ตอนนี้มี ธุรกิจหลัก คือ
- บริษัท หนังสือพิมพ์ตงฮั้ว จำกัด
คือผลิตและจำหน่ายหนังสือพิมพ์จีนรายวัน ตงฮั้ว ผลิตและจำหน่ายหนังสือพิมพ์ และดำเนินธุรกิจส่วนใหญ่ในประเทศไทย ดังนั้น รายได้ กำไร และสินทรัพย์ทั้งหมดจึงเกี่ยวข้องกับส่วนงานทางธุรกิจ
และส่วนงานทางภูมิศาสตร์ที่กล่าวข้างต้น ซึ่งยอดขายเกือบทั้งหมดเป็นการขายในประเทศ
วิเคราะห์ : ผมมองว่า นี่เป็น ธุรกิจตะวันตกดิน ไม่รุ่ง และมีโอกาสร่วงสูงกว่า
- บริษัท ตงฮั้ว แคปปิตอล จำกัด
ดำเนินธุรกิจให้สินเชื่อ ให้บริการวงเงินกู้หมุนเวียนระยะสั้น (แฟคตอริ่ง) ลักษณะธุรกิจ เป็นธุรกิจที่ให้บริการเงินกู้หมุนเวียนระยะสั้นโดยรับซื้อหนี้การค้าในรูปของใบวางบิล ใบรับวางบิล หรือ invoice โดยการรับโอนสิทธิการรับเงินจากลูกค้า เพื่อจัดเก็บเงินจากลูกหนี้ (หน่วยงานราชการ) และให้วงเงินกู้ล่วงหน้าโดยมีหลักประกันเป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยการให้วงเงินกู้รวมไม่เกินร้อยละ 60 ของราคาประเมินหลักประกัน
วิเคราะห์ : ธุรกิจนี้ ถือเป็นโอกาสใหม่ที่น่าสนใจ ถ้าทำดี ก็มีโอกาสรุ่งครับ เพรราะกำไรออกมาค่อนข้างสวย เมื่อเทียบกับผลงานในอดีต
- บริษัท ดีดี ธัญการย์ จำกัด (บริษัทย่อยทางอ้อม ถือหุ้นโดย บริษัท ตงฮั้ว แคปปิตอล จำกัด)
เป็นร้านขายสะดวกซื้อครับ แต่ตอนนี้ไปไม่รอด ปิดตัวไปแล้ว
วิเคราะห์ ก็ชัดเจนครับ ความพยายามครั้งนี้ประสบความล้มเหลวครับ
เคสนี้แหละครับที่เราต้องเผื่อใจกับผู้บริหารชุดนี้ ว่าจะไปได้ดีมั้ย
งบการเงินที่พลิกกำไร
งบล่าสุด มีกำไรพลิกขึ้นมาจาก ธุรกิจใหม่ คือสินเชื่อ
แต่ปัญหาต่อไปคือ
๑) ธุรกิจสินเชื่อจะยั่งยืนมั้ย? จะปล่อยได้ต่อเนื่องมั้ย?
๒) บริษัทย่อย ดีดี ธัญการย์ จำกัด จะมีค่าเสื่อมเหลืออีกเท่าไหร่?
๓) วิสัยทัศน์ของผู้บริหารมีมาตรฐานแค่ไหน?
ข้อนี้เป็นคำถามนะครับ เพราะการขาดทุนที่เกิดจาก ดีดี ธัญการย์ นั่นแหละที่ฟ้องว่า เขามีปัญหาเรื่องการวางแผนธุรกิจ คิดไใ่รอบคอบ ไม่งั้นคงไม่เลิกทำแบบนี้
ซึ่งท่านต้องไปหาคำตอบเอง ว่าเขามีวิธีแก้ยังไง
ต่อมาดูกราฟกันครับ
นี่เป็นกราฟรายสัฟดาห์ครับ
ผมว่ามันเข้าสูตร wyckoff acumulation เลยนะ
ใครไม่เคยอ่าน ก็แนะนำให้เข้าไปชมบทความ พวกนี้นะครับ