หรือจะโสดจนสามสิบ... (เรื่องจริงหรือนี่) วันที่ 99
ผ่านไปอีกวันกับวันอังคารที่แสนจะยูเรก้า
วันนี้ก็เริ่มต้นวันเหมือนอย่างเคย ๆ คือ รีบเคลื่อนย้ายมวลสารร่างกายออกจากเคหะสถาน บ้านทรายทอง ไปยังออพฟิศเพื่อรูดบัตรให้ทันเวลา
พอเข้างานก็ลุยทำงานอย่างเปรี้ยวปาก ทำไปซี๊ดไป ทำสรุปยอดสินค้าที่มีตัวเลขยุบยับเต็มหน้ากระดาษให้ซี๊ดซาด ตาลาย
แต่โดยรวมวันนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรต่างจากวันทำงานทั่วไป จะต่างก็แค่ตกเย็นมีกินเลี้ยงตอนรับคุณลุงอดีตเพื่อนร่วมงานที่ลัดฟ้ามาจากแดนปลาดิบ เพื่อมาเที่ยวไทยในภาวะวิกฤตแห่งชาติ
โดยพวกเรานั้นเลือกกันไปเลี้ยงต้อนรับที่ร้านอาหารชื่อ C2 ซึ่งอยู่ข้างแม่น้ำอะไรสักอย่าง แต่ไม่ทราบได้
แต่ตามความเชื่อส่วนตัวคงไม่พ้นเครือข่าย ดาวไลน์ของ ปิง วัง ยม น่าน ตามที่อาจารย์สังคมเคยเฝ้าสอนให้จำสมัยยังเด็ก
โดยเมื่อไปถึงร้าน พวกเราก็ประทับใจกับบรรยากาศแบบสบาย ๆ ข้างสายน้ำ และแอบพิเศษสุดเมื่อ วันนั้นไม่มีใครเข้ามากินเลยนอกจากโต๊ะเรา โต๊ะเดียว เรียกว่าส่วนตัวสุด ๆ
พอหัวค่ำ ก็มีวงดนตรีมาร้องเพลงให้ฟัง และทีเด็ดก็คือเค้าเชิญพวกเราขึ้นไปร้องด้วยซะงั้น
แต่พวกเราก็ไม่มีใครเสนอตัวไปร้อง มีแต่เสนอคนอื่นให้ขึ้นไป และแน่นอนผมซึ่งเป็นตัวขำ ๆ ประจำงาน ก็มักจะถูกเสนอชื่อให้เข้าชิงอย่างเสียมิได้
เรียกว่าทุกคนปรบมือเรียงร้องกันกึกก้อง ทำให้ผมต้องหน้าแดงเขินอาย
ในใจได้แต่คิดว่า "โอ ทำไมต้องเป็นตู กำลังอยากร้องพอดี ฮะฮะ"
จริงๆ แล้วก็แอบอยากลองขึ้นไปร้องดูเหมือนกันครับ เพราะว่าทั้งร้านมีแต่พวกเรา ก็คงไม่ต้องอายใครมากและก็อยากลองดูเป็นประสบการณ์ไว้ด้วย เผื่ออนาคตจะมีคอนเสริต์เป็นของตัวเอง ฮะฮะ
อีกอย่าง ด้วยความที่เราเป็นตัวขำ ๆ ประจำคณะอยู่แล้ว ถ้าร้องผิด ๆ ถูก ๆ ก็คงไม่มีใครว่า แอบฮาซะด้วยซ้ำ
เลยจัดไปห้าเพลง ซึ้งสุด ๆ จนลุงชาวญี่ปุ่นต้องอัดวีดีโอเก็บไว้ไปโชว์ลูกเมีย.... คนไทยทำได้ อิอิ
ดีจังเลยไปทานข้าวสังสรรค์กันทั้งร้านไม่มีใครเลยนอกจากโต๊ะเรา
ให้อารมณ์เหมือนเราเหมาทั้งร้านเลยครับ