Places Like This เที่ยวสุขใจไปกับ Architecture in Helsinki





ปลายเดือนกรกฎาคม
ผมได้รับเทียบเชิญหนึ่งฉบับ (จากไหนไม่รู้)

"เรียนเชิญ คุณ getterTu
ขอเชิญร่วมเป็นเกียรติร่วมเที่ยวไปในทริปใหม่ปี 2007 นี้
Places Like This กับทีมงานนำเที่ยวที่คุณคุ้นเคยดี
หวังใจว่าคุณจะให้ความวางใจร่วมเดินทางไปกับเราเหมือนเช่นเคย

ขอบพระคุณล่วงหน้าจากใจ

ชาวคณะ 'ถาปัดแห่งกรุงเฮลซิงกิ'


โอว สถาปัตยกรรมแห่งกรุงเฮลซิงกิ
ผมไม่ได้ไปเที่ยวกับพวกเขานานแค่ไหนแล้วนะ
Architecture in Helsinki ชื่ออยู่เมืองหลวงของฟินแลนด์
แต่ตัวสำนักงานฐานทัพจริงๆน่ะตั้งอยู่ที่ เมลเบิร์น ออสเตรเลีย
ผมเคยไปเที่ยวกับพวกเค้ามาสองทริปแล้ว
คือ Fingers Crossed ปี 2003 กับ In Case We Die ปี 2005
เป็นทัวร์ที่สนุกสนานและทำให้ผมรักมัคคุเทศก์ทั้งแปดมาก

ผมยังรู้สึกเสียดายที่ทริปใหม่นี้
ทีมงานเหลือกันแค่หกคน มัคคุเทศก์สองคน
คือ Isobel Knowles กับ Tara Shackell
ไม่อยู่คอยต้อนรับลูกทัวร์หน้าจืดอย่างผมเหมือนเช่นเคย
ซึ่งจริงๆไกด์สองคนนี้ก็ลาออกไปตั้งแต่กลางปี 2006 แล้ว
ก่อนทริปรีมิกซ์ We Died, They Remixed เสียอีก
และก็ไม่รู้เพราะการขาดไกด์สองคนนี้ไปหรือเปล่า
ทำให้คราวนี้พวกเค้าพาผมไปเที่ยวไกลถึงหมู่เกาะอะไรก็ไม่รู้
โดย Cameron Bird กับ Kellie Sutherland
รับหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดคอยส่งเสียงพูดคุยกับลูกทัวร์
เอาละ เรามาเริ่มการท่องเที่ยวครั้งนี้กันดีกว่า

ทันทีที่มาถึงประตูทางเข้า
Red Turned White ต้อนรับกันด้วยเสียงซาวนด์เอ็ฟเฟคท์เฟี้ยวฟ้าว
ซินธ์อิเลคโทรแบบ Casio Pop ตั้งแต่หน้าประตูอย่างนี้
ในใจผมกำลังคาดหวังว่าจะเจออะไรล้ำๆ อย่างตึกรูปทรงประหลาด
หรืออนุสาวรีย์หมากลับหัว เป็นต้น ... ผมก้าวเท้าเดินต่อไป

Heart It Races โอ๊ย
เหมือนผมกำลังเดินเที่ยวอยู่ในหมู่เกาะทะเลคาริบเบียน
แล้วชาวเกาะชายหญิงกำลังร้องรำทำเพลงคาลิปโซ่
ต้อนรับแขกผู้มาเยือนด้วยมะพร้าวน้ำหอม
หรือไอติมแท่งรสผลไม้เมืองร้อนสีแสบตา
เสียงเครื่องเคาะกับเสียงร้องน่ารักทำให้ผมเคลิ้ม
จนถ้าถูกจับลงหม้อต้มแบบในการ์ตูนขายหัวเราะก็คงไม่รู้ตัว
เหมือนพวกไกด์จะรู้ทัน เลยปลุกผมด้วย Hold Music
ที่บีทอิเลคโทรกลับมาพร้อมเครื่องเป่าน่ารักน่าชัง
คำร้องน่ารักอย่าง Give it to me Baby, Give it to me ติดหูผมเลย
เพลงนี้อาจให้ความรู้สึกน่ารักและน่ารำคาญไปได้พร้อมๆกันแต่ก็สนุก

Feather In A Baseball Cap
อิเลคโทรกันต่อแบบไม่ต้องเก็บกระเป๋า
เสียงซินธ์ตอดเป็นพื้นหลังในช่วง verse ฟังเด่นดึงความสนใจได้โข
พอพ้น verse มีช่วงผ่อน โชว์ดนตรีแบบแอบหลอนได้ใจ
เหมือนผมกำลังเดินชมสถาปัตยกรรมหลอนๆที่อยู่ชั้นใต้ดิน

ผมกำลังมึนๆหลอนๆ ได้ที่อยู่ดีๆ
พวกเค้าก็ลากผมลงน้ำแบบไม่ให้รู้ตัว
(เขียนซะเหมือนไก่โดนลากไงไม่รู้ 55)
Underwater ให้ความรู้สึกตรงตามชื่อเป๊ะ
ด้วยซาวนด์เอฟเฟคท์บุ๋มๆตลอดเพลง
เสียงกลองย่ำตุ้บๆ ช่วยให้รู้สึกถึงสภาวะแรงดันใต้น้ำขึ้นมา
แต่ผมก็ยังไม่อยากขึ้นสู่ผิวน้ำเบื้องบน
ยังอยากดำดิ่งชมแนวปะการังและปลาสวยๆต่อ แต่เหล่าไกด์ไม่ยอม

ในต้นเพลง Like It Ar Not
พวกเค้าค่อยๆพาผมกลับขึ้นสู่บนบกอย่างช้าๆเนิบนาบ
ก่อนที่จะเต้นระบำชาวเกาะอย่างเมามันส์กันต่อ

ดูโชว์ชาวเกาะเสร็จ
พวกเขาพาผมกลับเข้าห้องพักเพื่อแต่งตัวใหม่
Debbie ให้ความรู้สึกฟั้งกี้เหมือนห้องพักสไตล์เก๋ๆฮิปๆ
มีของตกแต่งเป็นเสียงเครื่องเป่าเก่าๆ แต่เข้ากันดี
และที่ขาดไม่ได้ เสียงร้องที่กวนๆเหมือนจะน่ารำคาญแต่ก็ฟังเพลิน

Lazy (Lazy)ให้ความรู้สึกดุจเดียวกับพวกเขาปล่อยผมนอนแช่อ่างจากุชชี่
เพื่อแต่งตัวลำลองสบายๆเสร็จออกไปทานอาหารค่ำบุฟเฟต์ที่ลานกิจกรรม
นักดนตรีเหมือนจะเริ่มบรรเลงเพลงพื้นเมืองช่วยย่อยอาหารให้พวกเรา
แต่เปล่าหรอก Nothing's Wrong โหวกเหวกไปไกลกว่านั้น
มันช่วยเร่งเร้าให้พยาธิในกระเพาะ ให้ออกมากระโดดโลดเต้นด้วยต่างหาก
ก่อนที่จะปลอบประโลมให้พวกมันลงไปอยู่ที่เดิมแต่โดยดีในท้ายเพลง

The Same Old Innocence
โผงผางเหมือนร้องเรียกให้แขกทุกคนออกไปร่วมเต้นรำด้วยกัน
เป็นการปิดท้ายการทัวร์ Places Like This อย่างสนุกสนาน
ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปนอน ห้องใครห้องมัน

โดยรวมแล้ว
ถ้าหลับหูหลับตาไม่นึกถึงทริปสองครั้งก่อน
ก็ถือเป็นฉิ่งฉับทัวร์ดนตรีที่สนุกสนานใช้ได้อีกครั้งหนึ่ง
ยิ่งเที่ยวนานๆเที่ยวบ่อยๆ ก็ให้รู้สึกว่าไม่น่าเบื่อ เที่ยวได้เรื่อยๆ
เที่ยวแล้วเที่ยวอีกได้ไม่แพ้สองทริปก่อนเลยนะ
ชาวคณะ'ถาปัดจากเฮลซิงกิ ทำหน้าที่ดูแลเอนเตอร์เทนลูกทัวร์ได้ดี
แต่ขอติไกด์ทัวร์คราวนี้หน่อยว่า ไม่ยอมมีเพลงกล่อมส่งแขกเข้านอนเลยนะ
เนี่ยยังเต้นกันมันส์ไม่หายอารมณ์ค้างอยู่เลย เอาเถิด ผมพอเข้าใจ
การจากไปของไกด์สาวสองคนที่เอ่ยถึงไปข้างต้น
ย่อมส่งผลต่อภาพรวมของทริปให้ออกมาเป็นดังฉะนี้แล

สำหรับผม Places Like This เป็นทริปที่ดี(มากเลย)
โดยที่ไม่ต้องไปนึกถึงทริปสองครั้งก่อนเด็ดขาด!!
เพราะว่า อารมณ์ เวลา และสถานที่ มันต่างกัน ขอเน้นย้ำ!!


................................................................


เขียนครั้งแรกใน //www.moonwalkermagazine.com
ครั้งที่สองนี้นำกลับมารีไซเคิ่ลและแก้ไขนิดหน่อย
ตามความรู้สึกที่เปลี่ยนไป เมื่อฟังบ่อยขึ้น






Create Date : 28 ธันวาคม 2550
Last Update : 5 มกราคม 2551 11:50:02 น.
Counter : 390 Pageviews.

1 comments
ถนนสายนี้มีตะพาบ ประจำหลักกิโลเมตรที่ 349 : วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ ฯ The Kop Civil
(10 เม.ย. 2567 16:44:58 น.)
I Will Whisper Your Name - Michael Johnson ... ตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 349 tuk-tuk@korat
(9 เม.ย. 2567 13:36:56 น.)
ถนนสายนี้มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 349 "วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ เธอจะเห็นใ สมาชิกหมายเลข 7915129
(8 เม.ย. 2567 20:40:30 น.)
Henryfry: ไก่ทอดในตำนาน รอคอยมานาน กว่าจะได้กิน peaceplay
(6 เม.ย. 2567 11:06:32 น.)
  
โทดนะค่ะ..
คืออยากถามหน่อยว่า

จะหาซื้อัลบั้มนี้ได้ที่ไหนมั่งอะ

อยากได้มากกกกๆ
โดย: G ib IP: 125.24.158.15 วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:15:47:35 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Gettertu.BlogGang.com

getterTu
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด