พาเที่ยววัดในเมืองพิษณุโลกกัน
ใครเคยมาไหว้พระที่พิษณุโลกแล้วบ้าง รู้เรื่องพวกนี้ไหม





วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร สร้างเมื่อ พ.ศ.1900 ในรัชกาลพระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) เป็นวัดหลวงตั้งแต่รัชกาลที่ 6 เมื่อปี พ.ศ.2458 มีพื้นที่วัด 36 ไร่ 2 งาน 54 ตารางวาในปัจจุบันป็นวัดชั้นเอกวรมหาวิหารตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านทางฝั่งตะวันออก สำคัญเพราะเป็นที่ประดิษฐานพุทธชินราช พระพุทธชินศรี และพระศรีศาสดา โดยเฉพาะพระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะที่งดงามที่สุดในโลก




ตามตำนาน การสร้างพระพุทธชินราช พระมหาธรรมราชาที่ 1 (พญาลิไท) รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์ ได้โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1900 พระพุทธรูป ที่สร้างขึ้นในคราวเดียวกันนั้น มี 3 องค์ คือ
1. พระพุทธชินราช
2. พระพุทธชินสีห์
3. พระศรีศาสดา
พระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูป ปางมารวิชัย ที่มีลักษณะงดงาม ที่สุดในโลก มีขนาดหน้าตักกว้าง ห้าศอก 1 คืบ ห้านิ้ว (2.875 เมตร) สูงเจ็ดศอก (3.5 เมตร) หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ขัดเงาเกลี้ยง สมเด็จพระเอกาทศรถได้ทรงปิดทองเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2146 และเมื่อ 2478 ได้มีการลงรักปิดทองเต็มองค์อีกครั้งหนึ่ง และเป็นการถาวรอยู่จนทุกวันนี้
พระพุทธชินราชประดิษฐานอยู่ ณ พระวิหารทางทิศตะวันตกของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร องค์พระนั่งขัดสมาธิอยู่บนฐานชุกชีบัวคว่ำบัวหงายพระพักตร์หันไปทางทิศตะวันตก (ด้านริมแม่น้ำน่าน) มีซุ้มเรือนแก้วและสลักด้วยไม้สักลงรักปิดทอง ประดับเนี้องพระปฤษฎางค์ ปราณีตอ่อนช้อยงดงามช่วยเน้นให้พระวรกายของพระพุทธชินราชงามเด่น ชัดเจนยิ่งขึ้น
พระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูปศิลปสุโขทัย พุทธลักษณะของพระพุทธชินราชนั้นสวยงามมาก เส้นรอบนอกพระวรกายอ่อนช้อย พระขนงโก่ง พระเกตุมาลาเป็นเปลวเพลิง พระหัตถ์มีปลายนิ้วทั้งสี่เสมอกัน ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษเรียกว่า ทีฒงฺคุลี ฝ่าพระบาท แบนราบ ค่อนข้างแคบ เมื่อเทียบกับยุคสุโขทัย ส้นพระบาทยาว มีรูปอาฬวกยักษ์และรูปท้าวเวสสุวัณ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์เฝ้าอยู่ ที่พระเพลาเบื้องขวาและซ้ายขององค์ตามลำดับ





ผนังวิหารฝั่งด้านขวา เป็นภาพวาดเกี่ยวกับพุทธประวัติ ตั้งแต่ประสูติ จนเสด็จปรินิพพาน





ฝั่งด้านซ้าย เป็นภาพวาดเรื่องพระเวสสันดรชาดก ลวดลายยังชัดเจนอยู่





ทางเข้าพระวิหารด้านหน้ามีบานประตูขนาดใหญ่ประดับมุกสวยงามสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2299 เป็นฝีมือช่างหลวงสมัยอยุธยาตอนปลาย ในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมโกศ





มองแรก ๆ คิดว่าเป็นรูปสิงห์ แต่จริง ๆ เป็นรูปพญานาค





พระพุทธชินสีห์ หน้าตักกว้าง ห้าศอกคืบสี่นิ้ว ณ วิหารทิศเหนือ




พระศรี ศาสดา หน้าตักกว้าง สี่ศอกคืบหกนิ้ว ณ วิหารด้านทิศใต้

พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา ที่ประดิษฐานในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุปัจจุบันนี้ เป็นพระพุทธรูปปั้นก่ออิฐถือปูน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดให้สร้างขึ้นใหม่แทน พระพุทธชินสีห์ และพระ ศรีศาสดาองค์เดิม และอัญเชิญองค์เดิมไปประดิษฐาน ณ วัดบวรนิเวศวิหาร




บริเวณหลังวิหารพระพุทธชินราช มีพระอัฏฐารส ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติสูง 18 ศอก สร้างในสมัยเดียวกับพระพุทธชินราช ราว พ.ศ. 1800 เดิมประดิษฐานอยู่ในวิหารใหญ่แต่วิหารได้พังไปจนหมด เหลือเพียงเสาที่ก่อด้วยศิลาแลงขนาดใหญ่ 3-4 ต้น เรียกว่า “เนินวิหารเก้าห้อง”

ด้านหลังพระอัฏฐารส เป็นพระปรางค์ประธาน สร้างแบบสมัยอยุธยาตอนต้น ฐานย่อเหลี่ยมไม้ยี่สิบ สันนิษฐานว่าเดิมเป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ (ดอกบัวตูม) ซึ่งถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมแบบสุโขทัยแท้ ต่อมาถูกแปลงให้เป็นพระปรางค์ในสมัยอยุธยา




ในการหล่อพระพุทธรูป เมื่อหล่อเสร็จ แล้วยังมีทองเหลืออยู่ จึงเอามารวมกันหล่อเป็นพระพุทธรูป นั่งขัดสมาธิปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง หนึ่งศอกเศษ เรียกพระนามว่า พระเหลือกับพระสาวกเป็นพระยืนอีก 2 องค์และอิษฐที่ก่อเตาหลอมทองและสุ่มหุ่น ในการหล่อพระได้เอามารวมกันก่อเป็นชุกชี สูงสามศอก ตรงตำแหน่งที่หล่อพระพุทธชินราชและปลูกต้นมหาโพธิ์บนชุกชี 3 ต้น แสดงว่าเป็นมหาโพธิ์สถานของพระพุทธชินราช พระพุทธชินศรี และพระศรีศาสดา ทั้งสามองค์จึงเรียกว่า "โพธิ์สามเส้าสืบมา" พร้อมกัน นั้นได้สร้างวิหารน้อยขึ้นระหว่างต้นโพธิ์หลักหนึ่ง และได้อัญเชิญพระเหลือพร้อมพระสาวกเข้าประดิษฐาน ณ ในวิหารนั้น วิหารน้อย หลังนี้นิยมเรียกกันต่อมาว่า " วิหารพระเหลือ" หรือ "วิหารหลวงพ่อเหลือ" ตั้งอยู่ด้านหน้าพระวิหารพระพุทธชินราชเยื้องไปทางใต้เล็กน้อย ว่ากันว่าไปกราบไหว้ขอพรเพื่อให้เหลือกินเหลือใช้




เดี๋ยวนี้มีรูปสลักเจ้าแม่กวนอิมจากหยกขาวด้วย ใครที่ยังไม่เคยมานมัสการก็เชิญได้ครับ





สมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไท เจ้าเมืองสองแควได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองสองแควมาตั้งอยู่ ณ ที่ปัจจุบัน เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1900 และยังเรียกว่าเมืองสองแควเรื่อยมา ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นพิษณุโลกในสมัยกรุงศรีอยุธยา รัชกาลของสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ เมื่อครั้งที่เสด็จมาประทับเมืองสองแควตั้งแต่ พ.ศ. 2006 จนสิ้นรัชกาลในปี พ.ศ. 2031




วันที่ไปไหว้พระนี้ ทางวัดจัดให้มีการสรงน้ำพระกันแล้ว บรรยากาศก็คลายร้อนไปได้บ้าง




แล้วยังมีการให้บูชาพระผงหลวงพ่อพระพุทธชินราชโดยไม่คิดเงินด้วย ประมาณว่ารุ่นนี้ได้ให้บูชาจนได้ปัจจัยมาเป็นที่พอเพียงแล้ว ส่วนที่ยังคงเหลือจึงนำมาแจกให้บูชาฟรีครับ




ที่ได้รับมามี 2 แบบครับ สังเกตุดูนะครับ มีสัญลักษณ์สี่เหลี่ยมเปียกปูนที่ฐานด้วยครับ ของแท้ครับ




จากนั้นก็ข้ามมาที่วัดนางพญา พระพิมพ์นางพญาที่นี่ชื่อเสียงโด่งดังมาก ติดหนึ่งในเบญจภาคีด้วย




พระประทานชื่อสมเด็จนางพญาเรือนแก้ว ลักษณะคล้าย ๆ กับหลวงพ่อพระพุทธชินราช




มาต่อกันที่วัดอรัญญิก เป็นวัดที่สร้างในสมัยสุโขทัย สำหรับสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสี วัดนี้มีคูน้ำล้อมรอบ ตามคติสมัยสุโขทัย ถมเป็นเนินสำหรับวิหาร ด้านหลังวิหารมีเจดีย์ใหญ่ทรงลังกาเป็นเจดีย์ประธาน และมีเจดีย์บริวารสี่องค์ แต่ปัจจุบันผุพังไปมาก




จากภาพจะเห็นเจดีย์บริวารอยู่แต่พังจะเหลือแต่ฐานรากแล้ว ส่วนเจดีย์ประธานทรงระฆัง และมีช้างล้อมที่ฐาน ประมาณ 60 เชือก อาจสร้างขึ้นสมัยพระยาลิไท ราว พ.ศ. 1904




โบสถ์ใหม่กำลังสร้างครับ คงได้มีการปิดทองลูกนิมิตเร็ว ๆ นี้แล้วครับ เพราะใกล้เสร็จแล้ว ใหญ่โตสมกับเป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง




ที่เห็นนี่ไม่ใช่เอาขยะมาทิ้ง แต่เขามาปล่อยปลาที่คูน้ำในวัด




ออกจากวัดอรัญญิก ก็แวะมาที่วัดเจดีย์ยอดทอง ปัจจุบันเหลือเพียงเจดีย์ทรงดอกบัวตูม ซึ่งเป็นศิลปะสมัยสุโขทัยเพียงองค์เดียวของจังหวัดที่สมบูรณ์ มีฐานกว้างประมาณ 9 เมตร สูง 20 เมตร





ทองที่ยอดเจดีย์ก็คงมีใครมาเอาไปแล้ว ที่เหลือยังคงมองเห็นเป็นรูปร่างได้บ้าง





เดินดูรอบ ๆ ด้านนี้ยังเห็นชัดเจนกว่า น่าจะเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร เนื่องจากพระหัถต์ข้างซ้ายหันฝ่าพระหัถต์ออกมา




จากนั้นมาต่อที่วัดราชบูรณะน่าจะเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้าง เชื่อว่าเป็นสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ เนื่องจากทรงประทับอยู่ที่เมืองพิษณุโลกถึง 25 ปี และทรงมีบทบาททางบำรุงพระศาสนาที่พิษณุโลกมากที่สุด ตัวพระอุโบสถมีลักษณะพิเศษคือ เศียรนาคที่ชายคาเป็นนาค 3 เศียร มีลักษณะอ่อนช้อยงดงาม





เอาชื่อผู้ใจบุญมาประกาศให้ร่วมโมทนากันหน่อย





หอไตรด้านหน้า จั่วเป็นลายครุฑยุดนาค 2 ตัว





อีกด้านเป็นลายกนก สวยดีครับ




ทางเข้าวิหารหลวง มุมนี้สวยงามมาก เห็นเจดีย์เด่นอยู่ด้านหลัง ส่วนตุ๊กตาจีนไม่แน่ใจกว่ามีมานานหรือยัง





ภายในวิหารประดิษฐานหลวงพ่อทองคำ ซึ่งมีอายุกว่า 700 ปี





ภายในวิหารมีภาพวาดพุทธประวัติ ช่วงที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ แล้วพญามารยกทัพมาขวาง พระแม่ธรณีเลยบีบมวยผมให้น้ำท่วมกองทัพพญามาร





เสียดายที่หลาย ๆ ส่วนหลุดลอกออกไปแล้ว





ออกจากวิหารหลวงก็เข้ามาวิหารอีกหลัง ในนี้มีตู้พระคัมภีร์อยู่ดูเก่าแก่มาก





ภาพจิตกรรมในวิหารนี้เป็นเรื่องรามเกียรติ์





บางช่วงบางตอนมีตัวอักษรด้วย ไม่ได้เขียนแบบเรา ๆ ในปัจจุบัน แต่ก็พออ่านออก





ใต้รูปรามเกียรติ์เป็นรูปวาด ดูแล้วจับเนื้อหาไม่ได้ อาจเป็นการวาดเพื่อให้เต็มพื้นที่ก็ได้





เจอกระจกบานใหญ่ในวิหารด้วย เลยขอถ่ายรูปตัวเองผ่านกระจกเสียเลย นึกถึงเรื่องทวิภพ เพราะกระจกบานใหญ่มาก





ออกมานอกวิหาร ก็พบมณฑปที่กำลังสร้างอยู่ เพื่อใช้ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ





ดูเวลาก็ปาไปเกือบ 12.00น.แล้ว นัดเพื่อนทานข้าวไว้ ใช้พลังงานไปเยอะ ไปหาสเต๊กกินดีกว่า เจ้านี้เพิ่งเปิดใหม่แถวสุรสีห์ ราคาไม่แพงเป็นห้องแอร์





เพื่อนเกือบอารมย์เสียเพราะผมเลยเวลาไปหน่อย แต่พอรู้ว่าไปไหนมาก็ไม่ได้ว่าอะไร




คราวหน้าใครมีโอกาสมาไหว้พระที่พิษณุโลก คงได้รับบุญร่วมกับความเป็นมาเล็ก ๆ น้อย ๆ นะครับ โมทนาบุญด้วยครับ



Create Date : 11 เมษายน 2551
Last Update : 11 เมษายน 2551 15:49:51 น.
Counter : 9587 Pageviews.

2 comments
Slow Life ในเมืองเลย Alex on the rock
(15 เม.ย. 2567 07:44:23 น.)
หาอะไรดับร้อนกับน้องถั่วแดงที่ร้านเย็น เย็น หวานเย็น สาขาMRTท่าพระ นายแว่นขยันเที่ยว
(12 เม.ย. 2567 00:32:31 น.)
Mahar Shwe Thein Taw Pagoda, Royal Jasmine Hotel - Pyin Oo Lwin สายหมอกและก้อนเมฆ
(11 เม.ย. 2567 16:06:34 น.)
Day 7 เที่ยววันสุดท้าย Arashiyama กลางสายฝน khimyo
(10 เม.ย. 2567 12:51:53 น.)
  
ทริปนี้คงสนุกน่าดูนะครับ ได้เที่ยวตั้งหลายวัด ขอแนะนำอีกวัดนึงครับ คือ วัดวิหารทอง อยู่ตรงข้ามวัดใหญ่ครับ
โดย: ต้น (บังเอิญมีหัวใจ ) วันที่: 16 ธันวาคม 2551 เวลา:11:10:29 น.
  
ไม่ได้เรื่อง
โดย: Pae IP: 110.164.229.37 วันที่: 19 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:42:04 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Imwai.BlogGang.com

imwai
Location :
พิษณุโลก  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]