยากใช้ชีวิตท่องโลก
เลยอาศัยมือจิ้มแผนที่โลก เพื่อไปฝึกงาน
และเรื่องราวต่างๆก็ตามมา
ด้วยความที่ยังเด็ก และ ความคะนอง
มันจึงทำให้เกิด...เหตุการณ์ไม่คาดฝัน
โดย: VeeJie วันที่: 12 สิงหาคม 2551 เวลา:4:49:53 น.
  
ผมจบการฝีกหัดแพทย์มาซัก สองปีได้แล้วครับ ( อย่ามาคำนวนอายุน่ะ )

เรื่อง last king of scotland นี่ยังไม่มีโอกาสได้ดูครับ
บางทีดูหนังเครียดๆติดๆกันก็ทำให้พลังตกลงเหมือนกันครับ ( อาจต้องขั้นด้วย ดีก ดำ ดึ๋ย )

ขอบคุณที่แน่นำหนังดีๆมาแนะนำสู่กันฟังครับ

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 12 สิงหาคม 2551 เวลา:12:20:20 น.
  
อยากดูคับ

ถ้าว่าง จะแวะไปนั่งดูที่บ้านท่าน สักวัน
โดย: tor IP: 118.173.151.136 วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:22:57:55 น.
  
last king of scotland

เรื่องนี้ผม มีโอกาสได้ดูแล้วฮะ

หนังก็สนุกดีคับ

แต่ก่อนดู ต้องเตียมใจ สักหน่อย

เนื้อหาหนักเอาการอยู่

ไม่แนะนำให้ดูคลายเครียด นะคับ....อิอิ
โดย: tor IP: 118.173.153.230 วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:0:19:12 น.
  
แล้วลูกพี่ต้อ มีแผ่นไหมครับเนี่ย
โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:0:35:55 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Kanapo.BlogGang.com

kanapo
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]