★My Japan Trip, 10-16 Apr 2014 [Day1: Hello! Japan เที่ยวรอบๆชินจูกุ]★
สวัสดีค่า...กลับมาเล่าต่อกับทริปท่องเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของเรา
ออกเดินทางจากบ้านไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 4 ทุ่ม ตอนนั้นเคาท์เตอร์ check-in ยังไม่เปิด (Row U ค่ะ) เราก็แว้บไปรับของสำคัญ เพื่อนเดินทางในทริปนี้ก่อน นั่นคือ ... Pocket Wifi นั่นเอง

เราเลือกของ BS-mobile ตามน้องทราย Mhunoiii เลย โดยเข้าไปอ่านรายละเอียดและสมัครใช้บริการในเว็บไซต์เลย //www.bs-mobile.jp/th ข้อดีในการใช้บริการของ BS-mobile คือเค้าจะมาส่งเครื่องและรับเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิเลยค่ะ สะดวกดี เราใช้บริการตั้งแต่วันที่ 10/4/2014 - 16/4/2014 รวมใช้งาน 7 วัน ค่าใช้บริการวันใช้งานวันละ 280 บาท (ค่าเช่าเครื่อง 230 บาท/วัน สมัครแพ็คเกจประกัน 50 บาท/วัน) รวมค่าใช้บริการทั้งสิ้น 1,960 บาท (ราคานี้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) โดยสามารถแชร์ได้หลายเครื่องประมาณ 10 เครื่องค่ะ แต่เราใช้กัน 2 คน เร็วปรู๊ดปร๊าดมากๆเลยค่ะ

สำหรับเราคิดว่าการมี pocket wifi นี่ดีมากๆ เพราะสามารถหาข้อมูลได้ตลอดเวลา เวลาหลงทางก็ใช้ GPS ในไอโฟนได้เลยสะดวกมากๆ ขนาดเล็ก พกพาง่าย แบตก็ทนดีนะคะ ได้หลายชั่วโมงมากๆ ถ้าแบตหมดก็สามารถใช้ power bank ชาร์จได้ค่ะ



ข้ามขั้นตอนการ Check-in, ผ่าน ตม. ไทย และ duty free ที่ไทยนะคะ ก็ไปขึ้นเครื่องปกติค่ะ  

อาหารบนเครื่องจะเสิร์ฟ 1 มื้อ คือ มื้อดึกค่ะ ก่อนมาเสิร์ฟอาหารก็จะบริการเครื่องดื่มก่อน ตามด้วยอาหารและน้ำดื่มอีกรอบค่ะ บนเครื่องบินไม่มีจอส่วนตัวค่ะ 

อาหารมีให้เลือกระหว่างข้าวผัดและก๋วยเตี๋ยว เรากับแฟนเลือกข้าวมาค่ะ
 photo S__20897811.jpg

บอกเลยไม่อร่อยค่ะ น้องบอกว่าครัวการบินไทยนะเจ๊!!! อืม..นั่นแหละ ไม่อร่อยค่ะ ข้าวแข็ง ข้าวผัดก็จืดๆ ไม่ปรากฏรสชาติใดๆค่ะ ไม่มีเครื่องปรุงอย่างเกลือหรือพริกไทยให้เติมด้วยค่ะการบริการก็กลางๆนะคะ แอร์ไม่ค่อยยิ้มแย้มเท่าไร



นั่งมา 4.30 ชั่วโมง ก็มาลงที่ปักกิ่งค่ะ ถึงก่อนเวลาเล็กน้อย ต้องนั่งบัสจากเครื่องบินมาลงที่สนามบิน จากนั้นก็เดินไปตามป้าย Transit/Transfer ผ่านช่องตรวจจับอุณหภูมิ (มั้ง) และจะมาเจอด่านตรวจคนเข้าเมืองค่ะ ให้เดินไปช่องซ้ายสุดจะเขียนว่า international transfer อะไรประมาณนี้ค่ะ ขาไปตรงนี้แถวจะยาวหน่อยจนท้อใจว่าจะไปทันหรือเปล่า ตรงนี้มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 4 คน ค่ะ ก็เปิดๆดูเล่มเฉยๆค่ะ

จากนั้นลงบันไดเลื่อนมา ... มาผ่านจุดสแกนสิ่งของต่างๆของเรา ก่อนเข้าไปสแกนก็ต้องผ่านเคาท์เตอร์ ซึ่งเค้าก็จะเปิดเล่มเรา และเอาบาร์โค้ดที่ boarding pass ไปยิง ตรงนั้นจะมีกล้องคอยถ่ายเราด้วยค่ะ ข้อมูลหน้าตาของเราจะถูกบันทึกหลังจากตั๋วโดนยิง

แล้วก็มาผ่านจุดที่น่าเบื่อที่สุดในการเดินทาง คือ การผ่านหน่วยสแกนร่าง คือ คุณต้องควักทุกสิ่งอย่างออกมาให้หมด ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป notebook/tablet แม้กระทั่ง power bank และ pocket wifi ก็ต้องเอาออกมาค่ะ
เอาของลงกระบะเพื่อสแกน แล้วตัวเราก็ต้องผ่านเครื่องสแกนเช่นกัน แล้วก็ต้องมายืนบนแท่นกางแขน กางขาให้เจ้าหน้าที่ (ผู้หญิง) เอาไม้มาสแกน เอามือมา ลูบๆคลำๆ ได้แต่นึกในใจ เมื่อไรจะเสร็จ 555

เนื่องจากเสียเวลาทั้งตอนผ่าน international transfer และหน่วยสแกนร่าง ทำให้ไม่มีเวลาช้อปปิ้งอะไรที่ duty free มากนัก ก็เข้าห้องน้ำ และลงไปที่ gate เลย รอไม่นานก็ได้ต่อเครื่องจากปักกิ่งไปญี่ปุ่นค่ะ บนเครื่องก็เหมือนเดิมค่ะ นั่งสักพักก็เสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟอาหาร อันนี้เป็นอาหารเช้าให้เลือกระหว่างข้าวต้มแบบจีนกับออมเล็ต เลยเลือกออมเล็ตกันมา หน้าตาดี รสชาติโอเคเลยค่ะ
 photo S__20897812.jpg

นั่งเครื่องต่อมาอีกเกือบๆ 4 ชั่วโมง ลงเวลาประมาณ 12.50 น. ก็รีบเดินๆไปยัง ตม. ค่ะ ตรงนั้นจะมี arrival card ให้กรอก มีหลายเวอร์ชั่นค่ะญี่ปุ่น อังกฤษ จีน ก็ต่อแถว ตม. ไม่นานค่ะ แฟนต่อท้ายเรา ตม. ถามแค่ว่า มากันกี่คน และโรงแรมที่พักอยู่ที่ไหน แค่นี้ค่ะ จากนั้นก็ไปรับกระเป๋า ก่อนออกจากสนามบินต้องกรอกใบ declaration และสแกนกระเป๋าค่ะ ตรงนี้ไม่มีอะไร



มาดูการเดินทางจาก Haneda International Airport ไปยัง Shinjuku Station กันค่ะ
เราดูข้อมูลมาพบว่าสามารถเดินทางได้ 3 ทางหลักๆ คือ 
1. ไปทางบัส ถึง Shinjuku Station เลย 
2. ใช้ Keikyu line ไปลง Shinagawa Station แล้วต่อ JR Yamanote line ไปลง Shinjuku station  
3. Tokyo Monorail ไปลง Hamamatsucho Station แล้วต่อ JR Yamanote line ไปลง Shinjuku station
โดยเราเลือกทางที่ 3 เพราะในหนังสือบอกว่ามีตั๋ว round trip + suica รวมแล้ว ¥2700 

เราเห็นว่าดูจะซื้อตั๋วได้สะดวกดี ไม่เหมือนกับแบบที่ 2 ต้องซื้อแบบ transfer อะไรให้ยุ่งยาก และชอบบัตรแบบ suica ด้วยเราว่าสะดวกดี จะไปไหนไม่ต้องมาคอยซื้อตั๋ว ก็แตะเข้า-ออกสถานีได้เลย 
โดยเราสามารถไปซื้อตั๋ว Tokyo Monorail ได้ที่ JR East Travel Service Center – Haneda Airport International Terminal (Tokyo Monorail) 

เราเข้าใจว่าตั๋ว round trip + suica จะมีเคาท์เตอร์ขาย แบบแบ่งออกเป็น Tokyo Monorail ticket + suica card อะไรประมาณนั้น แต่เอาจริงๆไม่มี (หรือมีแต่เราไม่ทราบ) ต้องไปซื้อกับตู้ซื้อตั๋วอัตโนมัติ เราพยายามหา option ในการซื้อให้เป็น Tokyo Monorail ticket (round trip) + suica card ก็ไม่มี เราเลยซื้อ suica card มูลค่า ¥2000 สามารถใช้ได้ ¥1500 อีก ¥500 เป็นการมัดจำบัตรเอาไว้ หากเอาไปคืนก็จะได้เงินคืนนะคะ แต่ไม่ครบจำนวน แล้วก็ใช้ suica นี่แหละแตะเข้า-ออก จากสถานี
**ระหว่างทำรีวิวนี้ ก็กระจ่างแล้วค่ะว่า ตั๋วแบบ Tokyo Monorail ticket + suica ยกเลิกการขายไปแล้วตั้งแต่ 1 เม.ย. 2014 ค่ะ***
“Suica & Monorail” ended with the tickets on sale on Monday, March 31, 2014. Sales have no longer been available since Tuesday, April 1, 2014.

เมื่อเข้าสถานีไปแล้วก็จะมีป้ายบอกว่าฝั่งไหนเข้าเมือง ฝั่งไหนไป terminal อื่น ส่วนฝั่งที่เข้าเมืองก็จะมีป้ายบอกว่ารถไฟขบวนไหนจะมาเวลาเท่าไร รถไฟเค้ามี 3 แบบ แบบ Local (สายสีเขียว) จอดทุกสถานี แบบ Rapid (สายสีส้ม) จอดสถานีใหญ่ และแบบ Express (สายสีแดง) ที่จอดปลายทางที่ Hamamatsucho ตรงนี้ไม่ยากเพราะตรงบอร์ดเค้าจะมีสีของสายต่างๆเป็นสัญลักษณ์พร้อมทั้งสถานที่ที่จอด ดังรูปค่ะ 


พอถึง Hamamatsucho Station ก็หาป้าย JR Yamanote line for Shinjuku station ก็แตะบัตรเข้าไป รวมแล้วประมาณ ¥690 (จริงๆใช้ suica จะถูกกว่านี้เที่ยวละประมาณ ¥2)
**พอลองไปเช็คการเดินทางโดยใช้ Keikyu line + JR line เราว่าเวลาในการเดินทางพอๆกัน แถมค่าเดินทางยังถูกกว่าด้วยค่ะ ¥610 เท่านั้น***



เมื่อถึง Shinjuku station แล้วก็เริ่มมาผจญภัยกับการเดินทางไปโรงแรมกันค่ะ เราได้ใช้ google map ดูเส้นทางการเดินจาก Shinjuku Station ไปยังโรงแรมมาแล้ว พร้อมทั้งพรินท์ออกมา แต่สิ่งที่เราพลาดคือเราไม่รู้ว่า...มันต้องออกทาง North, South, East หรือ West เราออกมาจากสถานีก่อน โดยมาโผล่ที่ห้าง Limine est เราก็ยื่นแผนที่ที่พรินท์มาให้...ปรากฏว่า งง ... เลยเปิด google map ในมือถือแทน ซึ่งก็เดินวนไป วนมาแปบนึงกว่าจะรู้ว่าเราเดินไปถูกทางหรือยัง

แผนที่จากสถานีชินจูกุ ไปยัง โรงแรมค่ะ Hotel Listel Shinjuku


ทีแรกแวะไปถามพนักงานที่กำลังยืนขายของอยู่ ซึ่งเค้าก็ดีมากๆเลยนะคะ แม้จะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่เค้าก็พยายามจะช่วย แม้จะหาคนช่วยไม่ได้ เราก็ขอบคุณเค้ามากๆเลยค่ะ และแล้วเราก็เดินมาถึงโรงแรมที่จองไว้สักที ตอนอยู่แรกๆเราว่าไกลกับสถานี Shinjuku มากๆเลยนะคะ แต่พอเดินทุกวันเริ่มชิน ประกอบกับเริ่มรู้ว่าทางไหนอ้อม ทางไหนใกล้ นอกจากนี้แถวๆโรงแรมยังสามารถเดินมาสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินได้ทั้งสาย Toei และ Tokyo metro ด้วยค่ะ ใกล้กว่าไปขึ้นที่สถานี Shinjuku

มาดูห้องพักของเรากันค่ะ 

ก็ไม่ถือกับว่าเล็กมากนะคะ ด้วยความที่มีโซฟาปลายเตียงทำให้วางของได้เยอะดีค่ะ เราชอบตรงที่มียูกาตะให้เป็นชุดนอน มีผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดผม และพวกของใช้ต่างๆมีครบแปรงสีฟัน สบู่ ยาสระผม ครีมนวด ไดร์เป่าผม มีชาให้ดื่ม คือ ครบแบบไม่ต้องนำอะไรมาเลยค่ะ  

เก็บของเสร็จ...ก็หยิบแผนที่ Shinjuku จากโรงแรมมา แฟนบอกว่า ... อ่านง่ายกว่าที่เธอพรินท์มาเยอะเลย (ย่ะ) จากนั้นก็ไปหาอะไรทานกันค่ะ ก็เดินกันไปมั่วๆค่ะ เห็นตรงไหนคนเยอะ แลมีแสงสีก็เดินไปดูกัน จนมารู้ว่ามาเดินในย่าน Kabukicho 
ตื่นตาตื่นใจดี เดินไปเดินมาเจอราเมงอยู่ร้านหนึ่ง ชื่อร้าน ร้าน taketora เห็นราคาหน้าร้านพอรับได้เลยเข้าไปเลย พอเข้าไปแล้วก็พบกับการทักทาย ... เชิญให้นั่ง ... พอให้นั่งก็มีผ้าร้อนมาให้ ... ประทับใจอ๊ะ สั่งราเมงมาคนละชาม
ของแฟนเป็นแบบซุปโชยุ ราคา ¥820


ส่วนของเราเป็นหมี่เย็นที่จุ่มในน้ำซุปร้อนแบบที่ chabuton ราคา ¥820 


และสั่งของทานเล่นมา คือ grilled octopus and eringii ราคา ¥490 อร่อยมากกก ผัดมาในกระทะร้อน หอมเนยและน้ำซอสที่เค้าราด เค็มๆมันๆ ส่วนราเมงก็อร่อยเส้นนุ่มมากๆ เราชอบซุปโชยุของแฟนนะเค็มๆดี แต่แฟนชอบซุปของเราหวานๆมันๆ รวมแล้วมื้อนี้ ราคา ¥2,130



หนังท้องตึงก็เดินทางกันต่อ ... เราชวนแฟนไปซื้อบัตร Fuji-Hakone pass ที่สถานี Shinjuku โดยเราจำได้แค่ว่าต้องไปซื้อที่ Odakyu Sightseeing Service Center ด้วยความที่สถานีชินจูกุมันใหญ่มากๆ ตอนเราอ่านก็จำไม่ได้ว่าทางไปซื้อตั๋วไปทางไหน พยายามหา destination ในมือถือก็ไม่มีแบบเป๊ะๆ พยายามถามเจ้าหน้าที่เค้าก็บอกว่าให้ไปทาง West ซึ่งก็พยายามเดินๆไป ไปเจอห้าง Odakyu ซึ่งมันก็ไม่ใช่ที่ขาย เราก็พยายามเปิดหาข้อมูลในมือถือ ใช้เวบภาษาอังกฤษก็มีแผนที่คร่าวๆในจุดที่ตั้งมาให้ แต่ประเด็นคือแผนที่ในเวบที่เราหามาก็ไม่ค่อยชัดเจน... ก็เดินๆงมๆกันไปเรื่อยๆ จนไปเจอที่ขาย แต่ปรากฏว่าไปช้าไป เค้าปิดแล้ว แบบไปถึงเจอโมเมนท์พนักงานกำลังกลับบ้าน T__T
นึกมาถึงตอนนี้แอบด่าตัวเองเบาๆว่า ... เราอ่านกระทู้ของติวเตอร์ตู่มา ทำไมเราไม่เปิดกระทู้ของติวเตอร์ตู่นะ ซึ่งก็จริงค่ะ ลองไปเปิดดูติวเตอร์บอกละเอียดมาก แบบจับมือเดินเลยทีเดียว นอกจากนี้ในกระทู้นั้นติวเตอร์ตู่ได้บอกรายละเอียดการเที่ยว Hakone และ Kawaguchiko เอาไว้ด้วยค่ะ ตามไปส่องๆ //topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2012/09/E12613633/E12613633.html
นอกจากนี้ในหนังสือที่เราพกมา ก็มีแผนที่คร่าวๆให้ดูนะคะ ดีกว่าในเวบที่เราเปิดเจออีก เฮ้อ นึกแล้วอยากเขกหัวตัวเองจริงๆ (เราไม่เคยรู้ว่ามี เพราะในบท hakone เราอ่านจากเล่มอื่นหรือในเวบไซต์มากกว่า)

ในเมื่อแผนในการซื้อ Pass ผิดพลาดไม่สำเร็จ แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไปเราก็มุ่งหน้าเดินไปยัง Tokyo Metropolitan Government Office ช่วงที่เราไปอากาศยังเย็นค่ะ ยิ่งตอนค่ำๆลมแรงเย็นมากค่ะ แล้วเราดันเปรี้ยวใส่เสื้อเชิ้ตกับคาร์ดิแกนไป เดินไปหนาวไป เดินจากสถานีไปไกลพอควรค่ะ แต่ไม่หลงแล้วนะคะ (ฮ่าๆ) เพราะปักธง destination ถูกค่ะ ไปถึงก็ไปจุดชมวิวที่ชั้น ... ค่ะ ก่อนขึ้นจะมีตรวจกระเป๋าค่ะ ขึ้นฟรีนะคะ ดูวิวในอาคาร สวยงามมากค่ะ

เสร็จแล้วก็เดินเล่น ดูของที่ระลึก จากนั้นก็เดินกลับโรงแรมค่ะ ขากลับเจอเค้กน่าทานเลยแวะซื้อกลับมาค่ะ เค้กจากร้าน Maplies collection ที่สถานีชินจูกุ ชิ้นละ ¥108 ประหนึ่งเค้กชิ้นละ 35 บาท บ้านเรา แต่คุณภาพต่างกันมว๊ากกก ครีมหอม นุ่ม หวานกำลังดี แป้งเค้กก็นุ่มแน่น ไม่ร่วนและกลวงแบบบ้านเรา


ยังไม่หมดแค่นี้ ขากลับเดินผ่าน 7-11 เลยเข้าไปส่องสักหน่อย กลับได้ของติดไม้ติดมือมาอีก


จากนั้นก็เข้าที่พัก นั่งเล่นเฟซบุค คุยไลน์สักพักกกใหญ่ๆ จัดการของกินที่ซื้อมา อาบน้ำ และเข้านอน

จบแล้วกับค่อนวันแรกที่มาถึงโตเกียว เอนทรี่ต่อไปจะเริ่มออกตะลุยโตเกียวกันแล้วนะคะ 




Create Date : 28 เมษายน 2557
Last Update : 20 มกราคม 2558 8:58:12 น.
Counter : 1917 Pageviews.

0 comments
ทริปอเมริกา #1 - รีวิวสายการบินฟิลิปปินส์ ไม่แพงมากและดีกว่าที่คิด ฟ้าใสทะเลคราม
(6 เม.ย. 2567 13:46:53 น.)
ประวัติน่าสนใจ เจดีย์เอียง เกาะเกร็ด สมาชิกหมายเลข 4313444
(6 เม.ย. 2567 20:33:48 น.)
เดย์ ออฟ เดอะ " ซ ว ย " จันทราน็อคเทิร์น
(5 เม.ย. 2567 19:29:14 น.)
วัดใหญ่ชัยมงคล, วัดกุฎีดาว, วัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา สายหมอกและก้อนเมฆ
(5 เม.ย. 2567 14:40:42 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Jejeejajar.BlogGang.com

jejeejajar
Location :
ปทุมธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]