ธรรมะจากดวงจันทร์





ในราตรีเงียบสงบผาสุก...คุณแม่ยังสาวนั่งเพลินชมจันทร์อยู่กับลูกน้อยช่างซัก

คืนนี้ลูกอย่างรู้อะไร?
หนูอยากรู้ว่าดวงจันทร์มาจากไหน

ดวงจันทร์เหรอ...อาจมาจากโลกของเรานี่เองจ้ะ
มากจากโลกเรา? หมายความว่ามันเคยเป็นส่วนหนึ่งของโลกเราเหรอคะ

นักวิทยาศาสตร์เดาไว้อย่างนั้น
แล้วทำไมเขาถึงไม่เดาว่ามันลอยมาจากที่อื่นล่ะคะ?

เพราะถ้ามาจากที่อื่น มันจะโคจรรอบโลกเป็นวงรี ไม่ใช่เกือบเป็นวงกลมเหมือนทุกวันนี้
ถ้าเคยเป็นส่วนหนึ่งของโลกเรา ทำไมอยู่ดี ๆ หาเรื่องแยกตัวออกไปล่ะคะ?

อยู่ ๆ มันไม่ได้หาเรื่องแยกตัวออกไปเอง แต่เพราะโลกไปชนเข้ากับอะไรอย่างหนึ่งที่มีขนาดใหญ่มาก ส่วนหนึ่งของโลกเลยกระเด็นออกไป...
ถ้ามีอะไรมาชนโลกอีก เราจะได้มีดวงจันทร์อีกดวงใช่ไหมคะ?

ตอนนี้โลกเราเย็นตัวลงแล้ว ถ้าชนอีกก็เหมือนทุบลูกหินให้แตกน่ะจ้ะ พวกเราจะตายกันหมด ที่ตอนนั้นดวงจันทร์แยกตัวออกไปได้ ก็เพราะโลกยังเป็นลูกไฟที่เพิ่งหลุดออกมาจากดวงอาทิตย์ ยังไม่เย็นตัวลง ทุกหนทุกแห่งปกคลุมด้วยมหาสมุทรลาวา เพราะงั้นจึงเหมือนหนูทุ่มหินลงน้ำ น้ำกระเซ็นออกไปได้ แล้วไปรวมตัวเป็นดวง ๆ ในภายหลัง...
สงสัยจัง ทำไมนักวิทยาศาสตร์รู้ดีนักล่ะคะ?

จากหลักฐานหลาย ๆ ชิ้นน่ะจ้ะ แต่...ไม่ว่าลูกจะเดา จะเลือกเชื่อ หรือจะพิสูจน์ด้วยหลักฐานชิ้นไหน โลกกับดวงจันทร์ก็มีอยู่จริง และเกิดขึ้นมานานเกินกว่าที่ใครจะทันเห็นวาระแรกของพวกมัน...
แปลว่านักวิทยาศาสตร์อาจจะเดาผิดหรือคะ?

วันหน้าถ้าหนูเจอหลักฐานอื่นดีกว่าของพวกเขา พวกเขาก็จะยอมรับว่าเคยเดาผิดจ้ะ แต่วันนี้เขาจะบอกให้หนูเชื่อตามเขาไปก่อน...
ถ้าเราไม่มีดวงจันทร์จะเป็นยังไงคะ?

โลกก็จะเบาตัว แล้วโคจรรอบดวงอาทิตย์เร็วขึ้น หนึ่งปีจะมีจำนวนวันน้อยลงมาก อีกอย่าง...จะไม่มีดวงอะไรโต ๆ ค้างฟ้าให้หนูเห็นเหมือนในคืนนี้ หนูจะไม่มีเรื่องน่าสงสัยมาถามแม่ เท่ากับเราขาดเรื่องคุยกันไปเรื่องหนึ่ง...
คุณแม่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับดวงจันทร์หมดแล้วใช่ไหมคะ?

ไม่หรอกจ้ะ นักวิทยาศาสตร์สรุปให้ฟังยังไง แม่ก็มาบอกหนูต่อตามนั้น แต่แม่ไม่คิดว่าตัวเองรู้อะไรเกี่ยวกับที่มาของดวงจันทร์จริงเลยสักนิด แต่ครูของแม่สอนวิธีมองดวงจันทร์ไว้อย่างหนึ่ง... แม่ถึงรู้ว่าพอมองดวงจันทร์เป็น เราก็จะไม่สงสัยอะไรเกี่ยวกับมันอีกเลย...
สอนหนูมั่งสิ!

ได้จ้ะ แต่หนูต้องทำตามที่แม่บอกทุกอย่างเลยนะ!! และห้ามบ่นด้วย!
ค่ะ!

เอาละ ไหนหนูมองดวงจันทร์แล้วบอกแม่ซิ ว่าเห็นอะไรบ้าง...
เห็นอะไร...ก็เห็นดวงจันทร์น่ะสิคะ

พูดถึงสิ่งที่หนูเห็นให้แม่ฟังละเอียด ๆ กว่านี้หน่อย อะไรก็ได้ที่หนูคิดว่าหนูเห็นจริง ๆ
คืนนี้ดวงจันทร์กลมป๊อก

แล้วเห็นอะไรอีก?
ดวงจันทร์คล้ายลูกกอล์ฟของคุณพ่อ

แล้วเห็นอะไรอีก?
เห็น...ว่าดวงจันทร์ไม่เรียบค่ะ เหมือนคนสวยหน้าด่าง

แล้วเห็นอะไรอีก?
เห็นแสงจันทร์สว่างจ้า

แล้วเห็นอะไรอีก?
เห็นฟ้ามืดข้างหลังดวงจันทร์

ชักเห็นเยอะขึ้นแล้วใช่ไหมล่ะ อ้ะไหนเห็นอะไรอีก?
บนฟ้ามืดมีดาวหลายดวง

แล้วเห็นอะไรอีก?
มีเมฆอยู่ใกล้ ๆ สองสามก้อน

แล้วเห็นอะไรอีก?
ว้า...! คุณแม่อ้ะ! ก็หนูไม่เห็นอะไรแล้วนี่คะ

เห็นซี่...ดูดี ๆ เกือบเห็นแล้ว หนูต้องเพ่งอีกนิดหนึ่ง
ไม่เห็นมีอะไรซ่อนอยู่สักหน่อย

ใช่! ไม่ได้ซ่อน แต่เปิดเผยชัดเจนเลย
ไหนล่ะ? คุณแม่เฉลยเถอะ

ความขัดเคืองในใจหนูไง! ตอนนี้ชัดแจ๋วกว่าดวงจันทร์ตั้งเยอะเห็นไหม?
อ๋า?!? หนูนึกว่าคุณแม่ให้มองบนท้องฟ้านี่คะ

แม่ให้ดูว่าหนูเห็นอะไร? ก็เหมือนที่ธรรมชาติไม่เคยบังคับให้หนูต้องดูแต่โลกและดวงดาวภายนอก จะดูใจตัวเองเมื่อไหร่ก็ได้
ดูแล้วมีประโยชน์อะไรคะ?

หนูคิดว่าอย่างไร...ตอนโมโหเป็นสุขหรือเป็นทุกข์?
เป็นทุกข์ค่ะ

เป็นทุกข์มีประโยชน์หรือเป็นโทษกับใจของหนูเอง?
เป็นโทษค่ะ

เมื่อกี้พอเลิกมองดวงจันทร์ หันกลับมาเห็นใจตัวเองแล้วเกิดอะไรขึ้น?
หายโมโหค่ะ

หายโมโหนี่เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษ?
เป็นประโยชน์ค่ะ

ใช่แล้ว...โตขึ้นลูกจะค่อย ๆ รู้ว่า ประโยชน์สูงสุดของการมีชีวิตอยู่ที่การดับทุกข์ภายในตัวเองได้ ถ้ามีสติเห็นทุกข์ เราจะไม่เป็นทุกข์ ถ้าเอาแต่เห็นและสงสัยโลกภายนอก ลูกจะยิ่งลืมดูทุกข์ภายในใจตัวเอง และเป็นทุกข์กับสิ่งที่ตั้งไว้หลอกล่อเราไปเรื่อย ๆ

แล้วดวงจันทร์เป็นทุกข์หรือเปล่าคะ?
เป็นทุกข์ เพราะทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ วันหนึ่งต้องแตกดับไป แต่ดวงจันทร์ไม่รู้สึกทุกข์ เพราะไม่มีใจครอง

งั้นหนูก็ไม่ต้องสงสารดวงจันทร์ใช่ไหมคะ?
ไม่ต้องหรอกจ้ะ! หนูต้องขอบคุณดวงจันทร์ต่างหาก ที่เขาให้ธรรมะกับหนู และต่อไปหนูจะขอบคุณได้ทุกสิ่ง ที่ชวนให้หนูย้อนกลับมาดูใจตัวเองเหมือนอย่างดวงจันทร์ในคืนนี้

.............................................

นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับไป

(วาทะพระเถรี วชิราภิกษุณี)



Create Date : 10 สิงหาคม 2553
Last Update : 10 สิงหาคม 2553 19:27:54 น.
Counter : 1619 Pageviews.

2 comments
ไม่ควรก่อแผลหรือก่อแผลเป็น ปัญญา Dh
(8 เม.ย. 2567 20:22:02 น.)
สักกายทิฐิ **mp5**
(8 เม.ย. 2567 11:07:04 น.)
คิดดี พูดดี ทำดี นาฬิกาสีชมพู
(6 เม.ย. 2567 17:52:38 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 27 : กะว่าก๋า
(4 เม.ย. 2567 05:11:37 น.)
  
อุปสนฺโต สุขํ เสติ
ผู้สงบระงับ ย่อมอยู่เป็นสุข

มีความสุขกับการทำใจให้สงบได้ในทุกสภาวะ ตลอดไป...นะคะ



ขอบคุณในทุกความห่วงใย และกำลังใจที่มอบให้กันเสมอมา..นะคะ
ตอนนี้ พอมีกำลังกลับมาประจำบล็อกได้แล้ว..ค่ะ
โดย: พรหมญาณี วันที่: 4 กันยายน 2553 เวลา:11:33:19 น.
  
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 มกราคม 2554 เวลา:6:23:12 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Giddy.BlogGang.com

i am_giddy
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]