มีอยู่สมัยหนึ่งที่เราพยายามอ่านนิยายโรแมนซ์ที่มีฉากหลังในยุคกลาง แล้วก็พบว่าตัวเองไม่ถูกโรคกับพล็อตใน Medieval Romance เอาซะเลย
Heavens Fire เป็นผลงานของ Patricia Ryan คนเดียวกับผู้เขียนนิยายสืบสวนชุด Nell Sweeney Mysteries ที่รีวิวไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน (แต่คนละนามปากกา) เราจำได้ว่าเคยอ่านโรแมนซ์ที่เธอเขียนมาก่อนสองเล่ม และไม่มีอะไรเหลือติดสมองเลยนอกจากว่าน่าเบื่อมาก แต่ด้วยความปลื้มชุด Nell Sweeney เลยคิดจะกลับไปลองใหม่อีกสักตั้ง พอดีไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งของเธอที่โปรโมชั่น $0.99 แล้วรีวิวบวก ตัวละครก็แปลกดี เลยตกลงใจสอยมาอ่านดู ประมาณว่า ถึงห่วยก็ช่างเหอะ 30 บาทเอง ถูกกว่าการ์ตูนอีก
ผลปรากฏว่า เหมือนเจอหมัดน็อค
แบบว่าชอบมาก ชอบขนาดที่หลังจากเรื่องนี้แล้ว อ่านอะไรก็ไม่สนุกไปเป็นพักเลย
มาปูพื้นเรื่องกันก่อน
ฉากหลัง : อ็อกซ์ฟอร์ด กลางศตวรรษที่ 12 (High Middle Age)
ไรนัลฟ์ แฟร์แฟ็กซ์ เป็น Elected Master of Schools (ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัย สมัยนั้นยังไม่มีตำแหน่งอธิการบดี) ของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ตอนที่ไรนัลฟ์ได้พบคอนสแตนซ์ครั้งแรกนั้น ที่หมู่บ้านของคอนสแตนซ์กำลังระบาดด้วยโรคฝีดาษ คอนสแตนซ์เองก็ป่วยเป็นฝีดาษระยะต้น ไรนัลฟ์ประทับใจความคิดในการมองโลกของคอนสแตนซ์มากและรู้สึกว่าเธอมีความพิเศษกว่าผู้หญิงคนอื่นๆที่เขาเคยพบ หลังจากช่วยเหลือคอนสแตนซ์เท่าที่ทำได้ และเชื่อว่าเธอกำลังอาการดีขึ้นแล้ว ไรนัลฟ์ก็เดินทางกลับไปอ็อกซ์ฟอร์ด และเสียใจมากเมื่อได้ยินข่าวภายหลังว่าคอนสแตนซ์เสียชีวิตไปแล้ว แต่ต่อมาไม่นาน เขาก็ได้พบคอนสแตนซ์เป็นครั้งที่สอง ครั้งนี้คอนสแตนซ์ปลอมตัวเป็นหนุ่มน้อยนามว่า คอร์ลิส เพื่อหนีการตามล่าของเซอร์โรเจอร์ ฟอเลียต
ปกติแล้ว พระเอกใน Medieval Romance จะเป็นขุนนางหรือไม่ก็นักรบ แต่ไรนัลฟ์เป็นครูมหาวิทยาลัย ฟังแค่นี้ก็ว่าแปลกแล้ว แต่ที่ยิ่งแปลกก็คือเมื่อก่อนนี้ไรนัลฟ์เคยเป็นพระด้วย แต่เกิดวิกฤตทางศรัทธาในตัวเองเลยทำเรื่องยื่นขอถอดถอนตัวเองกลับมาเป็นฆราวาส ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องยากมากในสมัยนั้น แต่ไรนัลฟ์ก็ทำสำเร็จ เพราะ 1.เส้นใหญ่ (เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ Eleanor of Aquitaine เชียวนะเออ) 2.หาช่องโหว่ในหลักกฎหมายได้ 3.เป็นนักวิชาการ+ครูที่มีชื่อเสียงมากที่ University of Paris ตั้งแต่สมัยก่อนที่จะมาอยู่อ็อกซ์ฟอร์ด
หลังจากเลิกเป็นพระแล้ว ไรนัลฟ์ก็ใช่ว่าจะใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาอะไรหรอกนะ เพราะระบบมหาวิทยาลัยในยุคกลางเป็นการปกครองแบบสงฆ์ คนเป็น Scholar (ภาษาไทยใช้คำว่าอะไรดี ท่านอาจารย์? ผู้ทรงคุณวุฒิ? เทียบได้กับเป็นด็อกเตอร์สมัยนี้มั้ง) ในสมัยนั้นต้องถือศีลพรหมจรรย์ โดยเฉพาะที่ฝรั่งเศส ที่อังกฤษเองก็เช่นกัน แต่ไม่เคร่งเท่า คือให้แต่งงานได้ แต่ไม่มีโอกาสจะได้เลื่อนตำแหน่ง และความตั้งใจของไรนัลฟ์ตอนนี้ก็คืออยากจะเป็นอธิการบดีของอ็อกซ์ฟอร์ด ซึ่งจะวางหลักสูตรและกำหนดแนวทางพัฒนาโรงเรียนต่อไป ตำแหน่งนี้แน่นอนว่าต้องถือศีลพรหมจรรย์ ทางศาสนจักรถือว่าไรนัลฟ์เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งก็จริง แต่ก็จะคอยสอดส่องความประพฤติไปจนกระทั่งจบฤดูร้อนก่อนตัดสินใจ
นางเอกในเรื่องก็น่าสนใจเหมือนกัน คอร์ลิสเป็นคนฉลาด รักอิสระ ผ่านเรื่องร้ายๆมาเยอะแต่ก็ยังมองโลกในแง่ดี ขอเตือนว่านางเอกไม่จิ้นหรอกนะ เพราะพออายุ 16 ก็ต้องรีบแต่งงานกับผู้ชายแก่คราวปู่ เพราะเซอร์โรเจอร์ ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในละแวกนั้น และมีรสนิยมทางเพศแบบวิปริต อยากจะได้ตัวคอร์ลิสไปเชยชม (แล้วค่อยฆ่าทิ้ง) พอสามีตาย คอร์ลิสก็ไปขอร้องให้พระอธิการชั้นสูงในท้องถิ่น (rector) รับเธอไว้เป็นคนดูแลบ้าน พระก็โอเค แต่ดูแลบ้านอย่างเดียวไม่พอ ต้องดูแลเรื่องบนเตียงด้วย (พระสมัยนั้นมีอะไรกับผู้หญิงไม่ได้ แต่หลายคนก็แอบๆซ่อนๆมีอยู่ดี) คอร์ลิสยอมเพื่อรักษาชีวิตรอด ส่วนเซอร์โรเจอร์เป็นโรคกลัวนรกขึ้นสมองเลยไม่กล้ามายุ่งกับคอร์ลิส จนกระทั่งพระตายเพราะฝีดาษ เซอร์โรเจอร์ก็หมายมั่นปั้นมือมากว่าจะไม่ยอมให้คอร์ลิสหลุดมือไปเป็นครั้งที่สามเด็ดขาด แต่สุดท้ายคอร์ลิสก็จัดฉากว่าตัวเองตายแล้วปลอมตัวเป็นผู้ชายหนีออกมาจนได้ ชีวิตผู้หญิงสมัยนั้นบัดซบเจรงๆ
โบนัสสำหรับเรื่องนี้ก็คือ นอกจากเรื่องความรักที่อ่านสนุกแล้ว ยังมีพล็อตการตามล่าให้ตื่นเต้นชวนลุ้นด้วย ปกติพล็อตพวกนี้ในนิยายโรแมนซ์จะค่อนข้างน่าเบื่อ แต่เรื่องนี้โอเคมากๆ อย่างว่านะ คนเขียนเขียนนิยายสืบสวนด้วยนี่นา บรรยากาศตามยุคสมัยในท้องเรื่องยังทำให้เราประทับใจได้เหมือนเคย รายละเอียดสมเป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ คอร์ลิสตอนที่อยู่กับพระ ได้วิชาติดตัวมาหลายอย่าง ทั้งเรื่องภาษา ปรัชญา และวิธีการทำหนังสือ พอปลอมตัวเป็นผู้ชายแล้ว เลยหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็น Illuminator (วาดภาพลงลายทอง) ตอนบรรยายวิธีการทำหนังสือและการลงสีเคลือบทองอ่านแล้วเพลินดี แล้วก็มีพูดถึงเรื่องราวของ Peter Abelard กับ Heloise อ่านเรื่องนี้จบเลยไปหาอ่านประวัติของจริง น่าสนใจมาก
นอกจากนี้ก็ชอบ
- พระเอก โคตรรรรรรรน่ารัก ยิ่งเวลาเขินยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ หูเป็นสีชมพูเลย
- ตอนที่พระเอกนางเอกคุยกันเรื่องความเชื่อ สวรรค์ และการใช้ชีวิต
- เหมือนในชุด Nell Sweeney คนเขียนชอบพูดถึงราคาข้าวของในสมัยนั้นแบบบอกตัวเลขออกมาชัดๆ เช่น บ้านของพระเอกมีมูลค่า 38 ปอนด์สเตอร์ลิง รู้สึกเลยว่าคนเขียนหาข้อมูลแน่นปึ้กมั่ก
- เราเกลียดเวลาที่ผู้หญิงในนิยาย/หนังทำตัวอวดเก่งแล้วไม่เก่งจริง แล่นไปหาเรื่องใส่ตัวให้ถูกจับถูกทำร้าย (อย่างเช่นเรื่อง 24 ผู้หญิงในเรื่องแบบว่าโง่จนอยากเอาหัวโขกกำแพง) ตอนที่นางเอกอวดดีไม่เชื่อคำเตือนพระเอก แอบหมั่นไส้นิดๆ แต่พอเป็นจริงตามคำเตือน นางเอกขอโทษแบบสำนึกผิดจริงใจมาก จนเอ็นดูเลยล่ะ
- บทส่งท้ายที่เขียนจากมุมมองของ Rad อ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นฉากแห่งความสุขจริงๆอ่านเรื่องนี้จบก็เห็นว่ามันมี prequel ด้วย กระดี๊กระด๊าซื้อมาแล้วกลับพบว่ามันคือเรื่องที่เราเคยอ่านสมัยโน้น ซึ่งน่าเบื่อมากกก เสียดายตังสุดๆ ($3.49) เลยเกิดอาการไม่วางใจอย่างรุนแรงที่จะอ่านเรื่องอื่นอีก แต่โชคดีที่มีคนแนะนำหนังสือของเธอให้อีกสองเล่ม ปรากฏว่าสนุกทั้งคู่ เอาไว้จะมาเขียนรีวิวต่อ
อ่านเล่มไหนสนุกบ้างคะ แนะนำกันต่อนะคะ เราเองก็อ่านงานของเธอยังไม่ครบ คิดอยู่ว่า จะกลับไปอ่าน แต่ยังเลือกเรื่องไม่ถูก (เพราะเล่มที่เวลาเธอเขียนน่าเบื่อ มันก็น่าเบื่อสุดใจเลย)