เรื่องของนายอุ่น 2
ผ่านวันเกิดผมไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น (จะให้เกิดอะไรล่ะวะ??) พรุ่งนี้มีการจัดงานเลี้ยงรุ่นที่โรงเรียนซึ่งผมในฐานะโต้โผใหญ่ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ต้องตื่นไปจัดเตรียมสถานที่ติดต่อประสานงานกับอาจารย์คณะกรรมการนักเรียนและรุ่นน้องที่ว่างมาช่วยกันจัดกิจกรรมครั้งนี้ผมเลยต้องตื่นแต่เช้าแต่ก็ยังช้ากว่าเนื้อเย็นและ……….. พิณ ‘ช้า’ เนื้อเย็นเงยหน้ามาสบตาผมก่อนลงมือกินข้าวต่อ ผมซึ่งปกติจะไม่กินข้าวเช้าก่อนไปโรงเรียนก็ต้องหย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามกับเนื้อเย็น ซึ่งก็คือ ตรงข้ามกับพิณวันนี้พิณใส่เสื้อตัวยาวสีส้มสดกับกางเกงขาสามส่วนแนบเนื้อสีดำ (อืมมมเค้าเรียกว่าอะไรผมไม่แน่ใจนัก อ้อ เลกกิ้ง อืมไม่แน่ใจ น่าจะใช่แหละ แหะๆ) ผมยาวสวยมัดเป็นทรงทวินเทลไว้ง่ายๆด้วยโบว์สีส้มเช่นกัน ดูน่ารักสดใสกว่าทุกที “พ่อกับแม่ไปไหน” ผมชักสายตากลับมาที่จานข้าวเอ่ยถามเนื้อเย็นแก้เก้อ เมื่อเผลอสบตาดาวพิณเข้า หูเริ่มร้อนอีกแล้วช่วงนี้รู้สึกเหมือนหน้าแดงไวมากเกินไปรึเปล่า ผมชักสงสัยตัวเอง “……..” ผมละสายตาจากจานข้าว “……..” “อืม ไปตั้งแต่เช้าเลยเหรอ” “แล้วเอาไงล่ะ เราน่ะ”ผมบุ้ยไปทางพิณซึ่งกำลังจ้องการสื่อสารระหว่างผมกับเนื้อเย็นตาไม่กระพริบ “ทำไม ยังไม่ชิน อีกเหรอ”ผมถามเมื่อเห็นสายตาทึ่งๆ ของพิณ แต่คำตอบที่ได้รับคืออาการส่ายหน้าเร็วๆ “เป็นไร อยู่ใกล้เย็นมากๆ ติดเชื้อรึไงรึยังไม่แปรงฟัน ปากเหม็นมากงั้นสิ” ผมเห็นพิณหน้าหงิกลงทันทีส่วนเนื้อเย็นกำลังยิ้มอยู่แน่ๆ นัยน์ตาระริกเชียว “ไม่ต้องมาหัวเราะเลยเย็น ไม่เอาละไม่คุยด้วยละ”ผมหันไปสนใจจานข้าวแล้วจัดการให้มันลงไปอยู่ในกระเพาะอย่างรวดเร็ว “พี่อุ่นรู้ได้ไงอ่ะว่าพี่เย็นกำลังหัวเราะ” พิณถามอย่างอดไม่ได้ “ก็ดูตาเย็นสิ”ผมเหลือบมองปฏิกิริยาดาวพิณ ที่ละจากจ้องผมหันไปเอียงคอจ้องคนข้างๆ แทน “ไม่เห็นมีอะไรเลยอ่ะ พิณว่าพี่อุ่นกับพี่เย็นต้องเป็นพวกพิเศษ สื่อสารกันทางโทรจิตแน่ๆ เลย” ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมและเนื้อเย็นโดนตั้งข้อสังเกตแบบนี้แต่ยังไงก็รู้สึกแปลกๆ อยู่ดี เหมือนโดนว่าบ้ายังไงไม่รู้ “ไม่ต้องเลยเย็น กินอิ่มรึยังไปกันได้แล้ว เออ แล้วเราน่ะ ยังไม่ตอบเลยเอาไง” ผมพูดพลางลุกขึ้นเก็บจานของตัวเองไปล้าง “ตะกี้พี่เย็นพูดว่าอะไรคะ?”รู้สึกเหมือนความสงสัยของดาวพิณจะไม่หมดไปง่ายๆ ยังไม่สนใจคำถามของผมเหมือนเดิม “ถามเย็นเอาสิ ตอบพี่มาก่อนจะอยู่เฝ้าบ้านรึจะยังไง” “พี่เย็นตอบพี่อุ่นว่าไงอ่ะคะพี่อุ่นถึงบอกว่า ‘ไม่ต้องเลย’” เอ๊ะยัยดาวตก สนใจคำถามพี่บ้างสิคร๊าบบบบ “.....มันเป็นการสื่อสารระหว่างยานแม่น่ะ” ดูคำพูดที่ยัยน้องสาวเปล่งออกมาโคตรจะได้สาระเลย ขำตายล่ะแม่คุณ แต่ไอ้ที่ผมบอกว่าไร้สาระ ผมกลับได้ยินเสียงหัวเราะคิก จากยัยพิณ ดูสิยิ้มตาหยีน่ารักเชียว เห็นแล้วอดยิ้มตามไม่ได้ ถ้า….. ‘น่ารักล่ะสิมองตาเยิ้มเชียว’ ……………ถ้าผมไม่ได้รู้ความคิดยัยน้องสาวผู้หญิงอะไร เก็กจั๊งงงงงงง “ให้พิณไปด้วยได้ป่ะคะอยู่บ้านคนเดียวเหงาจะตาย ไม่มีคนคุยด้วย” เฮอะยังกะอยู่กับเนื้อเย็นแล้วอีกฝ่ายคุยด้วยงั้นแหละ ผมชักจะขวางๆ แม่เนื้อเย็นเข้าแล้วล่ะสิ “งั้น เย็นจะเอาคันไหนไป” ทำเป็นพูดไปงั้นแหละความจริงไม่ได้มีให้เลือกมากหรอกครับที่บ้านผมมีกระบะสี่ประตูของพ่อ (ที่ ตอนนี้ไม่อยู่ในโรงรถ) รถซิตี้คาร์คันเล็กของแม่และมอเตอร์ไซต์อยู่ 2 คันคือรถสกุ๊ตเตอร์เกียร์ออโตเมติกที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ กับ เจ้าฮอนด้า เอ็นเอสอาร์ คันใหญ่ แน่นอนอยู่แล้วว่าคันเล็กคือคันที่ผมขับซ้อนเนื้อเย็นไปโรงเรียนเกือบทุกวันส่วนคันใหญ่ เป็นรถพ่อ แต่ตอนนี้กลายเป็นรถเนื้อเย็นไปเรียบร้อยแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่าไม่ผิดหรอกครับ เจ้าเล็กคือของผม ส่วนเจ้าใหญ่ของเนื้อเย็น ………….. “เฮ้อ ก็ถามไปงั้นแหละ โอเคงั้นพิณไปขึ้นรถกับพี่” ผมอดจะค้อนยัยน้องสาวไม่ได้ที่ไม่พูดตอบผมแต่ดันเดินไปที่เจ้าใหญ่แทนคำตอบ ผมเลยต้องเดินไปที่เจ้าเล็กบ้างแต่ดาวพิณยังคงยืนนิ่งอยู่ “พิณจะไปกับพี่เย็น” พิณบอกความตั้งใจก่อนจะเดินตามเนื้อเย็นไป “เนื้อเย็นหวงรถคันนั้นจะตายไม่ให้ใครซ้อนหรอก ไม่เชื่อถามดูได้” แต่ไม่ทันละครับ เนื้อเย็นสตาร์ทรถ ออกจากบ้านไปแล้ว ปล่อยให้ดาวพิณยืนเหวออ้าปากค้าง ผมหัวเราะเบาๆ เพราะรู้ว่านอกจากเนื้อเย็นจะหวงรถแล้วยังอยากให้ผมได้ใกล้ชิดดาวพิณอีกด้วย ก็อวยพรมาแล้วนินะว่า ‘จีบให้ติดล่ะ’ หึหึหึหึหึ
|