ผู้หญิงอยุธยา - บินหลา สันกาลาคีรี
สำนักพิมพ์ ไรท์เตอร์ซีเคร็ท"417 ปีของกรุงศรีอยุธยาเรารู้จัก ผู้หญิง น้อยมาก มีเพียง 4 คนเท่านั้นที่ถูกกล่าวซ้ำไปซ้ำมา คือ พระสุริโยทัย ท้าวศรีสุดาจันทร์ พระสุพรรณกัลยา และท้าวทองกีบม้า ต่อเมื่อส่องกล้องมองดีๆ จึงจะเห็นผู้หญิงอีกหลายคน มีทั้งเรื่องการเมืองการทหาร เรื่องความซื่อสัตย์ความกลิ้งกลอก เรื่องของความรักแผ่นดินและความทรยศ เรื่องความฉลาด โง่เขลา เรื่องชู้สาว เหยื่อราคะ เหยื่อสงคราม เรื่องความเป็นครู ความเป็นแม่ และความเป็นเมีย ฯลฯ ผู้หญิงเหล่านี้บ้างเป็นชาวสยาม บ้างเป็นสตรีต่างชาติ บ้างทรงศักดิ์สูงส่องอยู่ในวัง บ้างเป็นนางทาสในเรือนเบี้ย ไม่ว่าอย่างไร พวกเธอล้วนมีชะตากรรมและสร้างสีสันรอยจำให้แผ่นดินนี้ กรุงศรีอยุธยา"สาเหตุหนึ่งที่เราไม่ค่อยชอบอ่านประวัติศาสตร์เมืองไทยเท่าไหร่ ก็เพราะคิดว่ามันใกล้ตัวเกิน และเชื่อถือไม่ได้ แค่ไทย-พม่า-ลาว ก็บันทึกไม่ตรงกันแล้ว เวลาอ่านเหมือนโดนปั่นหัว รู้สึกเหนื่อย แต่เวลาอ่านประวัติศาสตร์เมืองนอกกลับไม่เป็นงั้นนะ รู้สึกเหมือนอ่านนิยายมากกว่า เลยไม่คิดมาก
แต่เล่มนี้โปรยปกหลังได้น่าอ่านมาก เลยยอมควักกระเป๋า
ผู้เขียนไล่รายชื่อผู้หญิงทั้งหมด 68 คนที่ถูกเอ่ยถึงในประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา ไล่ตามลำดับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงเสียกรุง เราไม่แม่นประวัติศาสตร์ อ่านแล้วบางตอนก็มีมึนๆบ้างว่ากษัตริย์องค์นี้เป็นช่วงไหนตอนไหน เกี่ยวดองกับใครอย่างไร
แต่ 68 คน ภายใน 315 หน้า แต่ 1/4 ของเล่มเป็นคำนำ+หน้าขาว+รูปประกอบ+บรรณานุกรม เนื้อหาบางคนนั้นน้อยมากจนเราคิดว่าเหมือนแค่เอ่ยชื่อให้รู้จักเฉยๆ สำหรับคนที่โดดเด่นก็ไม่ได้เจาะลึกมากมายนัก หลายบทอ่านแล้วก็ผ่านไป
ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ถูกเอ่ยถึงเป็นหญิงสูงศักดิ์ พอผู้เขียนแนะนำผู้หญิงที่เป็นสามัญชนขึ้นมาบ้าง ก็รู้สึกแปลกดี แล้วก็อ่านง่ายเพราะส่วนใหญ่ไม่ต้องปูพื้นอะไร
ชอบเรื่อง ยายสา ที่เป็นแรงบันดาลใจให้คุณบินหลาเขียนหนังสือเล่มนี้ ยายสาเป็นพยานคนสำคัญที่สุดในนาทีเสียกรุงศรีอยุธยา เป็นคนที่ได้ฟัง "พินัยกรรมแผ่นดิน" จากปากของกษัตริย์ที่กำลังจะสิ้นใจ อย่างพระเจ้าเอกทัศน์ แต่เรากลับไม่เคยได้ยินชื่อยายสามาก่อนเลย
คุณบินหลาเขียนไว้ว่า
"แบบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ไทยจึงเป็นแบบเรียนที่มีปัญหา นอกเหนือจากการสอนให้รักและภูมิใจในชาติอย่าง "แบน" และ "ผิวเผิน" แล้วไม่ได้ทำให้ผู้เรียนได้รู้ได้ศึกษาประสบการณ์ชีวิต ได้สะท้อนเห็นความเป็นมนุษย์ในวินาทีวิกฤตเลย"
รู้สึกว่าน่าเสียดาย เพราะเป็นเรื่องที่อ่านสนุกชวนติดตาม แบบเอาไปต่อยอดเขียนนิยายได้เลยแหละ
บท อี่เกิด กับ อำแดงอุ่น ก็น่าสนใจดี เธอสองคนเกี่ยวข้องกับกฎหมายการเรียกค่าสินไหมให้ผู้ตาย แต่ละคนมีราคาค่าชีวิตแตกต่างกัน ตามการใช้งาน
หนังสือบอกว่าไพร่สามัญชาวกรุงศรีอยุธยามีราคาค่าชีวิตมากที่สุดเมื่อเป็นชายอายุ 26-40 ปี ใครทำให้ชายฉกรรจ์ตายต้องจ่ายชดเชยเป็นเงิน 14 ตำลึง (56 บาท) ส่วนผู้หญิง ค่าชีวิตมากที่สุดเมื่ออายุ 21-30 ปี (48 บาท) ล่วงชรากว่านี้ราคาก็ถูกลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถ้าอายุเกิน 100 ปี แล้ว ราคาเป็นศูนย์
กรณี อำแดงอุ่น ทำลูกของอีเกิดตาย อำแดงอุ่นจึงต้องจ่ายเพียง 3 บาทเท่านั้น
กฎหมายยังกำหนดละเอียดยิบว่าถ้าพิการหรือมีความบกพร่องทางร่างกายอื่นๆ จะลดราคาลงตามส่วนอย่างไรด้วย
พวกหญิงสูงศักดิ์ก็มีเรื่องน่าสนใจนะ อย่างเช่น พระองค์อัมฤทธิ์ ทรงเป็นมาม้าที่เท่มาก (เรื่องนี้ไม่มีระบุในพงศาวดารไทยอีกแล้ว ไปอยู่ในจดหมายเหตุฟาน ฟลีต เพราะชาวไทยละอายใจหรืออย่างไร) กรมหลวงโยธาทิพ โยธาเทพ ก็อ่านเพลินดี และเพิ่งรู้ด้วยว่านักประวัติศาสตร์หลายคนลงความเห็นว่า ศรีปราชญ์ ไม่มีตัวตนจริง หรือถ้ามี จริงๆแล้วก็คือ เจ้าชายอภัยทศ หรือเจ้าชายน้อย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ได้จากการอ่านเล่มนี้คือการตอกย้ำว่าสมัยก่อนผู้หญิงมีค่าแค่สิ่งของจริงๆ อ่านแล้วโคตรดีใจที่เกิดมาในสมัยนี้
และอาจจะเพราะผู้ชายเห็นผู้หญิงเป็นแค่สิ่งของที่ไร้สมองนี่เอง พออ่านถึงบท อำแดงแก่น ที่อยู่ใน "ขบถผู้หญิง" ครั้งเดียวของกรุงศรีอยุธยา ก็เลยรู้สึกสะใจมาก ถึงสุดท้ายจะแพ้ก็เถอะ XD
สรุปว่าถึงจะไม่ได้อ่านสนุกมากมายอย่างที่หวังไว้ ก็ยังถือว่าได้อะไรหลายอย่างติดสมองกลับมา ถือว่าคุ้มค่าที่ได้อ่านฮับ
3 ดาว
ป.ล. ภาพประกอบสวยงามละมุนละไม ชอบค่ะ