ไอ้ซ่า
จำไม่ได้ละว่าหายไปจากบ็อกแก๊ง กี่ปีแล้ว เอาล่ะเริ่มทดสอบเนื้อเรื่องบันทึกฟามทรงจำก่อน ใส่เพลง ลืมไปหมดโอยย...

ตอนนี้ผมย้ายมาอยู่ที่แบริ่ง ได้หลายเดือนแล้ว ย้ายจากบ้านเช่าพระราม2 มาซื้อบ้านอยู่ ซ.แบริ่งหรือ สุขุมวิท 107 กู้ธนาคารที่ตัวเองทำงาน กูเล่นๆ เป็นหนี้หลักล้านเลยเรา พอย้ายมา ไม่ได้แวะเวียนมาเยี่ยมเพื่อนๆ พี่ๆย่านพระราม2 เลยเป็นเวลานานหลายเดือน บางครั้งก็ไปทำงานที่แบงค์สาขาบิ๊กซีพระราม2 ก็อดใจ ที่จะเข้าไปแวะเยี่ยมบ้านหลังที่เคยเช่าไม่ได้ พอเราขับรถไปถึงหน้าบ้าน มองผ่านรั้วลูกกรงมองเข้าไปหน้าบ้าน สายลมหนาวพัดโชย ใบไม้แห้งที่หล่น บนพื้นหน้าบ้าน ลมพริ้วไปตามพื้น ผมก็ได้แต่จ้องเข้าไปในบ้าน ในหัวสมอง นึกถึงภาพเก่าๆ ที่เคยดำรงชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ ยิ่งคิดยิ่งอาลัยคิดถึงบ้านหลังนี้ ที่เคยทุกข์ สุข มาด้วยกัน ผมเอนตูดนั่งตรงบันไดปูนหน้าบ้าน นั่งสักพักก็นึกถึงถุงทองขึ้นมา ปากจึงร้อง เมี๊ยวๆๆ ในใจหวังลึกๆว่า ถุงทองจะได้ยินเสียง ถ้าผมโชคดี อาจได้เจอถุงทองอีกครั้ง และจะอุ้มถุงทองไปอยู่บ้านหลังใหม่ด้วยกัน แต่ก็ไร้วี่แววของถุงทอง หน้ารั้วบ้าน ก็จะมีจดหมายอยู่เต็มตู้ พอเปิดออกดู ทุกฉบับแห้งกรอบ เพราะคงผ่านทั้งฝน ทั้งแดดมาหลายเพลา ผมยืนขึ้นหยิบจดหมายออกจากตู้จดหมายสีแดง และบรรจงเปิดจดหมายอ่านทีละฉบับ โอ๊ะ! จดหมายทวงหนี้ อุเหม่!
นอกนั้น สอง สาม สี่ ห้า จดหมายของไอ้เต็งหมดเลย หนอยแน่ ของเรามีแค่จดหมายทวงหนี้ฉบับเดียวเองหรอฟะ นอกนั้นเป็นจดหมายแม่ยกไอ้เต็งหมดเลย
เฮ้อ!!จิงอย่างที่โบราณเขาบอก คนที่เกิดมานาน มักชอบรำลึกถึงเรื่องราวความหลัง พอนั่งทอดกายา ที่หน้าบ้านเช่าหลังเก่าสักพัก ผมก็ขับรถไปเยี่ยมพี่ที่ทำงานเก่า เป็นพี่ที่ทำงานบริษัทหลักทรัพย์มาด้วยกัน แต่ผมดังแล้ว เลยขอแยกวง ไปทำงานที่อื่น เพื่ออนาคตที่ดีขึ้น บ้านพี่แกจะอยู่ตรงสินทวีแกรนด์วิลเลจ เป็นทาวเฮ้าส์ สองชั้น
“สวัสดีครับพี่เอ อยู่มั้ย” ผมตะโกนเข้าไปในบ้าน
“เฮ้ย มาได้ไงวะเอง” เสียงพี่เอตะโกนออกมา พร้อมวิ่งมาเปิดประตูบ้าน
“เออ พี่ บ้านพี่ไม่คิดจะทำประตูหลังบ้านหรอ ปีนึงแล้วนะ” ผมถามพี่เอ
“เอาน่า ทำไปทำไม บ้านกูเช่าเขาอยู่ “พี่เอตอบแบบปีที่แล้วเป๊ะเลย
“มึงมาก็ดีแล้ว จัดการไอ้ซ่า ให้กูที”พี่เอบอกผม
ไอ้ซ่า แมวสีส้ม เพศผู้ หางยาว ไข่ใหญ่ หน้าตาผิวขรุขระ ตัวหนักราว5-6กิโล หน้ามันบ่งบอกถึงการผ่านศึกเหนือเสือใต้มาเยอะแทบจะนับไม่ถ้วน เป็นแมวจร ที่คนแถวนั้นเรียกว่า ผู้คุมอยู่ในซอยแถวบ้านพี่เอ ไอ้ซ่า นิสัยเหมือนหมา คือชอบฉี่ใส่ล้อรถ แต่ที่มันเหนือชั้นกว่าหมาในซอย คือมันสามารถปีนไปฉี่บนหลังคารถได้ แต่ชาวบ้านแถวนั้นไม่ค่อยมีใครทำอะไรมัน มีแต่คนเอาข้าวให้มันกิน พอมันกินเสร็จ มันก็ไปหาที่นอน ไม่ทำอะไรใคร เวลาชาวบ้านในซอยนั้นจอดรถเขาก็จะคลุมผ้ากัน เพื่อป้องกันไอ้ซ่าฉี่ มีพี่เอคนเดียว ที่ไม่ค่อยป้องกันและคอยหาเรื่องกำจัดไอ้ซ่าให้ได้
“นี่ มึงช่วยเอาไอ้ซ่าไปเลี้ยงได้มั้ย กูขอล่ะ” พี่เอขอร้องผม
“จะบ้าหรอพี่ แมวจร มันโตแล้ว เข้ากับแมวที่บ้านลำบาก ขืนเอาไปตีกันตาย”ผมตอบ
“มึงเห็นแผลหัวเข่ากูรึป่าว”พี่เอ สาธยาย
“เห็น แล้วไง”
“กูเอาไม้ไล่ฟาด ไอ้ซ่า “พี่เอกล่าวด้วยความแค้น
“โห พี่คงกระหน่ำตีมันเละเลยสิ” ผมนึกภาพแล้วหวาดเสียว และ สยอง
“เละกะผีอะไร มันวิ่งข้ามไปอีกซอยโคตรไวเลย” พี่เอเล่า
“แล้วหัวเข่า ไปโดนอะไรล่ะ”ผมถาม
“กูมัวแต่มองไอ้ซ่า ไม่เห็นมอไซด์รับจ้าง เลยโดนเฉี่ยว” พี่เอพูดอย่างเจ็บใจ
ผมได้ฟังแล้ว แอบหัวเราะในใจ คงกรรมตามทัน แต่หัวเราะในใจดังไปหน่อย เกือบโดนพี่แกถีบเอาแล้วมั้ยล่ะ นี่ตกลงผมมาเที่ยวบ้านพี่ หรือจะให้ผมมาฟังเรื่องแมวฟะ เฮ้อ!!เดี๋ยวนี้ ไม่ว่าจะไปทางไหน ไม่เว้นออฟฟิต มีแต่คนเรียกผมไปจับแมว
พี่เอเริ่มเล่าความคับแค้นใจ ที่มีต่อไอ้ซ่า
“มันนะ ชอบฉี่ใส่รถกู สนิมจับหมดแล้ว แถมไม่พอ เบาะมอไซด์ จักรยานรถลูกกู โดนไอ้ซ่าข่วนซะเละหมด เมื่อวานสดๆร้อนๆ ลูกชายกูใจดี เอาปีกไก่ให้มันกิน แล้วอุ้มไอ้ซ่าด้วยความรัก มันตบหน้าลูกชายกูซะแหกเลย นี่ดีเลย วันนี้เองมา ช่วยเอามันออกจากหมู่บ้านนี้ที ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าโหด”
ผมก็เลยแนะนำให้พี่เอ ให้เอาพวกพริกไทย สเปร์ยไล่แมว อะไรที่ฉุนๆ ไปป้ายหรอพ่น ที่ไอ้ซ่ามันชอบมาสเปร์ย หรือฉี่ พี่เอแกบอกว่า
“โอ้ย กูทำมาหมดแล้ว สารพัดวิธี มันยังไม่ได้ผลเลย”
“เลี้ยงหมามั้ยพี่ เอาไว้ไล่ไอ้ซ่า” ผมแนะนำต่อ
“กูเคยเอามาเลี้ยงแล้ว ตอนนี้มึงเห็นมั้ย นั่น หมามันนอนเอาตีนก่ายหน้าผากกะไอ้ซ่าเลย”
ผมเลยแนะนำพี่เอว่า ใจเย็นๆ บ้านอื่นเขาไม่เห็นจะเดือดร้อนเลย มีพี่คนเดียวเดือดร้อน
มันชอบมานอนบนหลังคารถ ก็เอาผ้าคลุมซะ คลุมมันทั้งมอไซด์ จักรยานนั่นแหล่ะ ลองพยายาม ให้ข้าวมันอิ่มๆ เอาใจมันดีๆ เพราะนิสัยแมว อิ่มแล้วจะชอบนอน หรือไม่ก็พยายามสืบว่าไอ้ซ่าเกลียดอะไร จะได้หาเอามาไว้ป้องกันมัน
ผมพยายามแนะนำพี่เอ ดุจนักวิชาการที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับแมว
“ไม่รู้แล้ว ถ้าเองไม่เอาไปวันนี้ กูจะวางยาเบื่อมัน” พี่เอพูดอย่างเสียงแข็ง และจิตใจไม่เกรงในบาป
พอได้คุยสารทุกข์สุขดิบ กับพี่เอเสร็จ ผมก็ขอตัวกลับบ้าน

เวลาผ่านไปประมาณ อาทิตย์หนึ่ง ด้วยความเป็นห่วงไอ้ซ่า ผมเลยโทรกลับมาถามพี่เอ
ตกลงพี่เอ วางยาเบื่อหนูไอ้ซ่าจริงหรือ
พี่เอตอบว่า”เออ ใช่ กูวางยาเบื่อมันเป็นที่เรียบร้อย ยายข้างบ้านยังมาห้ามเลย ว่าอย่าไปทำมันบาปกรรม”
“โถ น่าสงสารไอ้ซ่า ไม่น่าอายุสั้นเลย พี่เอนะพี่เอ ไม่น่าทำบาปเลย ฆ่าแมวโบราณบอกเหมือนฆ่าเณรนะ” ผมพยายามบรรยายให้พี่เอ ได้รับรู้ถึงบาปกรรม
พี่เอตะคอกใส่”เองพล่ามอะไร ไอ้ซ่ามันยังไม่ตาย กูว่ากูใส่ยาฆ่าแมลงหมดขวดแล้วนะ มึงรู้ป่าว มันแค่อวก แถมไม่แถม อวกใส่หลังคารถ เย้ยกูอีก”
“ฮ่าๆๆๆ แล้วพี่เอ จะคิดการใดต่อไปล่ะ ทีนี้”ผมซักต่อ
“ช่างมันละ กูปล่อยวางละ เดี๋ยวสิ้นปีนี้ บริษัทแจกหุ้น โบนัส กูจะย้ายบ้านหนีไอ้ซ่ามันละ ”
สรุปว่า งานนี้ ไอ้ซ่าไม่ตาย แค่อวก เท่านั้น





Create Date : 17 มิถุนายน 2554
Last Update : 18 มิถุนายน 2554 23:42:52 น.
Counter : 1212 Pageviews.

1 comments
"วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ เธอจะเห็นใครคนหนึ่งที่รอเธอ" คนผ่านทางมาเจอ
(10 เม.ย. 2567 23:49:39 น.)
โจทย์ตะพาบ ... วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ เธอจะเห็นใครคนหนึ่งที่รอเธอ ... tanjira
(9 เม.ย. 2567 14:13:50 น.)
ความรักของพ่อ (ความประทับใจของลูก) chobkid
(5 เม.ย. 2567 09:42:49 น.)
2/04/67 สมาชิกหมายเลข 4675166
(2 เม.ย. 2567 10:33:07 น.)
  
ซ่าสุดยอด

จริงๆมไ่ด้เข้าบล๊อคแก้งค์ของคุณศรนานเหมือนกัน อยู่ๆวันนี้ก็อยากเข้า เลยได้อ่านวีรกรรมแมวซ่า ดีใจจัง ^ ^
โดย: ame IP: 125.27.177.25 วันที่: 18 มิถุนายน 2554 เวลา:0:30:45 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Ganglookmoo.BlogGang.com

ศรเมฆา ฟ้าแว๊บๆ
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]