(ทริปเดี่ยวๆเที่ยวคนเดียวที่วังน้ำเขียว - เขาใหญ่ 4 วัน 3 คืน ปลายธค.จ้า)


(ป่านนี้ก็คงเริ่มเก่าไปนิดๆแล้วเพราะไปมาัตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่โน้นนะคะ อิอิ)

ปลายปีที่แล้วงานเข้าและยุ่งยาวๆหลายวัน แต่้มีโอกาสได้ย้อนอดีตไปออกทริปคนเดียวเป็นครั้งแรกในรอบหลายยยยยปี ทริปนี้ตั้งใจจะพักผ่อนและใช้เวลากับตัวเองแบบนิ่งๆอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นเลยไม่เลือกที่จะ้ใ้ช้เวลาในรถไปไหนไกลๆทั้งที่มีเวลามากพอ แม้อยากจะขึ้นเหนือใจจะขาดแต่เชื่อแน่ว่าหลังจากเช็คอินเข้าโรงแรมแล้วจะ อยู่นิ่งๆนั่งๆนอนๆในโรงแรมไม่ได้แน่ๆ เพราะมีอะไรให้ทำเยอะแหงๆ เลยเลือกเอาทำเลพิกัดใกล้ๆ ถิ่นที่คุ้นเคยอย่างวังน้ำเขียว เขาใหญ่ดีกว่าเพราะขับรถแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว จะได้มีเวลาอยู่เฉยๆมากหน่อย แต่ผิดหวังเล็กน้อยตรงที่อากาศปีนี้ร้อนมาก ขนาดวังน้ำเขียวยังร้อนตับออกมาแด๊นซ์ได้ขนาดนี้ จะสบายๆหน่อยก็เป็นช่วงเช้าและตอนกลางคืนแค่นั้น นอกนั้นทั้งฝุ่น ทั้งถนนแย่ๆ ทั้งร้อนแดดแรง แบบนั้น คิดจะกลับไปอีกครั้งคงต้องเล็งกันใหม่นานๆเลยค่ะ

ไปวังน้ำเขียวคราว นี้ใช้เวลาหาที่พักอยู่หลายวันจนมาเจอ Casa Pendio ที่แปลตรงๆตัวว่า บ้านริมเขา เห็นจากรูปในเวบก็ชอบแล้วเพราะเป็นรีสอร์ทเล็กๆ เป็นบังกะโลสีขาวแค่ 4 หลังตัดกับสนามหญ้าเขียวๆสดชื่นน่าดู การออกแบบก็เรียบง่าย ห้องพักและระเบียงกว้างมาก ถูกใจค่ะเลยนอนไป 3 วัน 2 คืนสบายมากจ้า

ที่นี่มีเนื้อที่ราวๆ 4 ไร่ ขนาดกระทัดรัดกำลังดี ภายนอกดูสดชื่นด้วยสนามหญ้าเขียวๆปูเต็มพื้นที่ ภายในห้องพักก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกพอสมควร มีน้ำอุ่น ผ้าเช็ดตัว ตู้เย็น มินิบาร์ (ที่ถูกได้อีก อย่างสแปลชขวดนึง 15 บาทเอง) ทีวีจอแบน แอร์เย็นฉ่ำ ปลอกหมอก ผ้าปูเตียงมีคุณภาพ ทุกสิ่งอย่างใหม่และดูดีมาก แต่เตียงไม่ค่อยนิ่ม นอนไม่จมเท่าไหร่ อิอิ

อ้อ ที่นี่มีปลั๊กไฟเยอะมาก มีทุกมุมห้องเลย ดีจัง ลากสายโน๊ตบุ๊คออกไปนั่งเล่นเกมส์ ฟังเพลงที่ระเบียง รับลมยามเช้ายามเย็นได้เลยจ้า แต่ข้อเสียคือไม่มีกาต้มน้ำร้อนและชา กาแฟในห้อง ซึ่งราคาห้องและสภาพห้องแบบนี้น่าจะมีบริการติดห้องไว้ เผื่อเหลือเผื่อขาดจะได้ชงกาแฟชงชาตอนดึกๆได้เองในห้อง ไม่ต้องเดินไปสั่งที่ห้องอาหาร ตรงนี้ได้แจ้งทางรีสอร์ทไปแล้วเห็นว่าจะเอาไปพิจารณาน่ะค่ะ

ช่วงที่ไปราคาโปรฯลดเหลือ 2500 สำหรับวันศุกร์ถึงอาทิตย์ ส่วนวันจันทร์ถึงพฤ.จะราคา 2200 บาท จากราคาเต็ม 3000 บาทนะคะ แต่ตอนนี้หมดโปรแล้วยังก็ลองโทรถามกันดูแล้วกันเนอะ เบอร์ติดต่ออยู่ที่อากู๋อ่ะคร้่า







ถนนไปวังน้ำเขียวดีตลอด ยกเว้นพอเข้ามาเส้นไทยสามัคคีก็ต้องทำใจกันหน่อย เพราะโลกพระจันทร์ชัดๆ กี่ปีๆก็ยังเหมือนเดิมแถมจะแย่ลงทุกครั้งที่ไปอีกต่างหาก แถมฝุ่นอีก ไม่อยากจะบ่นให้เสียอารมณ์แต่ถนนหนทางมันแย่จริงๆน่ะ







วังน้ำเขียวมีจุดขายที่โอโซนและความเย็นสบาย แต่ถ้าตรงนี้หมดไปก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาอะไรมาขายเนอะ เพราะช่วงปลายปีที่ไปเที่ยว อากาศร้อนมาก ฝุ่นเยอะมาก ทริปนี้เป็นทริปที่ผิดหวังกับอากาศมากที่สุด แต่ไม่เป็นไรเพราะ Casa Pendio เหมือนเป็นโอเอซิสท่ามกลางความร้อนและฝุ่นกระจาย พอขับรถมาถึงโอ้ว... สนามหญ้าเขียวจัง สดชื่นชะมัด ความรู้สึกต่างจากช่วงที่ขับผ่านมาเป็นไหนๆ








บังกะโล 4 หลังจะมีเตียง double อยู่สองหลังและเตียง twin อีกสองหลังนะคะ ไปคนเดียวแบบนี้ต้องนอนเตียงคู่เท่านั้นเพราะไม่ต้องเอากระเป๋าไปวางอีก เตียงให้ยุ่งยาก อิอิ









ห้องใหญ่และระเบียงห้องกว้างมาก ชอบตรงนี้ที่สุด








สนามหญ้ากว้างๆเขียวๆ วิวหน้าบ้านก็สบายตาชะมัด







นอกจากบ้านพัก ห้องพักจะสบายแล้ว ยังมีน้ำ มีเขาอยู่หน้าบ้านอีก หน้าฝนคงเย็นสบาย หมอกลงสวยแน่ๆ







ห้องน้ำแยกกับห้องอาบน้ำ แต่ห้องน้ำแอบโป๊ินิดๆเพราะติดหน้าต่างบานสูง เข้าห้องน้ำำทีก็วิตกจริตที







ตกแต่งเรียบง่ายแต่น่ารักสะอาดสบายตา







ห้องอาหารและล็อบบี้เป็นส่วนเดียวกัน เล็กๆน่ารักๆสบายๆเหมือนอยู่บ้าน



















ทริปนี้ไปนั่งๆนอนๆกินๆอ่านหนังสือ ฟังเพลง เล่นเกมส์ ดูหนัง .. ได้พักผ่อนเต็มที่ซักที











วันที่ไปพักจริงๆแล้วเป็นแขกคนเดียวของรีสอร์ทเลย แต่ตกเย็นก็มีครอบครัวแวะเข้ามาดูห้องและเลือกพักบังกะโลหลังติดกัน ค่อยยังชั่วหน่อย แต่จริงๆแล้วก็ไม่น่ากลัวอะไรเพราะคุณวรพจน์และเพื่อนที่เป็นเจ้าของก็พัก ที่นี่เหมือนกัน







ขอดูห้องเตียง twin หน่อย







กลับไปที่ห้องตัวเองอีกครั้ง ตกแต่งเรียบง่าย โปร่ง โ่ล่งสบาย น่าพักผ่อนมากค่ะ



















ทริปนี้นั่งเล่นที่ระเบียงมากหน่อย สบายจริงๆ











นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ระเบียง แต่เหน็บกล้องไว้ข้างๆตัว เลยถ่ายโน้นนี่ไปเรื่อย







ออกไปเดินเล่นรอบๆรีสอร์ทดีกว่า














ชอบมากๆเลยดอกหญ้าเนี่ย เห็นเป็นไม่ได้























ถนนทางเข้าที่หน้ารีสอร์ทค่ะ







มองกลับไปที่รีสอร์ท แบบซูมๆ













เชื่อแน่ว่าใครไปใครมาต้องถ่ายภาพเจ้านี่เก็บไว้แหงๆ น่ารักดี







มีขาตั้งก็เอาไว้ตั้งโชว์ แทบไม่ได้ใช้เลย อิอิ







ไปทานข้าวเย็นดีกว่า







นั่งๆนอนๆรอเวลาอาหารเย็น ทานง่ายๆคนเดียวได้แค่นี้เอง ข้าวกระเทียมไข่เจียวกับยำคะน้ากุ้งสด ที่ให้กุ้งมาอูฟูเต็มจานเลย ไม่แน่ใจว่าราคาเท่าไหร่ น่าจะ 80 บาทน่ะ






เก็บภาพตอนกลางคืนไว้เป็นที่ระลึกหน่อย















ทานข้าวคนเดียว มีเหงานิดๆ อิอิ







แต่เที่ยวคนเดียวแบบนี้ก็ดีไปอย่าง คือได้ทำอะไรทุกอย่างตามใจตัวเอง 100%











เดินเล่นไปเก็บภาพที่หน้าบ้านพัก











มุมหวานๆสำหรับไปคู่







นอนเล่นเกมส์คนดึก เลยตื่นลุกขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หน้าบ้านไม่ืทัน ได้มาแค่เนี่ย







ซูมไปไกลๆจากระเบียงบ้าน







ออกทัวร์เดินเล่นยามเช้าดีกว่า







น้ำค้างตรึม ...







เน้นๆ












เดินเล่นกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ สบายๆ







ชอบเล่นกับแสง โดยเฉพาะช่วงเช้าและบ่าย แสงสวยมาก







แดดยามเช้าส่องเข้าห้องเลย สุขภาพดีมั่ก











สองหลังนี้เป็นโซนหน้า ไม่มีอะไรบังวิวเลยแต่ไม่ได้อยู่บนเนินเลยเห็นวิวไม่กว้างเท่าบ้านแถวหลัง











ห้องนั่งเล่นของรีสอร์ทค่า












ทริปนี้ออกเที่ยวแค่วันนี้วันเดียวคือไปจิม ทอมป์สันฟาร์ม นอนนั้นนอนๆนั่งอยู่ในรีสอร์ทและเตร็ดเตร่อยู่แถวไทยสามัคคี







เดินไปทานอาหารเช้าดีกว่า ...







อาหาีรเช้ามีให้เลือกคือ ABF และ ข้าวต้มเห็ดหอม .. วันแรกทาน ABF ค่ะ















อีกวันเป็นข้าวต้มเห็นหอม เห็ดฟูเต็มชาม อร่อยมาก







มีชานระเบียงด้านหน้าด้วย ตอนนี้ยังปล่อยว่างอยู่แต่อีกไม่นานน่าจะมีโต๊ะเก้าอี้น่านั่ง หรืออย่างน้อยก็ bean bag โต๊ะเตี้ยๆมาวางไว้นั่งกิน นั่งดื่มชิลล์ๆได้
เพราะมุมนี้จะเห็นวิวเปิดกว้างเต็มๆ เสียดายที่ช่วงที่ไปอากาศร้อนไม่เป็นใจให้ชิลล์เลย ขนาดไปอาทิตย์สุดท้ายของปีแล้วนะเนี่ย







มือเย็นอีกวันทานยำวุ้นเส้น ต้มยำกุ้งและเห็ดหอมอบ รวมอาหารสองมื้อบวกเครื่องดื่มแล้วก็แค่ 4 ร้อยกว่าบาทเ้องจ้า







ปิดท้ายด้วยบรรยากาศยามเช้าหน้าบ้านพักค่ะ






ขอบคุณทุกคนที่แวะมาเยี่ยมชมและทักทายกันนะคะ