2,800 กว่ากิโล ชะโงกทัวร์สะจาย


เรื่องของเรื่องมันเริ่มที่คนใส่เสื้อสีแดงน่ะ ชื่อตุ๊กแก เป็นเพื่อนสนิทเลยครับ เขาอยากไปหาดูที่ติดชายทะเลแถวระนอง คราวนี้บินไปบินกลับก็หลายบาทอยู่ เลยชวนเสื้อขาวทั้งสองคนไปด้วยให้ผลัดกันขับ เดินทางจากพิษณุโลกไปภูเก็ต คิดดูสิครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง



นี่เป็นรถที่จะต้องไปลุยกับพวกเราด้วยครับ ดีที่เป็นเกียร์ออโต้ แต่กระนั้นก็ตึง ๆ ขาเหมือนกัน เป็นครั้งแรกที่ขับฟอร์ทูนเนอร์ รู้สึกว่ารถมันใหญ่ดีครับ เครื่อง 3,000. แรงดี เหยีบพุ่ง แถมซดน้ำมันอีกด้วย แต่ก็คุ้มครองชีวิตเราได้ครับ



นี่เป็นที่พักของเราครับ เราออกเดินทางตอน 16.45น.ที่พิษณุโลก ค่อย ๆ ขับไปตามประสาคนแก่สายตาไม่ค่อยดี แรก ๆ ก็ 140กม/ชม พอมืดหน่อยก็เป็น 100กม/ชม ประเภทปลอดภัยไว้ก่อน ไปเปลี่ยนผลัดแรกที่ราชบุรี เราวิ่งเส้น สุพรรณไปครับ จากนั้นเปลี่ยนอีกครั้งตอน 05.20น. ที่ชุมพร แล้วก็ลุยเข้าภูเก็ตเลยถึงตอน 08.20น. หาที่นั่งกินข้าวครับ เป็นข้าวมันไก่กับข้าวขาหมู จากนั้นถามราคาที่พักไปเรื่อยๆ มีตั้งแต่ 700 - 3,200 ต่อคืนเลยครับ ได้ที่นี่ราคา 1,300.- มีที่จอดด้านหน้าให้ด้วยเลยตกลงเพราะกลัวรถจะไม่อยู่ให้ขับตอนเช้าไงครับ



บรรยากาศในห้องใช้ได้เลยทีเดียวครับสะอาด อยู่แถวหาดป่าตอง ถนนสวัดิรักษ์ ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงเรียน ตอนที่อาบน้ำอยู่ได้ยินเสียงเด็ก ๆ ร้อง เฮลโล ๆ ๆ และหัวเราะทักฝรั่งอยู่เป็นระยะน่ารักดี



ห้องน้ำครับ ไม่ใหญ่ไม่เล็ก แต่สะอาดใช้ได้เลยครับ มีสบู่ ไม้ปั่นหู หมวกคลุมผมให้ครบ



อาบน้ำเสร็จก็เที่ยงกว่า ๆ แล้ว ขับรถไปหาที่โดดบันจี้ครับ เจอแถว ๆ ป่าตองนี่ล่ะครับ ราคา 1,600.- มีเสื้อกับใบประกาศให้ แต่ผมว่าแพงไปหน่อย เพราะตั้งใจว่าไม่เกิน 1,000.-น่ะครับ เลยว่าจะลองหาที่อื่นดู พนักงานก็ว่าที่ อ.กระทู้ก็มี แต่ราคา 2,000.- ครับ เดี๋ยวไปโดดที่พัทยาดีกว่านะครับ ขับรถวนเล่นหาดกะตะ กะรนและอีกหลายชื่อจนไปทานอาหารในเซ็นทรัลภูเก็ตครับ กลับมาว่าจะนอนพักสักหน่อย คุณเพื่อนก็อยากไปเล่นทะเลครับ อากาศตอน 16.00น. กะลังบ้าเลือดเลยครับ เอ้า ไปก็ไป เขาว่าจะนอนเล่นชายทะเลด้วย ไปถึงถามราคาเตียง เตียงละ 100.-ครับ ไป 5 คน 500.- ไปดูวิวภูเก็ตดีกว่า



เนี่ย ๆ ครับ อยู่ตรงเนี้ยครับ อยู่ที่จุดชมวิวตำบลกะรนจากที่เห็นจะมีอ่าวกะตะ อ่าวกะตะน้อย แล้วก็อาวกะรนครับ เดี๋ยวจะไปแหลมพรหมเทพกัน ตรงนี้อากาศร้อนมากๆ ครับ



ขึ้นรูปสาวสักหน่อย เดี๋ยวจะน้อยใจ ที่นี่คนเยอะครับ มารอดูพระอาทิตย์ตกกัน ช่วงนี้โรงเรียนปิดเทอมด้วย มีเด็กน้อยเด็กใหญ่เพียบครับ



พวกเราไม่ได้อยู่นานนักหรอกครับ อากาศร้อนบวกกับอีกนานกว่าอาทิตย์จะตกเลยกลับกันก่อนดีกว่า ขากลับลงเขาเจอร้านอาหารพอดีเลยแวะสักหน่อย มี 2 ร้านติดกันเลยครับ เราได้ที่จอดรถของร้านนี้เลยแวะร้านนี้



วิวสวย ๆ ดูแล้วสบายตาครับ แต่อาหารค่อนข้างช้า เลยทำให้หงุดหงิดนิดหน่อย ผ่านไปเกือบ 20 นาทีมีแต่น้ำเปล่าเลยเรียกพนักงานยกเลิกอาหารน่ะครับ ปรากฎว่าเสร็จไป 2 อย่างแล้ว แต่รอให้ครบก่อนจะยกมาทีเดียว เราเลยเอาที่กินได้มาก่อนแล้วกัน รสชาดใช้ได้ครับอาจเป็นเพราะหิวกันด้วยเลยซัดซะเรียบ



กลับถึงที่พักเกือบ 2 ทุ่ม ไปเดินดูอะไรหน่อยดีกว่า ที่นี่อาหารทะเลเยอะครับ ส่วนใหญ่ฝรั่งเขานั่งกินกันเยอะ ลองดูสิครับ สารพัดปลาทะเล



ความสดก็ดูเลย ตายังใส ๆ อยู่เลยครับ แต่ไม่รู้ว่าเห็นแบบนี้เล้วจะกินลงไหม น่าสงสารนะครับ ส่วนผมเองเหตุผลที่ทำให้กินไม่ลงไม่ใช่ตรงนี้หรอกครับ



ตรงนี้ต่างหากครับ ตัวนึงก็เกือบกิโลแล้ว ขีดละ 200.-โลละ 2,000.- ไว้รองานเมืองทองดีกว่าครับ เคยกินโลละ 980.- เองครับ



ปลาหมึกก็สดนะครับ ราคาตามที่เห็น



ส่วนนี่เป็นกุ้งแชบ๊วยครับ เคยกินที่ชะอำ ตัวเล็กกว่านี้นิดหน่อยโลละ 700.- ครับ เนื้อแน่นกรอบดีครับ แต่ก็ต้องยอมรับนะครับ ว่ากุ้งตัวใหญ่ได้สะใจจริง ๆ



เดินไปเรื่อย ๆ ก็ถึงถนนคนเดิน เพื่อน ๆ บอกให้เข้าไปดูเสียให้ได้ อยากรู้จังว่ามีอะไรให้ดูนะ



บรรยากาศปากซอยเหมือนถนนข้าวสาร มีคนเดินขายดอกไม้ ขายล๊อตเตอรี่ และอื่น ๆ จิปาถะ ชาวต่างชาติ ชาวไทย เดินกันเยอะพอสมควร



ร้านขายของฝากที่เป็นงานฝีมือ ร้านวาดรูป ร้านหนังสือ ร้านขายยา กระจายกันอยู่ทั้งถนน แต่ที่เยอะที่สุดหรือครับ



เป็นพวกบาร์ครับ สีสันแจ่มชัด เสียงเพลงดังกระหึ่มเร้าใจผู้คนที่เดินไปมา พวกหมอนวด พวกขายโชว์ เรียกลูกค้ากันข้างถนนเลยครับ ผมเองหน้าจีนเลยโดนชวนสเปเชียลมาสซาจครับ ก็ต้อง โน ๆ ๆ กันไปก่อน เพราะคนชวนเป็นประเภท 2 ครับ แต่สวยเหมือนผู้หญิงจริง ๆ แถมเสียงก็เหมือน มือนิ่มด้วยครับ



ร้านไหนมีแดนซ์เซอร์ ลูกค้าก็เซ่อ ๆ เข้าไปเลยครับ



เดินทะลุซอยไปอีกด้านหนึ่งก็เจอห้างจังซีลอน ( หมายถึงภูเก็ตหรือเขากระจกนั่นล่ะครับ ) ในห้างก็มีศูนย์ OTOP แต่ค่อนข้างเงียบ ราคาก็ขายคนต่างประเทศน่ะครับ เดินทัวร์กันจนเหนื่อย อยากนอนแล้ว 22.40น. เพื่อนขอตัวทัวร์ถนนบางลาอีกรอบ เลยเดินกลับที่พักคนเดียว บรรยากาศไม่ค่อยน่ากลัว คนเดินไปมาเยอะ เห็นว่ากว่าจะเลิกเดินก็ 02.00น.เลยทีเดียว



เช้ามาเพื่อนที่รักก็ปลุกเรียกตั้งแต่ไม่ถึง 8.00น. ไปว่ายน้ำเล่นกัน ก็โงเงล้างหน้าไปเดินดูทะเลสักหน่อย ที่นี่เขาแบ่งเขตไว้นะครับ ที่ทุ่นกันเขตให้ว่ายน้ำได้เพราะว่าบางหาดเป็นแอ่งเว้าลึกลงไป ยังไงก็อย่าว่ายน้ำเลยเขต เชื่อเขาหน่อยเพื่อตัวเองนะครับ



ปลาโลมาพวกนี้ไม่รู้มีก่อนสึนามิเข้าหรือเปล่า แถมมีกี่ตัวก็ไม่ทราบ ใครรู้ช่วยบอกหน่อยนะครับ



เดินเล่นชายหาดได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เพื่อนตัวดีก็ชวนกลับกลัวว่าจะสาย ตัวผมเองตั้งใจไปไหว้พระผุด ที่วัดพระทองสักหน่อย ขับรถหลงไปหลงมาจนเครียด สรุปไปเจอร้านข้าวแกงเลยแวะกินแก้เครียดซะเลย



ร้านป้าแดงนี่อาหารอร่อยมาก ยืนยันอีกครั้งว่าอร่อยมาก ติดตรงที่เผ็ดไปหน่อยครับ ตี๋อย่างผมเลยเหงื่อออกหนักเลย สั่งกันหลายอย่างด้วยความหิว ประมาณ 9 อย่างได้ ที่นี่เขามีน้ำพริกผักสดแถมด้วยครับ ราคาสองร้อยกว่าครับ



แล้วก็มั่วมาถึงวัดพระทองจนได้ ประวัติพระผุดนี้คือว่าเดิมทีเป็นสถานที่เลี้ยงสัตว์วันหนึ่งเด็กชายนำควายไปเลี้ยงหาที่ผูกเชือกไม่ได้เลยเอาไปผูกไว้กับหลักที่โผล่จากดิน เมื่อกลับมาบ้านเด็กชายก็เจ็บป่วยและตายลงในที่สุด ควายตัวที่ไปผูกก็ตายด้วย ตกดึกพ่อของเด็กฝันว่าเหตุที่เด็กตายเพราะนำเชือกไปผูกกับพระเกตุมาลาของพระพุทธรูป จึงชวนชาวบ้านไปช่วยกันขุด ปรากฎว่ามีตัวต่อแตนมาต่อยคนที่ขุด คนที่ไม่ขุดไม่เป็นอะไร จนถึงสมัยพม่าบุกยึดเมืองถลางได้พยายามขุดพระเพื่อนำกลับพม่า แต่มีมดคันจำนวนมากมากัดจนเป็นไข้และล้มตายไปหลายร้อยคน พม่าที่เหลือได้เอาไฟเผามดและพยายามขุดจนถึงพระศอ เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชยกทัพมาตีเมืองคืนจากพม่า หลังจากนั้นหลวงพ่อสิงห์เดินทางมาจากสุโขทัย ได้ชักชวนชาวบ้านสร้างกุฎิ วิหาร และพระอุโบสถ หลวงพ่อพระผุดเป็นพระประทานในอุโบสถ แต่ได้ก่อสวมหลวงพ่อพระผุดเฉพาะด้านหน้าให้สูงกว่าเดิมเพื่อสะดวกแก่กิจกรรมสงฆ์



วันที่ไปเป็นวันพระไม่รู้ว่าเกี่ยวกันหรือเปล่า ที่หน้าต่างเขาใช้เชือกสีแขวนยึดเป็นรูปยันต์หลายแบบดูสวยงามดีครับ



ดูชัด ๆ อีกทีนะครับ สวยงาม แต่ละเส้นตึงเปรียะเลยครับ



เสร็จจากไหว้พระก็เปลี่ยนพลขับเพราะวัยรุ่นขับไวกว่า แต่คนนั่งไปด้วยจะหัวใจวาย ไปถึงระนองประมาณ 14.20น. แวะกินข้าวแกงใต้ครับ อร่อยดี จากนั้นไปดูที่แถวชายทะเลกัน ชมวิวไป ถามราคาที่ไป ทั้งหมด 3 จุด แถวนั้นโดนสึนามิทั้งหมดครับ ( แถวอุทยานแห่งชาติแหลมสน ) จุดหนีภัยก็ขึ้นมาตรงทางหลักค่อนข้างไกล ดูจนชุ่มใจก็ออกเดินทางกลับชุมพร แวะพักที่นี่ล่ะครับถึงประมาณเกือบ 2 ทุ่ม



มาถึงตอนนี้ต่างคนต่างไปกันครับ ผมแวะไปหาเพื่อนผมเสียหน่อย เจอกันก็ยกเครื่องดื่มกันนิดหน่อยครับ



เพื่อนอยู่ที่ท่าแซะชุมพร มีลูกสาว 1 คน เพื่อนไปเรียนที่พิษณุโลกตอนมัธยมปลายน่ะครับ ไปไกลเลยว่าไหม



เช้ามาก็หาติ่มซำกินครับ เพื่อนเคยซื้อให้กินครั้งหนึ่งรู้สึกอร่อยเลยหาเองบ้าง จากหน้าโรงแรมมีอยู่ 2 ร้านครับ ร้านใกล้ที่สุดชื่อโชคดี แต่เตี้ยม



รายการอาหารมีเยอะมากครับ ประยุกต์ใช้ปลาหมึก กุ้ง ได้อย่างดี



ลองดูใกล้ ๆ ที่ลองชิมคือจานนี้ ชอบมากครับ ปลาหมึกยังสด ๆ อยู่เลย



อีกร้านชื่อชุมพร แต่เตี้ยม มีให้เลือกมากเหมือนกันครับ ร้านนี้นุ่มและนึ่งสุกกว่าสักหน่อยครับ อร่อยดีอีกเหมือนกัน อ้อ ราคาถ้วยละ 12 บาทครับ



ตอนที่เข้าถึงแยกปฐมพรเมื่อคืนก็ตกใจนิดหน่อย เรือหาปลามาเทียบข้าง ๆ ครับ ลำใหญ่ ๆ ทั้งนั้น ไม่รู้ว่าขนจากไหนไปไหน กลัวจะโค่นลงมานะครับ เช้ามาเห็นอีกทีเลยเก็บภาพไว้



ถนนกล้วยเล็บมือนาง ไม่แน่ใจว่าเป็นแถวศาลพ่อตาหินช้างหรือเปล่าครับ มีทั้งแบบสด แบบตาก ( เคยต่อได้ 8 แพ๊ค 100.- ) แบบชุบช๊อคโกแลต ( 4 แพ๊ค 100.- แถมแบบตาก 1 แพ๊ค )



จากนั้นขับยาวไปจนถึงทางแยกบ้านกรูด เพื่อจะไปไหว้พระบรมสารีริกธาตุที่วัดทางสายครับ ประวัติวัดมีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ถึง 2 ครั้ง ลักษณะเป็นเจดีย์ 9 ยอดสวยงามและเป็นจุดชมวิวด้วยครับ



พระพุทธรูปนี้มีชื่อว่า พระพุทธกิติสิริชัย สร้างขึ้นในวโรกาส สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 60 พรรษา

หลังจากไหว้พระ ทำบุญ ก็ออกเดินทางไปที่ชะอำเพื่อแวะทานอาหารกลางวัน เสร็จก็เปลี่ยนคนทำเวลาขับเข้ากรุงเทพฯ ถึงประมาณ 16.30น. ไปเดินดูงานบ้านและคอนโดที่ศูนย์ประชุมสิริกิต พริตตี้สวยงามครับ ไม่ค่อยได้เดินงานมานาน เดี๋ยวนี้แต่ละนางสวยกันจังครับ เดินดูงานได้สักพัก ออกไปทานข้าวเย็นแถวปั๊ม ปตท. ตรงอยุธยาครับ เปลี่ยนพลขับเป็นตาแก่อีกครั้ง ล้อเคลื่อน 20.30น. ถึงพิษณุโลก 24.20น. จบการเดินทางก็สลบทันทีครับ



Create Date : 18 มีนาคม 2551
Last Update : 21 มีนาคม 2551 11:09:55 น.
Counter : 2721 Pageviews.

1 comments
สถาบันเอเชียศึกษา จุฬา ผนึก พช.เปิดตัวลายแทงผ้าไทย 3 ชุมชน travelistaนักเดินทาง
(17 มี.ค. 2567 14:37:35 น.)
17 มีค 67 คอร์สปฏิบัติธรรมอินเดีย 27 มค - 3 กพ 67 Ep 5 mcayenne94
(17 มี.ค. 2567 22:30:55 น.)
พระประธานสมัยสุโขทัย : วัดไร่ขิง ผู้ชายในสายลมหนาว
(15 มี.ค. 2567 16:51:33 น.)
คิดถึงรัชโยธิน จันทราน็อคเทิร์น
(15 มี.ค. 2567 23:19:40 น.)
  
เกือบทุกบล็อคต้องมีกรึ๊บ..เกือบทุกครั้งเลยน้า
โดย: ปืนแก๊ป วันที่: 4 เมษายน 2551 เวลา:22:42:16 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Imwai.BlogGang.com

imwai
Location :
พิษณุโลก  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]