คนปลูกผักหวานป่า... ผักหวานป่าเลี้ยงคนปลูก ที่เมืองปากน้ำโพ
ธนภัทร ภคสกุลวงศ์



เรามาช่วยกันเปิดตำนานหน้าใหม่ของการปลูกผักหวานป่า ซึ่งเกิดขึ้นที่บ้านป่ารังพัฒนา ตำบลหนองปลิง อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ หมู่บ้านนี้อยู่ห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยาเพียง 5 กิโลเมตร และอยู่ติดกับบึงบอระเพ็ด แต่นั่นมันเป็นเพียงแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่คนทั่วไปเก็บไว้ในภาคภูมิใจกันเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถนำน้ำขึ้นมาใช้ประโยชน์ทางการเกษตรในพื้นที่ดังกล่าวได้เลยแม้แต่น้อย

ด้วยความผูกพันกับอาชีพด้านการเกษตรมาโดยสายเลือด ก็ยากที่จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ได้ ความคิดที่จะเอาชนะความแห้งแล้งของธรรมชาติจึงเกิดขึ้น แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเอาชนะธรรมชาติได้ หลายต่อหลายคนต้องประสบกับความพ่ายแพ้ ต้องตัดสินใจบอกลาอาชีพการเกษตร แล้วหันไปประกอบอาชีพอื่นๆ ทั้งในตัวจังหวัดและต่างจังหวัด ปล่อยให้พื้นที่รกร้างว่างเปล่า หรือบางคนก็ตัดสินใจขายที่ดินทำกินผืนสุดท้ายไปในราคาถูก เพื่อนำเงินไปลงทุนทำอาชีพอื่น



ก่อนที่จะมาเป็นสวนผักหวานป่า

กรณีของ คุณวิชัย-คุณสมคิด พวงนาค เกษตรกรคนเก่งวัย 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 247 บ้านป่ารังพัฒนา หมู่ที่ 8 ตำบลหนองปลิง อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ กลับตรงกันข้าม

เมื่อประมาณปี 2535 ครอบครัวพวงนาค ตั้งคำถามว่า พื้นที่แห้งแล้งเช่นนี้จะปลูกพืชชนิดใดจึงจะอยู่ได้ เมื่อหาข้อมูลของพืชที่หลากหลายชนิด เพื่อหาข้อดี ข้อเสีย แล้ว จึงได้ข้อสรุปว่า มะขามเทศ น่าจะเป็นพืชทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะปลูกง่าย ทนแล้ง เหมาะสมกับสภาพของพื้นที่ จึงได้ตัดสินใจปลูกมะขามเทศหลายสายพันธุ์ โดยใช้ระยะการปลูก 8 คูณ 8 เมตร ในพื้นที่ 2 แปลง แปลงแรก 3 ไร่ แปลงที่ 2 อีก 5 ไร่ รวม 8 ไร่ ปลูกมะขามเทศ จำนวน 50 ต้น ต่อมามะขามเทศก็ได้ให้ผลผลิตออกมาจนเป็นที่น่าพอใจ เมื่อต้นมะขามเทศโตขึ้นขณะที่มีความสูงโดยเฉลี่ย 8-12 เมตร ได้มองเห็นพื้นที่ว่างระหว่างต้นมะขามเทศ ว่าน่าจะนำมาทำประโยชน์ด้วยการปลูกพืชอื่นแซมได้อีก ก็จึงได้เสาะแสวงหาพืชที่มีความเหมาะสมอยู่หลายปี จนในที่สุดก็ได้ตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลที่หลากหลายว่า พืชที่จะปลูกแซมนั้นคือ ผักหวานป่า เนื่องจากที่บริเวณบ้านมีต้นผักหวานป่าขนาดใหญ่อยู่ 1 ต้น จึงได้นำเมล็ดของผักหวานป่าจากต้นนี้มาเพาะเอง เริ่มจากการเพาะเพียงไม่กี่ต้นจนสามารถขยายพันธุ์ออกไปได้เป็นจำนวนมาก



วิธีเตรียมต้นพันธุ์

คุณสมคิด ซึ่งคลุกคลีอยู่กับการดูแลผักหวานป่า บอกว่า การเพาะพันธุ์ผักหวานป่าเริ่มเมื่อเดือน มีนาคม 2538 ได้นำเมล็ดผักหวานป่าที่แก่จัดจนเหลืองนำมาปอกเปลือกนอกออกให้หมด จากนั้นก็นำไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำมาผึ่งลมไว้ในร่มจนเมล็ดแห้งสนิท ใช้เวลา 2 วัน

ก่อนจะนำไปลงถุงเพาะ ให้นำเมล็ดมากะเทาะเปลือกชั้นในอีกครั้งหนึ่ง แล้วนำเมล็ดที่กะเทาะเปลือกแล้วใส่ลงไปในถุงเพาะชำ โดยใช้ถุงสีดำเจาะรูด้านข้าง 4 รู เพื่อระบายน้ำ ขนาดถุงกว้าง 2 นิ้ว สูง 4 นิ้ว ดินที่ใช้ในการเพาะก็ใช้ดินจากคอกวัวเก่าผสมดินทรายเล็กน้อย แล้ววางเมล็ดให้ด้านขั้วอยู่ข้างบน ส่วนด้านท้ายเมล็ดให้วางอยู่ด้านล่าง โดยฝังเมล็ดลงไปเพียงครึ่งเมล็ดก็พอ

แล้วเก็บเรียงไว้ใต้ร่มไม้ให้ได้รับแสงแดดรำไร การดูแลรักษาก็รดน้ำวันเว้นวันเฉพาะช่วงเย็นเท่านั้น จากนั้นอีกประมาณ 3 เดือนต่อมา เมล็ดผักหวานก็จะเริ่มงอกจนเปลือกที่หุ้มเมล็ดหลุดออกมา จะแตกยอดอ่อนออกมา 2-3 ใบ ก็ยังคงรดน้ำวันเว้นวันไปจนอายุประมาณ 10-11 เดือน ก็จะได้ต้นพันธุ์ผักหวานที่มีความสูงประมาณ 8-10 เซนติเมตร แล้วจึงนำไปปลูกได้ในเดือนมีนาคมถึง เมษายน



เตรียมพื้นที่ปลูกและการดูแลรักษา

เกษตรกรหญิงเก่ง บอกว่า เมื่อได้ต้นพันธุ์ผักหวานเรียบร้อยแล้ว ก็จะนำไปปลูกในพื้นที่ที่มีไม้ยืนต้นอื่นอยู่ก่อนแล้ว ส่วนแปลงนี้ปลูกแซมในสวนมะขามเทศ เนื่องจากสภาพของผักหวานป่าตามธรรมชาตินั้น จะเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ป่าโปร่งดินเขาลูกรัง การขุดหลุมเตรียมดินปลูกก็จะขุดให้มีความกว้าง ยาว ลึก ประมาณ 1 ฟุต ใส่ขี้วัวผสมดินปลูกลงไปเล็กน้อย แล้วรดน้ำ 3 วัน ต่อครั้ง ต่อจากนั้น ก็ใส่ขี้วัว ประมาณ 5 กิโลกรัม ต่อต้น โดยการโรยให้รอบทรงพุ่ม เดือนละ 1 ครั้ง โดยไม่ต้องพรวนดินปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติมากที่สุด

เมื่อปลูกผักหวานได้ ประมาณ 3 ปี ผักหวานก็จะมีความสูง ประมาณ 1.5 เมตร ก็จะเริ่มเก็บยอดนำไปขายได้ การเก็บยอดจะเก็บหมดทุกยอดจนเหลือแต่กิ่งก้าน เมื่อเก็บยอดจนหมดแล้วก็ใส่ขี้วัวต้นละ 5 กิโลกรัม แล้วรดน้ำทุก 7 วัน ผักหวานก็จะแตกยอดขึ้นมาใหม่ให้เก็บได้อีก วนเวียนกันอย่างนี้ตลอดไป ส่วนใหญ่ผักหวานจะมีราคาดีก็ช่วงหน้าแล้ง ที่ผ่านมายังไม่เคยใส่ปุ๋ยเคมีเลย คิดเอาเองว่าผักหวานป่าจะไม่ชอบปุ๋ยเคมี



เก็บยอดผักหวานป่า

คุณสมคิด กล่าวว่า เมื่อเก็บยอดผักหวานได้แล้วก็จะนำมามัดเป็นกำ โดยเฉลี่ย 3 กำ ต่อ 1 กิโลกรัม จะมีแม่ค้ามารับถึงในสวน ขณะนี้ได้ 90 บาท ต่อกิโลกรัม วันหนึ่งจะเก็บยอดผักหวานได้ ระหว่าง 30-50 กิโลกรัม ทั้งนี้ แล้วแต่ว่าแม่ค้าจะสั่งจองมาวันละเท่าไหร่ ถ้าหากเป็นช่วงที่มีงานเทศกาลที่มีคนจำนวนมาก แม่ค้าก็จะสั่งจำนวนมาก ก็ต้องวางแผนให้สามารถเก็บยอดผักหวานได้ทันตามกำหนดที่สั่งจอง ส่วนแรงงานนั้นจะจ้างวันละ 3-5 คน ซึ่งก็ไม่ได้เก็บยอดผักหวานทั้งวัน จะเก็บตามจำนวนที่สั่ง เมื่อได้ครบตามที่สั่งจองแล้วก็จะหยุดเก็บ โดยให้ค่าจ้างวันละ 150 บาท จะบริการกาแฟ อาหารว่าง และอาหารกลางวัน

ราคาผักหวานป่าที่ขายได้ต่ำสุด 70 บาท ต่อกิโลกรัม ส่วนราคาที่ขายได้สูงสุด 100 บาท ต่อกิโลกรัม เมื่อได้สืบราคาขายปลีกในท้องตลาด จะอยู่ที่ 120-150 บาท ต่อกิโลกรัม การเก็บผลผลิตในปีแรกขายแล้วได้เงิน 30,000 บาท ส่วนปี 2550 ได้เงิน 1.4 แสนบาท และในปีนี้เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมาจนถึงบัดนี้ เก็บยอดผักหวานป่าขายได้เงินไปแล้ว 1.3 แสนบาท



ฝากแนวคิดถึงเพื่อนเกษตรกร

คุณสมคิด กล่าวทิ้งท้ายว่า ก่อนที่เกษตรกรจะปลูกผักหวานหรือปลูกพืชอื่นใดก็ตาม จะต้องไปศึกษาข้อมูลให้มากที่สุด โดยเฉพาะศึกษาดูงานจากแปลงที่ประสบความสำเร็จ แล้วจึงนำไปเปรียบเทียบกับพื้นที่ของตัวเองว่า มีความเหมือนหรือแตกต่างอย่างไรหรือไม่ เพราะการปลูกพืชแต่ละชนิดนั้นจะต้องใช้เวลานานจึงจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ส่วนตัวคิดว่าพื้นที่ดินที่ผักหวานชอบนั้นควรจะเป็นดินแน่น ลูกรังปนทรายที่มีความชื้นไม่สูง หรือค่อนข้างไปทางที่จะแห้งแล้ง หากพื้นที่ที่จะปลูกผักหวานมีความชื้นสูงผักหวานป่าก็จะไม่ชอบ เพราะผิดธรรมชาติของผักหวานป่า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. (089) 566-3599

ทางด้านการส่งเสริมของสำนักงานเกษตรอำเภอนั้น คุณดิเรก ยิ้มห้อย เกษตรอำเภอเมืองนครสวรรค์ กล่าวว่า ในพื้นที่ตำบลนี้มีการปลูกผักหวาน 25 คน พื้นที่ประมาณ 70 ไร่ เพื่อให้การบริหารจัดการการปลูก การดูแลรักษา การตลาด และเป็นแหล่งเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ทางสมาชิกจึงได้รวมตัวกันเพื่อตั้งเป็นกลุ่มผู้ปลูกผักหวานป่าขึ้น จากการประชุมกันไปแล้ว 2 ครั้ง ได้มีการเสนอแนวทางกันอย่างกว้างขวาง และในอนาคตจะเสนอให้เป็นหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ของตำบลต่อไป ปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเกษตรกร บุคคลทั่วไป นักศึกษา นักเรียน พระภิกษุและสามเณร กันไม่เว้นแต่ละวัน



Create Date : 21 เมษายน 2551
Last Update : 21 เมษายน 2551 7:59:34 น.
Counter : 4494 Pageviews.

0 comments
ต้นไม้ใบหญ้าเริ่มฟื้นคืนชีพ สวยสุดซอย
(12 เม.ย. 2567 14:13:40 น.)
ล้อมรั้วกั้นกวางมากินดอกไม้ สวยสุดซอย
(8 เม.ย. 2567 14:56:09 น.)
ดอกไม้หายาก เอื้องดอกมะเขือ สมาชิกหมายเลข 4313444
(3 เม.ย. 2567 13:06:48 น.)
โจทย์ถนนสายนี้มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 348 - "ฉุกละหุก" ทนายอ้วน
(28 มี.ค. 2567 14:24:52 น.)
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Hoonvi.BlogGang.com

hoon_vi
Location :
ขอนแก่น  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]

บทความทั้งหมด