พูดตามที่คิด ตามที่รู้สึก กลายเป็นคนปากเสีย
ตอนเด็ก จำได้ว่า คุณพ่อเผาขยะอยู่บริเวณหลังบ้าน เลยราวตากผ้าไป ข้าพเจ้าก็พูดออกไปว่า "ไฟจะไหม้บ้านหรือเปล่า" ในหัวคิดว่ามันใกล้บ้าน ทำให้คุณพ่อโกรธและพูดว่า "ปากเสีย"
เมื่อโตขึ้นมีอีกครั้งที่ข้าพเจ้านั่งรถกับบาทหลวงไปชลบุรี เพื่อเยี่ยมสมาชิกเยาวชน ข้าพเจ้าก็พูดว่า "คุณพ่อไม่เช็คยางรถเลย เกิดยางรถระเบิดทำยังไง" ทำให้เมื่อเจอปั๊มน้ำมันคุณพ่อก็ลงไปเช็คลมยาง ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ข้าพเจ้าปากเสียอีกแล้ว
ข้าพเจ้าทำตามความรู้สึก มากกว่าความคิด และนั่นทำให้ข้าพเจ้าไม่มีเพื่อน เพราะข้าพเจ้าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง "ตัวกูของกู" ไม่ว่าข้าพเจ้าจะมีความสามารถแค่ไหน หรือทำดีแค่ไหน ก็ไม่มีใครสนใจ แต่ถ้าหากข้าพเจ้าทำผิด ข้าพเจ้าจะโดนรุมเลยทีเดียว และไม่หยุดแค่เพียงวันเดียว พวกเขาจะพูดกันเรื่องเดิมซ้ำๆ ไม่จบไม่สิ้น ข้าพเจ้าได้แต่นั่งนิ่งๆ สงบจิตใจ ไม่ตอบโต้ เพราะข้าพเจ้ารู้ดีว่า "การตอบโต้มีแต่จะทำให้ตัวเองแย่ลงไปในสายตาของพวกเขาเหล่านั้น"
ด้วยความที่รู้ว่าตัวเอง "ปากเสีย" ข้าพเจ้าจึงชอบอยู่ตัวคนเดียว แยกตัวจากสังคมที่ทำงาน เพื่อไม่ให้พูดสิ่งไม่ดีออกไป ข้าพเจ้าจึงไม่คุยกับใครก่อน จนกว่าจะสนิท หรือมีเรื่องพูดคุย เป็นคนเงียบ ไม่ร่าเริง เป็นคนมีเรื่องกังวลตลอดเวลา แสดงออกบนใบหน้าว่าเครียดแบบไม่รู้ตัว ชอบเก็บตัว ทำงานคนเดียว ทั้งๆ ที่อยากให้มีคนมาช่วยทำ แต่ก็ไม่มีใครมาช่วยทำ เพราะรังสีของความหม่นหมองแผ่ขยายจากตัวออกไป ทำให้คนรอบข้างไม่อยากใกล้ชิด ซึ่งไม่รู้มาก่อนเลยว่าสิ่งนี้บ่งชี้ถึงการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แล้วตอนนี้กลายเป็นไบโพล่า บางครั้งก็อารมณ์ดีเกินไป บางครั้งก็เศร้าเกินไป จนต้องทบทวนว่าทานยาหรือยัง
การระบายออกของข้าพเจ้าคือ การเขียนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น หรือโทร.ไปสายด่วน ๑๓๒๓ เพื่อพูดระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจอยู่ ถึงแม้จะต้องรอเจ้าหน้าที่หลายนาทีเป็นสิบ หรือ ยี่สิบนาทีก็ตาม
จี๋ กวางน้อย