ไปดู พรเทพฟาร์มกบ เลี้ยงกบไม่ขายตัว แต่ขายลูก (อ๊อด)


ถ้าคิดให้ลึกจะเกิดความอัศจรรย์ใจเป็นอันมาก ว่าธรรมชาติเข้าใจสร้างสรรค์ให้โลกกลมๆ ดวงนี้ ได้ลงตัวในทุกๆ ด้านจนหาที่ติไม่ได้ (เว้นในปัจจุบัน) เป็นต้นว่า แบ่งพื้นของโลกเป็นสี่ส่วน ให้มีพื้นดินเพียงหนึ่งส่วน นอกนั้นเป็นพื้นน้ำ ในส่วนต่างๆ ของโลกยังแบ่งให้เป็นเขตร้อน เขตอบอุ่น เขตหนาว เนรมิตให้มีพืช มีสัตว์ทั้งบนบกและในน้ำ มีอากาศ มีเมฆ มีฝน มีกลางวัน มีกลางคืน และอีกหลายๆ มี

ประเทศไทยของเราในอดีตเคยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของผู้เป็นเจ้าของประเทศอย่างยิ่ง ความอุดมสมบูรณ์เลื่องลือไปไกลจนคนต่างชาติหลายชาติหลายภาษา พากันอพยพเข้ามาตั้งรกรากในประเทศไทย บัดนี้ความอุดมสมบูรณ์ตามคำกล่าวได้อยู่ในภาวะพิกลพิการแล้ว เราลูกหลานไทยคงไม่กล้าเอ่ยอ้างคำนั้นอีกต่อไป

วกมาเรื่องของกบ กบเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ อาศัยอยู่ตามท้องทุ่งนา ป่าเขา ห้วย หนอง ไม่เคยมีใครคิดว่าจะนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์บ้าน ธรรมชาติของกบจะเข้ารูในหน้าหนาว หน้าแล้ง จะออกมาอีกทีก็ช่วงต้นฤดูฝน พอฝนแรกตก มีน้ำขังตามแอ่งตามนาก็จะพากันออกจากรู ไปส่งเสียงร้องเรียกคู่เพื่อผสมพันธุ์ยามค่ำคืน ไอ้เสียงร้องของกบยามจะผสมพันธุ์นี้แหละ เป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้กบถูกจับถูกทำลายลงเร็วกว่าปกติ หากกบรู้จักปรับตัวลดเสียงร้องในเวลาผสมพันธุ์ได้เหมือนสัตว์ประเภทอื่น ประชากรของกบคงไม่ลดน้อยลงเหมือนปัจจุบันอย่างแน่นอน

ลูกของกบ ชาวอีสานเรียกว่า "ฮวก" เป็นอาหารยอดนิยมของคนอีสานมายาวนาน รสชาติอร่อยถูกปาก นำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง เช่น แกงใส่หน่อไม้ส้ม (หน่อไม้ดอง) ทำห่อหมก ห่อปิ้ง แกงอ่อม เวลานำไปประกอบอาหารจะควักไส้ล้างให้สะอาดเสียก่อน หากลูกกบโตจนขาเริ่มงอกมักจะไม่เป็นที่นิยมนำมารับประทาน

ที่บ้านแดนสวรรค์ ตำบลอุ่มเหม้า อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม มีผู้ทำฟาร์มกบขายลูกอ๊อดอยู่สองครอบครัว ครอบครัวแรกเป็นพ่อตา และอีกครอบครัวเป็นลูกเขย อันเป็นที่มาของพรเทพฟาร์มกบ เพราะลูกเขยคือ คุณพรเทพ โกพล ผู้จะนำวิธีการเลี้ยงกบมาถ่ายทอดแก่ผู้สนใจนั่นเอง



ความเป็นมา

คุณพรเทพเล่าว่า แต่เดิมพ่อตาเลี้ยงกบมาก่อน เมื่อตนมาเป็นลูกเขยก็ต้องร่วมเลี้ยงกบด้วย ตนเองไม่มีพื้นฐานการเลี้ยงกบมาก่อน แต่ก็เคยไปศึกษาดูงานตามสถานที่เลี้ยงกบอื่นๆ มาบ้าง ตนเองแยกตัวมาเลี้ยงกบเองตั้งแต่ปี 2541 นับถึงบัดนี้ก็ 10 ปีขึ้นแล้ว ฟาร์มกบของตนก็ใช้ที่ดินของพ่อตาซึ่งปกติก็ใช้ทำนา เนื้อที่ทำฟาร์มจำนวน 8 ไร่ เริ่มแรกก็ปรับที่นาให้เรียบได้ระดับเดียวกัน ยกคันนาเป็นแปลงๆ ให้พอเหมาะกับการทำคอกเลี้ยง ขนาดของคอกกว้าง 5 เมตร ยาว 27 เมตร ส่วนคอกพ่อแม่พันธุ์จะกว้างกว่านี้ เพราะมีการทำคันดินตรงกลางคอกเพิ่มขึ้นอีก 1 คัน เพื่อปลูกต้นไม้ไว้เป็นร่มเงา



เริ่มจากพ่อแม่พันธุ์

พ่อแม่พันธุ์ที่เลี้ยงเป็นลูกผสมระหว่างพันธุ์บลูฟร็อกกับกบนา ปัจจุบันมีพ่อแม่พันธุ์ประมาณ 6,000 คู่ ใช้อาหารปลาดุกใหญ่ ราคาอาหารในปัจจุบันกระสอบละ 400 บาท (กระสอบละ 20 กิโลกรัม) ช่วงที่ไม่มีการผสมก็เลี้ยงไปตามปกติ ให้อาหารวันละ 2 ครั้ง คือ เช้าและเย็น ส่วนฤดูผสมพันธุ์ก็มีการเพิ่มพวกวิตามิน ฮอร์โมนเสริมบ้าง คอกพ่อแม่พันธุ์ในส่วนที่เป็นน้ำจะนำผักตบชวาวางกระจายให้ทั่วพื้นน้ำ ส่วนคันดินกลางคอกก็ปลูกมันสำปะหลังห่างกันประมาณ 1 เมตร เพื่อเป็นร่มเงาเวลากบขึ้นจากน้ำ ระดับน้ำในคอกประมาณ 30 เซนติเมตร (ตามภาพ)



การเพาะพันธุ์ และการจำหน่าย

คอกเพาะพันธุ์จะล้อมรอบด้วยตาข่ายไนล่อนสีฟ้า ใช้ไม้ไผ่เป็นเสา ปลายเสาขึงลวดให้รอบเพื่อยึดตาข่ายให้ตึง ด้านล่างฝังตาข่ายให้จมดิน ตรวจดูให้ดีอย่าให้มีช่องว่างได้ หากมีช่องว่างจะทำให้ศัตรูกบจำพวกงูเข้าไปกินลูกกบได้ เมื่อถึงฤดูกาลเพาะพันธุ์ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมไปสิ้นสุดปลายเดือนสิงหาคมของทุกปี เริ่มแรกจะปล่อยน้ำเข้าคอกผสมพันธุ์ ระดับน้ำประมาณ 5-10 เซนติเมตร พอตกเย็นก็จับกบพ่อแม่พันธุ์ลงผสมพันธุ์ คอกละประมาณ 300 คู่ พอรุ่งเช้าก็จะจับพ่อแม่พันธุ์ออกจากคอกให้หมด นำไปพักฟื้นรอผสมพันธุ์ในรอบต่อไป หากฝนตกบ่อยๆ จะใช้เวลาเพียง 7-8 วัน ก็นำไปผสมพันธุ์ใหม่ได้ หากฝนไม่ตก ระยะพร้อมผสมพันธุ์ใหม่อยู่ระหว่าง 10-15 วัน

หลังจากกบออกไข่แล้ว ประมาณ 24 ชั่วโมง ไข่กบก็ฟักออกเป็นตัว เรายังไม่ต้องให้อาหารใดๆ จนผ่านไปถึงวันที่ 3 จึงเริ่มให้อาหาร โดยเริ่มให้ทีละน้อยๆ และหมั่นสังเกตด้วยว่า ลูกกบกินอาหารหมดหรือไม่ หากหมดก็ค่อยๆ เพิ่ม หากไม่หมดก็ลดการให้อาหารลง ระยะอนุบาลลูกกบนี้ต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกๆ 3 วัน หรือหากน้ำเริ่มเสียก็เปลี่ยนน้ำเร็วขึ้น ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึง 3 วัน อาหารลูกกบก็ให้อาหารปลาดุกเล็ก ราคาปัจจุบันกระสอบละ 525 บาท ระดับน้ำในคอกโดยเฉลี่ยประมาณ 30 เซนติเมตร เมื่อลูกอ๊อดอายุครบ 15 วัน ก็จะเริ่มจับจำหน่าย ลูกอ๊อดแต่ละรุ่นในหนึ่งคอกจะอยู่ที่ 80-100 กิโลกรัม ราคาจำหน่ายสูงสุดกิโลกรัมละ 120 บาท ต่ำสุดก็ 80 บาท การจำหน่ายจะมีลูกค้าประจำไปรับที่ฟาร์มและลูกค้าขาจร เคยจำหน่ายได้มากที่สุดวันหนึ่งถึง 700 กิโลกรัม การบรรจุหีบห่อ ใช้ถุงพลาสติคซ้อนสองใบ ใส่ลูกอ๊อดตามขนาดของถุง อัดออกซิเจน ปิดปากถุงด้วยยางรัดให้แน่น ป้องกันการรั่วของอากาศ อายุในการขนส่งอยู่ยาวนานถึง 12 ชั่วโมง ลูกค้าที่รับไปสามารถเดินทางไปยังจังหวัดต่างๆ เช่น อุดรธานี ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ได้โดยที่ลูกอ๊อดยังไม่ตาย



ปัญหาต่างๆ ในด้านการผลิตที่สำคัญ

ณ ปัจจุบันนี้ปัญหาหลักก็คือ เรื่องอาหารของกบที่มีราคาสูงขึ้น ส่วนราคาจำหน่ายก็ไม่สามารถเพิ่มได้ เพราะมีฟาร์มกบหลายแห่งที่ทำในลักษณะเดียวกัน หากเราขึ้นราคาแต่ฟาร์มอื่นไม่ขึ้นราคา เราก็ขาดลูกค้าประจำไป จึงเป็นปัญหาใหญ่ที่ฝ่ายบ้านเมืองจะต้องหาทางช่วยเหลือบ้าง ส่วนด้านแรงงานก็จ้างแรงงานประจำอยู่ 4 คน หากราคาอาหารไม่สูงกว่านี้อีก คิดว่ายังพอมีกำไร ต้นทุนกับกำไรอยู่ที่ 50-50 ก็คิดว่าพออยู่ได้

ท่านผู้อ่านครับ หากท่านสนใจจะไปเยี่ยมชมกิจการของพรเทพฟาร์มกบ สามารถเดินทางไปได้สะดวกตามเส้นทางมุกดาหาร-ธาตุพนม หากเริ่มจากมุกดาหารไปประมาณ 32 กิโลเมตร ที่ตั้งฟาร์มจะอยู่ฝั่งซ้ายถนนพอดี หากเริ่มต้นจากอำเภอธาตุพนมไปประมาณ 22 กิโลเมตร ฟาร์มจะอยู่ทางฝั่งขวาของถนน หรือหากจะติดต่อสอบถามก็กรุณาโทรศัพท์ไปที่หมายเลข (086) 231-7449 สวัสดีครับ



Create Date : 18 มิถุนายน 2551
Last Update : 18 มิถุนายน 2551 9:09:34 น.
Counter : 3594 Pageviews.

0 comments
นุ่งซิ่นชมสวน๑/๖๗ ตะลีกีปัส
(3 เม.ย. 2567 10:35:45 น.)
ของไม่ตรงปก ผักไม่ตรงซอง? สวยสุดซอย
(3 เม.ย. 2567 12:54:31 น.)
ดอกไม้หายาก เอื้องดอกมะเขือ สมาชิกหมายเลข 4313444
(3 เม.ย. 2567 13:06:48 น.)
ทนายอ้วนจัดดอกไม้ - จัดดอกไม้ง่ายๆ – แจกันกล้วยไม้หลากสี ทนายอ้วน
(26 มี.ค. 2567 13:16:07 น.)
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Hoonvi.BlogGang.com

hoon_vi
Location :
ขอนแก่น  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]

บทความทั้งหมด