อินเดีย 2557


ไปเที่ยวอินเดียมาค่ะ แต่เนื่องจากก่อนไปต้องเคลียร์งานหูตูบ กลับมาก็ใช้กรรมหัวโต เลยดองยาวไม่ได้เขียนซะที พออ่านกระทู้แนะนำที่พันทิพ เลยคิดว่า อยากเล่ามั่งอะ ถึงเราจะคนละแบบกะเค้าก็เถอะ

จริงๆอยากไปอินเดียมานานแล้ว สาเหตุหลักเพราะปลื้มศิลปวัฒนธรรมเค้าเป็นพิเศษ แต่รีรออยู่นั่นแหละเพราะมัวกลัวโน่นกลัวนี่ ทั้งคำเตือนจากเพื่อน ทั้งคำขู่จากข่าว คำบอกเล่าว่าน่ากลัว อันตราย เหม็น สกปรก แขกขี้โกง ขอทานรุม อาหารกินไม่ได้ ห้องน้ำเลวร้าย นานาจิปาถะร้อยพันประการ กบจึงหัวหดอยู่ในกะลาจนเริ่มแก่ 5555 สุดท้ายก็คิดว่า ตอนนี้มีแรงแล้วยังกลัวลำบาก สังขารร่วงโรยกว่านี้จะได้ไปมั้ย (เพิ่งสำนึก) เลยตัดใจว่า เอ้า ไปกะทัวร์ดูก่อนก็ได้

เลือกทัวร์ ก็ต้องเอาแบบไฮโซหน่อย (กลัวขึ้นสมอง) แต่ไปกับทัวร์ไทย แน่นอนว่าย่อมเป็นดมดมทัวร์ แคว้นที่ไปก็อภิมหากว้างใหญ่ เกือบทุกวันนั่งรถมากกว่าเที่ยว ซึ่งทำให้อ่านหนังสือจบไปตั้ง 5 เล่มแน่ะ คิดอีกที เหมือนทริปอ่านหนังสือที่ได้เที่ยวเป็นของแถมมากกว่า เรียกได้ว่าทุกอย่างแตกต่างจากกระทู้แนะนำข้างบน เมืองที่ไปก็ห่างกันคนละโยชน์ด้วย เค้าล่องตะวันออกไปพุทธคยา แม่น้ำคงคา พาราณสี เราลุยตะวันตกไปราชาสถาน ฟ้าจรดทราย อุทัยปุระ บล็อกนี้ไม่เล่าสถานที่เที่ยวนะคะ จะคุยเฉพาะเรื่องที่หวาดหวั่นก่อนไปกับความประทับใจหลังได้สัมผัสเอง




อาหารอินเดีย

เป็นสิ่งที่โคตรประทับใจในทริปนี้ อร่อยกว่าที่คิดมากๆ! ไม่เลี่ยน ไม่เอียน ไม่ฉุน กินได้ทุกมื้อจนตัวอ้วนกลม ทุกวันสำเริงสำราญกับ แกง นาน นม ชีส ถ้าเบื่อก็มี พาสต้า พิซซ่า ขายอยู่ทั่วไป บางมื้อมีหมี่ผัดด้วย แต่ทั้งนี้ต้องบอกว่าอาจจะเพราะทัวร์ให้เรากินที่โรงแรมทุกวัน เครื่องเทศเลยไม่จัดหนักเหมือนอาหารท้องถิ่น แต่ได้ลองของกินเล่นข้างถนนบ้างนะ อร่อยเหมือนกัน และไม่ท้องเสียเลยด้วย (หรือน้องกระเพาะเราอึดกว่าชาวบ้าน?) อยากลองอะไรแปลกๆมากกว่านี้จัง ของโปรดเราคือแกงแดงชีส Paneer Labrador เอ๊ย Paneer Lababdra มันๆ หอมๆ นุ่มๆ กินกะนานร้อนๆ ไม่ก็ข้าวสวยขาวๆ แบบว่าพุงกาง อันที่จริงคือ ชอบทุกอย่างที่ใส่ชีส Paneer (เนื่องจากฝีมือถ่ายรูปข้าพเจ้าห่วยมาก กลัวทุกท่านจะดูไม่ออกว่ามันคืออัลไล รูปประกอบข้างบนจึงมาจาก //pikachakula.com )

เสียดายก็คือ อาหารการกินแทบไม่มีผักสดเลย ผลไม้ก็มีแต่ส้ม แตงโม สับประรด แต่ที่เรารู้สึกว่าเลวร้ายก็คือ ของหวาน มันหวาน ว้าน หวาน แสบคอแสบไส้ โดยเฉพาะเจ้า กุหลาบจามุน ที่มีให้แทบจะทุกมื้อ ข้าพเจ้ายอมแพ้ จาเลบิ แทะไปหน่อยก็ขอลา


บ้านเมืองอินเดีย



สกปรกพอๆกับที่คิด มีขยะถูกทิ้งทุกหนแห่ง ไม่เว้นแม้แต่วัดและโบราณสถาน แห่งเดียวที่ปลอดขยะคือในโรงแรม ในอินเดียนานๆจะเห็นถังขยะซะที ตามท้องถนนมีรอย by product ของท่านเทพ (วัว) แต้มเป็นหย่อมๆ ใครเดินใจลอยอาจจะได้เสริมมงคลโดยไม่รู้ตัว นี่ยังโชคดีว่ามาหน้าหนาว ถ้าหน้าร้อนอาจจะมี กลิ่น มาเป็นปัจจัยอีกอย่าง

สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นมากในอินเดียคือ ทุกหนแห่งมีสัตว์ให้เห็น เป็นดินแดนที่คนอยู่ร่วมกับสัตว์อย่างแท้จริง นกสวยๆตัวใหญ่ๆบินกันเป็นฝูง อยู่เมืองไทยลงหม้อหมดแล้ว ต้องบอกว่าเป็นฝูงเพราะ นกที่นี่ไม่บินเดี่ยว เจอทีพี่รัวเป็นคอมโบ เวลาเกาะสายไฟเรียงกันนี่ประหนึ่งหลอดไฟคริสต์มาส แต่นกเยอะ ขี้นกก็เยอะตามไปด้วย หลังคาโบราณสถานเนี่ย พราวเชียว ที่น่ารักมากก็คือ ทุกสปีชี่ส์อยู่ร่วมกันอย่างสันติ ที่ใดมีขยะที่นั่นมีเทพ(จรจัด)



ผู้คนจูงแพะเดินเล่นประหนึ่งไอ้ตูบ (รูปมืดมาก ไม่สามารถเอามาให้ดูได้)

คุณอูฐลากเกวียนแบกปูนไปโบกตึก


คุณลิงวิ่งเริงร่าตามวัดวาอาราม


แม่หมู(ป่า?)พาลูกวิ่งข้ามถนน


วิหารหนูมีเทพเป็นหมื่นๆตัว (กรี๊ดด!) ไม่ลงรูปดีกว่านะ

รูปสัตว์เยอะเป็นพิเศษ แบบว่าเวลาเราไปเที่ยวในกล้องมีแต่รูปเสาผุอิฐหักกะสัตว์ข้างถนน

เล่าเรื่องงูนิดนึง ตามท้องถนนที่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว ชอบมีอาบังมาเป่าปี่ให้งูเห่าฟัง มีหนนึงงูมันนิ่งมาก จ้องปี่อาบังไม่กระดุกกระดิก (โคตรรู้หน้าที่) พออาบังหันมาเห็นคนมุงดูปั๊บ สันมือสับคองูฝ่ามือกดหัวพับตัวใส่กระบุงประหนึ่งเก็บแอ็คคอเดียน เล่นเอาเรายืนสตั๊นไปสองวิ จากนั้นบังก็เอาชามมาเรี่ยไร นัยว่าถ้าไม่จ่าย อีนี่จะไม่ ‘คลี่’ งูออกมานะจ๊ะ ทำให้เรารู้ว่า งูอินเดียยืดได้หดได้



แต่ไม่ใช่ว่างูทุกตัวจะว่าง่าย อีกที่นึง คาดว่างูอยู่สายแผ่พุ่ง พี่เล่นแผ่แม่เบี้ยแล้วจะเลื้อยมาทางคนดูท่าเดียว ปี่เป่อไม่ฟังละ แน่นอนว่านักท่องเที่ยวแตกฮือ บังแกก็ไม่สนใจนะงูเลื้อยไปก็สาวกลับแบบชิลๆ

สิริรวมในทริปนี้ สัตว์ที่เราพบเห็นบนท้องถนนพร้อมกับรถยนต์ที่แล่นไปมา ได้แก่ หมา แมว หนู วัว แพะ แกะ ม้า ลา ลิง เป็ด ไก่ ห่าน หมูป่า อูฐ ช้าง งูเห่า กระรอก นกแก้ว นกยูง นกพิราบ นกกระจาบและอื่นๆนับไม่ถ้วนชนิด ถ้าท่านท่องอินเดียแล้วยังเห็นไม่ครบตามนี้ ...จงกลับไปเก็บแต้มอีกรอบ


ห้องน้ำอินเดีย

ไม่เลวร้ายเท่าที่คิดนะ แต่เนื่องจากเราไปกับทัวร์ เค้าคงดูแลดีในระดับหนึ่ง อีกอย่าง ความที่เคยลุยเมืองจีนเมื่อสิบกว่าปีก่อน และเที่ยวบ้านนอกเมืองจีนอยู่เนืองๆในช่วงหลัง เลยคิดว่า แค่นี้จิ๊บๆ เทียบกันด้านความโสโครก ความเหม็น และความสยองที่หลากหลาย คิดว่าพี่จีนยังครองแชมป์อยู่ห่างไกล พี่แขกเค้าแค่ฉีกแนวอินดี้หน่อย ประมาณว่า พี่จีนมีน้ำแต่ไม่กด พี่แขกน้ำน้อยเลยกดไม่ได้ พี่จีนไม่มีประตู พี่แขกบูชาพระคงคา (ดูจากกระทู้แนะนำ) แต่เราไม่เจออะไรเรี่ยราดเลย อาจจะเพราะแคว้นที่เราไปค่อนข้างแห้งแล้งก็ได้ (ระเหยเร็ว? ระเหิดไว?) ส่วนทิชชู่เป็นสิ่งจำเป็นเหมือนที่เมืองจีน ทั้งทิชชู่แห้งทิชชู่เปียกนั่นแหละ เราพกไปเป็นห่อๆ ได้ใช้ตลอด


คนอินเดีย

ขอบอกว่า ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เป็นมิตรกว่าที่คิดแบบมหาศาล ยิ้มเก่งอีกต่างหาก เราว่าอาจจะเพราะพอคุยกันรู้เรื่องด้วย เลยรู้สึกดี เทียบกันแล้วเรามีประสบการณ์เลวร้ายกับอียิปต์เยอะกว่าซะอีก จริงอยู่ว่าความแพรวพราวในกลเม็ดการโกงเท่าที่ฟังมาอาจจะอยู่ในระดับแนวหน้า (หรือน้อยกว่าที่คนไทยทำกับฝรั่งหน่อยนึง) แต่เราไปกะทัวร์ เลยไม่ต้องเจอเรื่องนี้ ส่วนเวลาต่อราคาสินค้า ถ้าคุณบ่ยั่นกับพี่จีนมาแล้ว พี่แขกนั้นสิวๆ ที่สำคัญ ต่อแรงๆเค้าก็เค้าไม่ด่า สุภาพ และพูดจามีมารยาท ให้เกียรติกันดี



สาวอินเดียเป็นอะไรที่ดูแล้วเพลิน ส่าหรีนี่มันสวยจริงๆ เรารู้สึกว่าคนอินเดียจับคู่สีเก่งมาก ไม่ว่าจะสาวน้อยสาวใหญ่ ป้าเฝ้าเทวสถาน ไปถึงคุณยายกวาดถนน ทุกคนแต่งตัวได้น่ามองไปหมด สีสันจัดจ้าน เครื่องประดับแพรวพราว ดูแล้วเจริญตาเจริญใจ

คนอินเดียชอบถ่ายรูปมาก ยิ้มรอเลย มีเรื่องหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเฉพาะกรณีเรารึเปล่า เวลาไปสถานที่ท่องเที่ยว คนอินเดียชอบมาขอถ่ายรูปด้วย ขอยืนยันว่าไม่ใช่เพราะสวย แต่คาดว่าอาหมวยอย่างเราดูประหลาดสำหรับเค้า และหน้าเราคงพะยี่ห้อ “ไม่กัด” เลยตกเป็นเหยื่อมากกว่าคนอื่น? และพอคนหนึ่งขอถ่ายรูปได้ คราวนี้ละขนพี่น้องเพื่อนฝูงมาเพียบ แต่ทุกคนสุภาพ พูดจาดี ไม่มีใครทำตัวรุ่มร่ามเลย คนละเรื่องกับข่าวที่เคยได้ยินมา

เด็กขอตัง มีบ้าง แต่เราว่าไม่น่ากลัว ที่สำคัญ ไม่ขี้ขโมยเหมือนยิปซีในยุโรป คนขายของตามตื๊อ มีทุกแห่ง แต่ไม่เยอะ วางอุเบกขาซะก็หมดปัญหา ถ้าไม่ซื้อ ทำเป็นฟังภาษาอังกฤษไม่ออกดีที่สุด เราชอบเดินสำรวจพวกป้อมเวียงวังที่วกวนซับซ้อน บางทีจะมีคนเฝ้าวังที่อยากได้ตัง อาสาพาเลี้ยวโน่นเลี้ยวนี่ไปดูจุดสวยๆด้วย จะให้เงินหรือไม่ก็ได้ เคยลองไม่ให้ดู เค้าก็ไม่ว่าอะไร ทำหน้าหงอยๆ ร้องพลีสๆเฉยๆ

ในอีกแง่หนึ่งอาจเพราะทริปนี้เราไม่ได้ไปเมืองใหญ่ เมืองเล็กๆเนี่ยผู้คนโอเคเลย มีคนเตือนว่าแขกมันชีกอ ชอบแต๊ะอั๋ง เราไปกับทัวร์เลยไม่เจอ เพราะไม่ต้องแชร์พาหนะกับคนอื่นด้วยมั้ง จึงปลอดภัยอีกระดับหนึ่ง เท่าที่หาข้อมูลก่อนไป ฝรั่งต้องกังวลมากกว่าพวกเราหน้าเหลืองๆหลายเท่า

ใครที่อยากไปอินเดียแล้วยังกลัวเหมือนเราสมัยก่อน ขอเชียร์ให้ไปกับทัวร์ดูก่อนนะคะ แล้วจะรู้ว่าอินเดียน่าไปกว่าที่คิดเยอะเลย




Create Date : 26 มีนาคม 2557
Last Update : 26 มีนาคม 2557 19:26:30 น.
Counter : 5480 Pageviews.

5 comments
น้ำตกคลองลาน อุทยานแห่งชาติคลองลาน กำแพงเพชร สายหมอกและก้อนเมฆ
(11 มี.ค. 2567 17:27:20 น.)
チャアムりょこう : Sea Sand Sun Huahin Resort Day 3 mariabamboo
(10 มี.ค. 2567 12:14:46 น.)
เลี้ยงรุ่น พบเพื่อน kcan9
(10 มี.ค. 2567 15:34:45 น.)
จุดชมดอกไม้ยามฤดูใบไม้ผลิ @ Harbin【ตู้เย็นเเลนด์】 IsnowBeer
(8 มี.ค. 2567 18:16:12 น.)
  
ชูมือว่าหนมจีนก็อยากไปแต่กลัวเหมือนพี่กบแป๊ะ แถมไม่ชอบเที่ยวกับทัวร์ด้วยสิ เลยได้แต่อยาก ไม่ได้ไปสักที
โดย: หนมจีน IP: 114.109.74.117 วันที่: 26 มีนาคม 2557 เวลา:21:03:36 น.
  
พระเจ้าอโศกมหาราช จารึกไว้บนเสาอโศก ว่า "..ข้า ฯ เมื่ออภิเษกแล้วได้ ๒๖ พรรษา ได้ออกประกาศให้สัตว์ทั้งหลายต่อไปนี้เป็นสัตว์ปลอดภัยจากการถูกฆ่า กล่าวคือ นกแก้ว นกสาลิกา นกจาพราก หงส์ ฯลฯ กวาง วัว แรด นกพิราบ นกเขา ฯลฯ ..." ดังนั้นในอินเดียจึงมีสัตว์สารพัดอยู่อย่างอิสระ รวมทั้งชาวภารตะเขาเป้นนักมังสะวิรัตอยู่แล้วจึงไม่แปลกท่ีเขาอยู่ร่วมกับสัตว์ได้อย่างเป็นปกติสุข
ใครมีโอกาสได้ไปประเทศอินเดียดินแดนชมพูทวีป อยากให้สืบหาต้นหว้าอันเป็นท่ีมาของนามชมพูทวีปนี้ด้วย รวมทั้งต้นหว้าท่ีมีในพุทธประวัติตอนท่ี พระเจ้าสุทโธทนะกระทำพิธีแรกนาและพระพี่เลี้ยงได้เอาพระอู่ของสิทธัตถะกุมารวางไว้ท่ีใต้ต้นหว้า แล้วก้อลืมไว้ตรงนั้นจนตะวันบ่าย แต่เงาฉายาของต้นหว้าก้อมิได้บ่ายคล้อยไปตามตะวันด้วย คงให้ร่มเงาแก่อู่พระกุมารดังเดิมเป็นท่ีอัศจรรย์
โดย: โลวหยั่น (สมาชิกหมายเลข 726927 ) วันที่: 27 มีนาคม 2557 เวลา:21:38:04 น.
  
@ หนมจีน >> ไม่ชอบเที่ยวกับทัวร์เหมือนกัน แต่รู้สึกว่ามันจำเป็น อีกอย่าง ยิ่งแก่ยิ่งขี้เกียจ T^T ยังไงถ้าหนมจีนได้ไป มาเล่าด้วยนะ

@ โลวหยั่น >> ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ
โดย: Froggie วันที่: 28 มีนาคม 2557 เวลา:8:15:43 น.
  
ไปมาแล้วสามรอบ ทิปละ 12-14 วัน สามปีซ้อน ยังอยากไปอยู่

ปีแรกไปสังเวชฯก่อน

ปีที่สองไปแคชเมียร์ เสียด่ายพายุหิมะทำให้ไปไม่ถึงทะเลสาบเปงกอล (จะไปอีกขอบอก)

ปีที่สามไปราชสถาน สวยมาก จริงๆ

ไม่ได้ไปกับทัวร์ไทยนะคะ รู้จักกับคนอินเดียที่เป็นไกด์ชาวอินเดีย จ้างเขาพิเศษให้จัดพาไป เราก็รวมกลุ่มกันประมาณ 20 คนแล้วไป เพราะฉะนั้นไม่จิ้มจุ่ม และสนุกมาก

อาหารสำหรับเราไม่ใช่ปัญหา แต่สำหรับคนในทริปบางคนก็เป็นปัญหาค่ะ

เมืองจีนโหดกว่าเรื่องห้องน้ำห้องส้วมสำหรับเราจริงๆ
โดย: พี่หมูน้อย IP: 182.52.91.16 วันที่: 20 กันยายน 2557 เวลา:12:56:29 น.
  
คุณ พี่หมูน้อย >> แคชเมียร์เป็นหนึ่งในสถานที่ที่เล็งอยู่ค่ะ ต้องไปให้ได้

ทัวร์อินเดียน่ารำคาญเรื่องชอบพาเข้าร้านซื้อของอะค่ะ คนไม่ช้อปอย่างเรารู้สึกเสียดายเวลา
โดย: Froggie วันที่: 22 กันยายน 2557 เวลา:8:01:06 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Froggie.BlogGang.com

Froggie
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 29 คน [?]

บทความทั้งหมด