หลังปก: เคล็ดลับ การจัดบ้าน ให้ความคิดและชีวิตปลอดโปร่ง
แค่ทำตามนี้แล้วคุณจะมองเห็นโอกาสดีๆ ที่อยู่รอบตัว
ลองมองไปรอบๆ บ้านของคุณ คุณเห็นโอกาสที่จะมีชีวิตดีขึ้นเป็น 10 เท่าไหม?
คนเราใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตอยู่ที่บ้าน แต่หลายคนกลับมองว่ามันเป็นแค่ที่ซุกหัวนอน และมองข้าวของภายในบ้านเป็นแค่ของตกแต่งหรือเครื่องอำนวยความสะดวกเท่านั้น
หารู้ไม่ว่าข้าวของเหล่านั้นมีพลังบางอย่างที่สามารถเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์
คนโด มาริเอะ จะแนะนำเคล็ดลับการจัดบ้านที่เรียบง่าย ทรงพลัง และมีหลักจิตวิทยารองรับ ซึ่งไม่เพียงช่วยให้บ้านของคุณหายรกแบบถาวรหลังจากลงมือจัดบ้านแค่ครั้งเดียว แต่ยังช่วยให้ชีวิตของคุณดีขึ้นในทุกๆ ด้านตั้งแต่เรื่องการเงิน การเรียน ความสัมพันธ์ ไปจนถึงสุขภาพ เช่น
ทิ้งเอกสารประกอบการเรียนให้ได้อย่างน้อย 80% แล้วคุณจะเรียนเก่งขึ้นหลายเท่าตัว
ยิ่งจัดบ้านบ่อยเท่าไหร่ บ้านยิ่งรกมากเท่านั้น
แค่เอาของทั้งหมดออกจากกระเป๋าทุกวัน แล้วคุณจะมีเงินเก็บมากขึ้น
อย่าเก็บของที่ใช้บ่อยไว้ใกล้มือ
จะจัดชั้นหนังสืออย่างไรให้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจได้ชัดเจนขึ้น
ถ้าคุณมอบความรักให้กับข้าวของในบ้าน โชคดีก็จะวิ่งเข้าสู่ชีวิตคุณมากขึ้น
แค่เก็บของที่วางระเกะระกะให้เข้าที่ แล้วคุณก็จะมีผิวพรรณที่สดใสเปล่งปลั่ง
อย่าหยอดเศษเหรียญใส่กระปุกออมสิน
แล้วคุณจะพบว่า แค่จัดวางข้าวของในบ้านให้เข้าที่ สิ่งดีๆ ก็จะวิ่งเข้ามาในชีวิตคุณ!
ข้อมูลหนังสือ
-----------
เป็นหนังสือที่ฮิตสุดๆในตอนนี้ พี่ที่ร้านหนังสือยังออกปากว่าขายดีมาก วางชั้น เกลี้ยง วางชั้น เกลี้ยง ข้าพเจ้าเห็นชาวบ้านเค้าอ่านกันเยอะเลยอยากลองมั่ง ปกติจัดบ้านปีละครั้งอยู่แล้ว งวดนี้แค่เร็วขึ้นกว่าเดิมหน่อย
เห็นในเน็ตมีสรุปเนื้อความของหนังสืออยู่ว่าหลักการคืออะไรทำยังไงบ้าง แต่ส่วนตัวคิดว่า อ่านสรุปก็เหมือนอ่านเรื่องย่อนิยาย ไม่ได้อารมณ์เท่าอ่านจริง ก่อนหน้านี้เคยอ่านเรื่อง
Stuff ของ Randy O. Frost, Gail Steketee หนังสือฮิตท็อปชาร์ตเกี่ยวกับคนที่ชอบสะสมข้าวของ หลายคนบอกว่าอ่านเล่มนั้นแล้วจะอยากจัดบ้าน แต่เราไม่ ผิดกับเล่มนี้ ที่อ่านปุ๊บคันไม้คันมือ หยิบกระดาษปากกามาเขียนแผนทันที อาจจะเพราะเล่ม Stuff พูดถึงความน่ากลัวของการสะสม แต่เราไม่ใช่ขั้นวิกฤตและไม่ใกล้เคียงขั้นนั้นเลยด้วยซ้ำ จึงไม่โยงเข้าหาตัวเอง ในขณะที่เล่ม ชีวิตดีขึ้นทุกๆด้านฯ บอกวิธีการจัดเป็นฉากๆ มีหลักการมีเคล็ดดลับให้นำไปใช้ได้ทันที
ความรู้สึกระหว่างอ่านคือ คนเขียนช่างคิดและละเอียดอ่อน หนังสือเล่มนี้มีความน่ารักในแบบปรัชญาของคนญี่ปุ่น คือเน้นให้สำนึกขอบคุณของทุกชิ้นที่ได้มาอยู่กับเรา แม้แต่ของที่เราจะทิ้ง ก็ให้ขอบคุณที่มันทำหน้าที่ของมันเต็มที่แล้ว เราคิดว่าเป็นกุศโลบายที่ดีนะ ทำให้เวลาเก็บและใช้เราจะถนอมของ เวลาทิ้งก็รู้สึกผิดน้อยลง
อย่างไรก็ตาม 'ทิ้ง' ในที่นี้ของเรา มีทั้งแบบทั้งทิ้งขยะ และแบบเอาไปแจกหรือบริจาค ซึ่งต้องบอกว่า จริงๆขัดต่อหลักในหนังสือที่ไม่ให้เอาของที่เราไม่ต้องการไปแจกคนอื่นและทำให้บ้านเขารก แต่เราคิดว่า ไทยกับญี่ปุ่นไม่เหมือนกัน ประเทศเรายังมีคนอีกมากมายที่ขัดสนหรือไม่รังเกียจของมือสอง อย่างเราโละของทีไร คนที่ได้รับก็ดีใจกันทุกปี
คมมาริ (ชื่อเล่นของคอนโดะ มาริเอะ) แนะนำว่าลำดับการจัดมีความสำคัญ โดยแนะนำให้เริ่มจากเสื้อผ้า ต่อด้วยหนังสือ เอกสาร ของจิปาถะ ปิดท้ายด้วยของที่มีค่าทางใจ สำหรับตัวเองเริ่มจากเสื้อผ้า แต่คิดว่าหนังสือเทียบได้กับของที่มีค่าทางใจ ดังนั้นจะร่นลงไปสองอันดับ
ตอนนี้กำลังจัดเสื้อผ้าอยู่ หลักของคมมาริคือ ให้เก็บแต่ของที่ spark joy หรือภาษาไทยใช้ว่า ปลุกเร้าความสุข สำหรับเสื้อผ้าเราตั้งเป้าตัวเองว่า เสื้อผ้าที่ spark joy คือ หยิบขึ้นมาแล้วปิ๊งทันทีหรือคิดไม่เกิน 1 วินาที
ผลปรากฏว่าเสื้อผ้าทั่วไป (เสื้อ กระโปรง กางเกง ไม่นับชุดชิลล์อยู่บ้าน) คงเหลือ 23 ชิ้นถ้วน (ชิ้น ไม่ใช่ ชุด)
คือมันก็เหลือเฟือต่อการดำรงชีพนะ แต่...*กัดผ้าเช็ดหน้าคับแค้น* ในฐานะที่เกิดมาเป็นลูกผู้หญิง เค้าอยากมีเสื้อผ้ามากกว่านี้นี่!!
ที่สำคัญ เสื้อผ้าบางชนิด ถึงแม้จะไม่ spark joy แต่มีความจำเป็นต้องใช้ อย่างสูทเนี่ยมีตัวเก่งหลงมาแค่ตัวเดียว ใจคอจะให้ใส่ตัวเดิมซ้ำทุกงานเลยเหรอ *กระซิก* ยังไม่นับว่าต้องเผื่อเสื้อผ้าเก็บไว้เวลาอ้วนเวลาผอมอีกต่างหาก
สรุปว่าสำหรับเราแล้ว เสื้อผ้าใช้เกณฑ์ spark joy ทั้งหมดไม่ได้ จึงกลับไปใช้เกณฑ์เดิมของตัวเอง ตู้เสื้อผ้าจึงค่อยเป็นตู้เสื้อผ้าหน่อย ไม่งั้นวังเวงเกิน
ข้อดีอย่างหนึ่งที่ได้การจัดเสื้อผ้าแบบคมมาริก็คือ พบว่ามีเสื้อผ้าหลายตัวที่ซื้อมาเป็นชาติแต่ยังไม่เคยใส่ ทีนี้เมื่อไม่เคยผูกพัน เวลาคิดเลยเกิน 1 วิทุกครั้งไป ตอนนี้จึงตั้งใจว่าภายใน 1 ปี จะต้องเอาเสื้อผ้าพวกนี้มาใส่จริงให้หมด จัดคราวหน้าหนูๆจะได้ไม่เสียเปรียบ
ยังเหลือการจัดของใช้หมวดอื่นอีกหลายอย่าง อาจจะมีโอกาสใช้หลัก spark joy ได้มากขึ้น รอดูต่อไป
สรุปว่าเป็นหนังสือที่เสนอแนวทางและหลักการที่เอาไปใช้ได้จริง ส่วนตัวกำลังเริ่มจัดหมวดเสื้อผ้า พบว่าทำตามหนังสือเป๊ะๆไม่เวิร์ค (ทำแล้วคัดเสื้อผ้าออกเยอะเกิน) แต่ประยุกต์ได้หลายส่วน แนะนำสำหรับทุกคน ตั้งแต่ใครที่ครื้มใจอยากจัดห้อง ไปจนถึงคนที่รู้สึกว่าชีวิตฉันพะรุงพะรังเต็มที
อ่านแล้วแอบสนใจแต่ก็แอบกลัวค่ะ เป็นคนเสียดายของมาก ชอบสะสมเรื่อยเปื่อย ทิ้งอะไรก็กลัวไปหมด กลัวอ่านแล้วต้องตัดใจทิ้งจริง