จริงๆ ไม่เคยรู้จักอาการที่เรียกว่า Asperger's Syndrome  มาก่อน จนกระทั่ง แฟนที่คบๆกันอยู่ ช่วงที่เราคุยกันแรกๆ (เริ่มรู้สึกว่าชอบพอกันแล้ว) เค้าพูดว่า เค้าเป็น mind autism ซึ่งตอนแรกก็ไม่เข้าใจ เค้าก็ค้นหาข้อมูลมาให้เรา เค้าเป็น ออทิสติกชนิดอ่อน อาการที่เรียกว่า Asperger's Syndrome  (ซึ่งในอเมริกาจะเป็นประเทศที่มีคนเป็นอาการออทิสซึ่มตัวนี้มากที่สุด) เกิดจากโครโมโซมของสมองผิดปกติ โอกาสของคนที่จะมีลูกเป็นแบบนี้ ส่วนมากจะมีแนวโน้มมาจาก ครอบครัวที่มีสมองดี การศึกษาดีค่ะ อาชีพที่เกี่ยวข้องก็จะ หมอ เภสัชกร นักตรวจบัญชี นักธุรกิจใหญ่ๆ แนวโน้มของการมีลูกเป็น  Asperger's Syndrome  สูงมาก (คาดว่ามาจากระดับสติปัญญาที่สูงเกินกว่าคนปกติของคนในครอบครัว) ทำให้ระดับของการพัฒนาโครโมโซมได้ก้าวไปอีกขั้น คือ ในสมองของคนที่เป็น จะมีเพิ่มมาอีก 1 คู่ (ต่างกับคนที่เป็น Down Syndrome ซึ่งหายไปหนึ่งคู่)

คนที่เป็น Asperger's Syndrome เราจะแทบดูไม่ออกเลยค่ะ เพราะหน้าตาเค้าไม่แสดงออกแบบ Down syndrome ส่วนใหญ่มีรูปร่างหน้าตาดีด้วยซ้ำไป (นักแสดงหลายๆคนก็เป็นนะคะ) ดังนั้นในสังคม ก็จะมีคนที่มีอาการแบบนี้ อยู่ร่วมกันในสังคม

ส่วนมากคนที่เป็น Asperger's Syndrome  จะเป็นคนที่ สติปัญญาปกติหรือสูงกว่าปกติ มีพัฒนาการทางร่างกายแบบปกติ สามารถใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมได้ (คบเพื่อนหรือการแต่งงาน) แต่ส่วนใหญ่ ที่เป็นปัญหาคือการเข้าสังคมค่ะ เพราะเค้าจะไม่สบตา ไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ มีโลกส่วนตัวสูง (ซึ่งแน่นอนว่า หลายๆคนคงเคยรู้จักคนแบบนี้นะคะ ที่วันๆหมกอยู่กับโลกของตัวเอง)

 

นอกจากนี้ยังเป็นคนพูดตรงๆ ห้วนๆ เหมือนไม่แคร์สื่อ เวลาโมโหก็จะวีนแตก ระเบิดบึ้มเหมือนยั้งไม่อยู่ (ซึ่งก็ยั้งไม่อยู่จริงๆเพราะว่า เป็นความผิดปกติของสมอง) แต่ไม่ทำร้ายใคร เมื่อเกิดอาการต้องปล่อยให้เค้าอยู่เงียบๆคนเดียว พอดีขึ้นก็จะกลับมาเป็นปกติ (เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะงั้น) อารมณ์ติสต์แตกว่างั้นเหอะ

 

เค้าจะไม่เข้าใจ ไม่เก็ตมุขตลกๆ แต่บางเรื่องที่ไม่ตลกเค้าก็จะขำ เค้าจะไม่เข้าใจสีหน้าของเรา ท่าทางของเรา นอกจากเราจะพูดจะบอกเค้า ว่าเรารู้สึกอย่างไร โลกของเค้าจะเป็นโรคส่วนตัวสูงมาก เค้าจะเปิดโลกของเค้าให้คนที่เค้าเชื่อใจไว้ใจเท่านั้นให้เข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวของเค้า..

 

ดังนั้น คนที่เป็น Asperger's Syndrome  หรืออีกโรคที่เรียกว่า โรคอัจฉริยะ (เพราะคนที่มีอาการพวกนี้จะเป็นคนที่มีสติปัญญาดี ทำงานเก่ง มีทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ โปรแกรมเมอร์ รวมถึง นักดนตรี นักแสดง) พวกนี้พรสวรรค์จะสูง พรแสวงก็จะมากตาม เพราะวันๆจะขลุกอยู่กับสิ่งที่ตัวเองอยากรู้และสนใจ ดังนั้นจึงเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านค่ะ

 

เชื่อหรือไม่ว่า ถ้าลองคุยในเรื่องของคนที่มีอาการแบบนี้สนใจแล้วละก็ จะได้รับความรู้มากมายเลยค่ะ อย่างแฟนออยจะสนใจด้าน โบราณสถาน โบราณวัตถุ พวกประวัติศาสตร์ชาติ ประวัติสงครามต่างๆ เค้าจะจำได้แม่นยำเหมือนเปิดหนังสือเล่าเลยทีเดียว

 

ขนาดถามเล่นๆว่า รู้ไหมว่า Thai แปลว่าอะไร เค้าพูดมาเป็นฉากๆเลยค่ะว่า Thai = ไท คือ Freedom แล้วก็ร่ายยาวว่า ทำไมถึงชื่อนี้ ฯลฯ เชื่อว่าคนไทยหลายๆคนก็อาจจะไม่รู้ประวัติความเป็นมาอย่างละเอียด แต่แฟนเรากลับพูดออกมาเป็นฉากๆๆๆๆๆ ถ้าไม่หยุดเค้า เค้าคงจะเล่าตั้งแต่สมัยสุโขทัย 55555555

 

ข้อดีนอกจากสมองที่ดีเกินปกติแล้ว.. คนที่เป็น Asperger's Syndrome  จะโกหกไม่เป็นค่ะ.. สงสัยใช่ไหมคะว่า ทำไมโกหกไม่เป็น..เหตุผลคือ เพราะสมองที่ผิดปกติ ทำให้เค้าคิดว่า "ทำไมคนเราต้องโกหกกันด้วย???" เค้าไม่เข้าใจค่ะ เพราะเหตุนี้ เค้าจะพูดอะไรก็เลยตรงๆ โพล่งๆ ออกมา บางครั้งจึงทำร้ายจิตใจคนอื่นได้ง่าย เหมือนคนไม่แคร์สังคมนั่นหละ (แต่จริงๆเค้าไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นเลย) อีกข้อคือ คนที่เป็น Asperger's Syndrome จะเป็นคนที่มีความรักจริงจังมาก

 

เหตุผลเพราะว่า โลกของเค้าเป็นโลกที่เค้าอยู่เพียงคนเดียว เมื่อเค้าพบคนที่เค้ารู้สึกว่า อยากจะให้คนๆนั้นเข้ามามีส่วนร่วมในโลกของเค้า เค้าก็จะเปิดประตู แล้วนำคุณเข้าไปในนั้น หลังจากนั้นเค้าก็จะปิดประตู เหลือเพียงโลกของคุณกะเค้าเพียงสองคน เค้าจะไม่ยอมก้าวเท้าออกมาจากโลกส่วนตัวของเค้า แต่เค้าจะนำคุณเข้าไปอยู่ในโลกของเค้า จะให้เค้าออกมาเหรอ ไม่มีทางคะ แต่อย่าให้เกลียด เค้าจะเกลียดแบบเข้าใส้เลยค่ะ เกลียดแบบตายไปไม่ต้องมาเผาผีกันเลยทีเดียว

 

Asperger's Syndrome  บำบัดได้ด้วย Love Therapy ไม่ผิดหรอกค่ะ ต้องใช้ความรัก ความเข้าใจ ในการบำบัด ขอเพียงความเข้าใจซึ่งกันและกัน การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน จะเป็นเหมือนคนปกติทั่วๆไปค่ะ จริงๆ ถ้าถามว่า ออยมีสิทธ์ที่จะเลือก มีสิทธ์ที่จะมีแฟนใหม่ได้ไหม บอกได้เลยว่า มีสิทธ์ค่ะ แต่ที่ออยยังคบกับเค้าอยู่จนทุกวันนี้ เพราะเค้ามีข้อดีๆ น่ารักๆมากมาย มันทำให้เรารู้สึกว่าเรามีความสุข สบายใจที่ได้คบกัน คุยกันแบบตรงๆ เกลียดอะไร ชอบอะไรก็ ว่ากันตรงๆ ไม่ต้องฝืนกันดีออก แล้วเค้าเป็นคนที่เอาใจใส่เรา ห่วงใยดูแลเรามากๆ จนเรารับรู้ได้ สนใจในสิ่งที่เราสนใจและช่วยเรา แต่ถ้าได้แต่งงาน คงจะไม่มีลูก เพราะว่าก็มีอัตราเสี่ยงกันครึ่งต่อครึ่ง ว่าอาจจะได้ลูกที่เป็นเด็กอัจฉริยะ หรือได้ลูกที่เป็น Asperger's Syndrome  มันวัดดวงกันค่ะ เลยคิดว่า ไม่มีจะดีกว่า ไม่เสี่ยง

 

นำเรื่องราวนี้มาเล่าสู่กันฟัง สำหรับคนที่มีบุตรหลาน หรือว่ากำลังจะแต่งงาน มีลูก หรือคนที่กำลังคบหาดูใจอยู่ ลองสังเกตคนใกล้ตัวดูนะคะว่า มีอะไรที่ใกล้เคียงกับอาการแบบนี้บ้าง เพราะว่า อย่างที่บอกว่า คนที่เป็นอะไรแบบนี้ จะแทบดูไม่ออก จนกว่าที่จะจับสังเกตได้ว่าผิดปกติตั้งแต่ยังเล็ก และถ้ายังเป็นเด็กอยู่ ก็จะสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที เพราะว่าหลายๆคนสูญเสียพัฒนาการที่ดีไปเพราะครอบครัวไม่สามารถสังเกตเห็น อาจจะตื่นเต้นดีใจด้วยซ้ำว่า ลูกอายุ แค่ 2-3 ขวบอ่านหนังสือคล่องปร๋อ ภาษาอังกฤษเก่งเชียว พัฒนาการไปเร็วมาก เลยคิดว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ โดยที่ไม่เฉลียวใจเลยว่า พัฒนาการในการเข้าสังคมของลูกนั้นผิดปกติ

 

คนดังๆที่เป็น Asperger's Syndrome  อาทิเช่น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์" (Alber Einstein) และ "ไอแซค นิวตัน" (Isaac Newton) จอร์จ ออร์เวลล์ (George Orwell) นักเขียนชื่อดังชาวอังกฤษผลงานที่โด่งดังที่สุดคือ "รัฐสัตว์" (Animal Farm), บีโธเฟน (Beethoven) ชาวเยอรมนี และโมสาร์ท (Mozart) ชาวออสเตรีย 2 นักประพันธ์เพลงผู้ยิ่งใหญ่ของโลกแห่งยุคคลาสสิก,ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน (Hans Christian Andersen) นักแต่งนิทานชื่อก้องโลกชาวเดนมาร์กเจ้าของผลงาน "เดอะลิตเติล เมอร์เมด" (The Little Mermaid) และอิมมานูเอล คานท์ (Immanuel Kant) นักปรัชญาชื่อดังชาวเยอรมัน รวมถึง Bram Cohen เจ้าของ Bittorrent ซึ่งเป็นคนล่าสุดที่ออกมายอมรับว่า ตัวเองเป็น Asperger's syndrome ด้วยค่ะ

 รู้ทันและเข้าใจ สามารถสร้างอัจฉริยะภาพในตัวบุคคลได้นะคะ ถือว่านำเรื่องราวมาฝากกันค่ะ (ถึงเค้าจะเป็นแบบนี้ แต่ข้อดีของเค้ายังมีอีกมากมาย รวมทั้งเป็นคนที่จิตใจดีงามด้วย ทำให้เลิกไม่ลงจริงๆค่ะ สิ่งเดียวที่จะทำได้ คือเราต้องเข้าใจและให้อภัย ยอมรับในสิ่งที่เค้าเป็นค่ะ)

ลงครั้งแรกใน //www.clubmiafarang.com ค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้เป็นเมียฝรั่งนะ ^^ แต่ก็ คบหาดูใจกับคนๆนี้มา 2 ปีกว่าแล้วค่ะ ก็อยากแบ่งปันความรู้และแชร์กัน ถ้าเพื่อนๆคนใหนมีข้อมูลดีๆ ก็สามารถแนะนำได้นะคะ

ตอนนี้พยายามจะแปลหนังสือเรื่องเกี่ยวกับ Asperger's syndrome ให้จบเล่มแต่คงต้องใช้เวลาเพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้สนใจค่ะ คงต้องใช้เวลามากหน่อยแต่ก็จะพยายาม