หรือจะโสดจนสามสิบ (ฉบับนิยาย) ตอนที่ 15
ณ ชายหาดยามเย็น ข้างโรงแรมหรู
เร คว้าข้อมือผมวิ่งออกมาจากงานแต่งงานแบบหน้าตาตื่น ก่อนที่เธอจะหยุดหอบหายใจแรงที่ชายหาดส่วนตัวของโรงแรม ซึ่งไม่ไกลจากงานแต่งงานนัก
เธอหอบหายใจแรงอย่างเหน็ดเหนื่อยยิ่งกว่าจีจ้า ตีลังกาเตะ
ผมก็หอบพอกัน แต่ยังไ่ม่เท่าโทนี่ จ่า ถามหาช้างตูอยู่ไส หรือยามเล่นหนังองค์ลำบาก
''เร... คนนั้น...'' ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยถามอะไรได้ เธอก็ยกมือขึ้นบังตรงหน้าผมคล้ายให้ความหมายว่า ''อย่าถาม''
เธอหายใจแรง อีกสองสามเฮือก ก่อนจะค่อย ๆ กลับคืนสู่ภาวะปกติ
''เออ....'' ผมคิดว่าควรจะกล่าวอะไรสักนิดกับเธอ แต่ยังไม่ทันอ้าปาก เธอก็ตะโกนลั่นเข้าไปที่ท้องทะเลว่า
''ไอ้หน้าเห็ดสดดดดดดดด'' เสียงเธอดังลั่น ทำผู้คนต้องระเห็ดรีบหนีห่าง ส่วนผมได้แต่อึ้งกิมกี่ กิมลั่ง
''เร....'' ผมกล่าวเรียกเธอเบา ๆ แต่เธอดูเหมือนจะไม่ใคร่สนใจ
''เร... คุณ..'' ยังไม่ทันกล่าวจบดี
''อะไรเล่า เรียกครั้งเดียวก็ได้ยินแล้ว ไม่ได้หูตึง''เธอกล่าวเสียงกร้าว ทว่าน้ำตาเริ่มปริม ๆ ขอบ
''เออ โทษที''
''จะมาขอโทษอะไรเล่า ผู้ชายที่อ่อนแอฉันเกลียดที่สุด''
''คุณชอบแบบมีกล้าม?'' ผมกล่าวหน้าบื้อ
''อีห่า'' เธอกล่าวก่อนจะชกอกผมแบบเต็ม ๆ ก่อนจะขำ ๆ
''กล้ามพุงนับไหม?'' ขอบื้ออีกรอบ
''บ้านเธอสิ อย่ามาฮาืดิบ''เธอหัวเราะเล็ก ๆ ที่มุมปาก ก่อนจะน้ำตาไหลออกมา ''ทำฉันขำจนร้องไห้'' เธอกล่าว พร้อมเอามือเ็ช็ดน้ำตา ใบหน้าแดงก่ำ
ไมู่้รู้เหมือนกันว่าน้ำตานั้นเพราะขำหรือเพราะอะไร
''อย่าคิดมากนะ''ผมพยายามกล่าวแบบพระเอกสุด ๆ เท่าที่โอกาสจะอำนวย
เธอไม่กล่าวอะไรตอบเพียงแต่เช็ดน้ำตา และนิ่งเงียบอยู่ครู่
เธอมองไปบนฟ้าที่มีดาวพร่างพราว เป็นฟ้าเดียวกันที่ผมมองอยู่ในขณะนี้ เรามองฟ้าที่กว้างใหญ่ ดวงจันทร์ที่สว่างใสเต็มดวง ก่อนที่เธอจะกล่าวน้ำเสียงราบเรียบว่า
''นายแจ็คมันหล่อใช่ไหม''เธอกล่าว ซึ่งทำให้ผมจำได้ ชายที่เธอวิ่งหนีมาคือนายแจ็ค ดาราหนุ่มไฮโซ พระเอกช่องหลายสี
แต่ไม่ทันที่ผมจะตอบคำถามนั่นเธอก็กล่าวขึ้นมาว่า
''รู้ไหม ทำไมฉันถึงเลิกกับเค้า'' ผมได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ เพื่อให้เธอกล่าวต่อไปว่า
''ฉันกับเค้าคบกันนานพอดู แต่เค้ามีโลกส่วนตัวเยอะเหมือนกัน และแน่นอน ผู้หญิงก็ติดพันเค้าเยอะมาก แน่ล่ะเค้าบอกว่าไม่มีอะไร'' สายตาเธอดูเหม่อลอยก่อนที่เธอจะกล่าวต่อไปว่า
''จนฉันเองเริ่มทนไม่ไหว ต้องจับตาดูเค้าอย่างใกล้ชิด จนในที่สุดก็แอบดูมือถือเค้าได้ และก็ได้รู้ว่าเค้าโทรไปหาใครคนหนึ่งเกือบทุกวัน'' เธอนิ่งไปครู่ก่อนจะกล่าวสืบไปว่า
''ชื่อบนมือถือนั้น ฉันอ่านได้กว่า อั่น... และวันเหนึ่งชื่อนี้โทรเข้ามา ตอนที่ฉันกับแจ็คกำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่ร้าน QQ cafe'' ตอนนี้ทำให้ผมนึกได้ มันคือร้านที่ผมกับเธอ เข้าไปกินข้าวกันครั้งแรก และเธอก็ร้องไห้ออกมา
''ตอนนั้นฉันโมโหมาก รีบแย่งโทรศัพท์มารับ และพรั่งพรูคำด่าจากสี่ภาคประเทศไทย บรรดาสรรพสัตว์ต่างพุ่งอาจจากปากฉันเข้าไปหาต้นเสียงอย่างบ้าคลั่ง'' แต่เออ...ทำไมผมไม่แปลกใจเลยนะ
''ทว่านั้นทำให้แจ็คโกรธมาก แต่ที่โกรธนั่นเพราะ.... จริงๆ แล้วคนที่ฉันอ่านว่า อั่น แท้จริงแล้วคือ Aunt หรือที่แปลว่าป้านั่นเอง และเธอเป็นแม่คนที่สองหรือแม่บุญธรรมของแจ็คด้วย'' ยามนี้ผมกลั้นหัวเราะอกแทบแหก พยายามปั้นหน้าเศร้าสุดชีวิต
''หลังจากนั้นทั้งแม่แจ็ค ทั้งป้าแจ็คต่างเกลียดฉันเข้าไส้ ตอนฉันไปบ้านแจ็ค แค่ใส่ส้มตำในชามยังโดนด่ามหาประลัย แค่ใส่ถุงน่องขาดแบบแฟชั่น ยังโดนหาว่าจนกรอบ ขนาดไหว้ไปยังไม่รับ'' ตอนนี้ผมได้แต่กลั้นหัวเราะทุบท้องตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
''สุดท้ายแจ็คก็เชื่อแม่กับป้า และบอกเลิกกับฉัน''
หลังจากลำบากลำบนทนกลั่นขำ สุดท้ายผมก็หายใจยาวตั้งสติ และออกสตาร์ท โดยกล่าวขึ้นว่า
''ดีแล้วที่เธอไปเรียนภาษาที่เมกา''
''อีบ้า'' เธอแทบเตะก้านคอ ผมซะให้ได้
''ล้อเล่น ๆ ที่ฉันอยากบอกคือ...'' ผมมองตาเธอ ความงามใต้แสงจันทร์ ทำเอาผมทึ่ง ยามนั้นทำเอาผมคิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน ''ที่ฉันอยากบอกคือ... Aunt ออกเสียงว่า แอนท์ หรือ อันท์ ในอังกฤษ'' คราวนี้เธอเตะโดนพุงกระทิผมจริงๆ ก่อนจะไล่เ็ตะก้นผมอย่างสนุก
''ขอโทษ ๆ''ผมรีบกล่าวก่อนจะก้นระบม ''เอางี้ หนึ่งคำประทับใจ...คุณควรเจอคนที่ดีกว่านั่น''
เธอมองผมยิ้ม ๆ ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า
''ประทับใจพอประมาณ เอางี้ พรุ่งนี้ไป studio กับฉัน แล้วตอนเย็นก็เลี้ยงข้าวฉันเป็นไง''
''ประทับใจพอประมาณ''