สื่อนอกชี้ชัด บึ้มราชประสงค์ เป็น"การก่อการร้าย"ในกม.สากล-"อ้างไม่ได้"เป็นเรื่องการเมือง"! ขออนุญาตมติชนรายวัน นำเนื้อหานี้มารวบรวมไว้เพื่อการศึกษา สื่อนอกชี้ชัด บึ้มราชประสงค์ เป็น"การก่อการร้าย"ในกม.สากล-"อ้างไม่ได้"เป็นเรื่องการเมือง"! สำนักข่าว"สเตรท ไทมส์"รายงานอ้างบทความเขียนโดยนายเฮอร์นาน ลองโก้ ที่ปรึกษาของหน่วยงานป้องกันยาเสพติด อาชญากรรม และการรับมือการก่อการร้ายระดับสูง ประจำสหประชาชาติ (UNODC) และนายเจเรมี่ ดักลาส ตัวแทน UNODC ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก ระบุว่า ภูมิภาคอาเซียนจะต้องร่วมมือกันมากขึ้นเพื่อป้องกันการก่อการร้าย ภายหลังเกิดเหตุวางระเบิดท้าวมหาพรหม บริเวณย่านราชประสงค์ ในกรุงเทพ เมืองหลวงของไทย ด้วยอาวุธระเบิดแรงทำลายสูงและจากผู้ก่อการที่เชี่ยวชาญ (IED) ที่เป็นระเบิด"ทีเอ็นที"โจมตีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย
![]() รายงานระบุว่า เหตุวางระเบิดราชประสงค์เป็นเครื่องย้ำเตือนว่า ภูมิภาคอาเซียนยังคงเปราะบางต่อการก่อการร้าย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่มีการเตือนภัยล่วงหน้า โดยภัยนี้ที่มีลักษณะไม่สามารถคาดการณ์ได้ ได้ทำให้เกิดยุทธศาสตร์ของการโต้ต้านการก่อการร้ายอย่างชัดแจ้ง ซึ่งมุ่งเน้นไปยังการป้องกันมากกว่านั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ฉะนั้น แนวทางสำคัญก็คือการเตรียมพร้อม มากกว่าการนั่งเศร้าโศกเสียใจหลังเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ และเป็นสิ่งที่ดีกว่าเสมอที่แต่ละชาติจะสามารถประเมินภัยก่อการร้ายที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้น และสามารถวางแผนรับมือตอบโต้ได้ ตามกรอบร่างที่มีการยอมรับร่วมกันต่อหลักปฎิบัติและหลักสิทธิมนุษยชน และการตอบโต้ก่อการร้ายย่างมีประสิทธิภาพ ควรจะกระทำอย่างหมาะสมและทันท่วงที โดยการปกป้องสิทธิมนุษยชนอย่างเพียงพอจากภัยก่อการร้ายนั้น ที่ผ่านมาได้ถูกสร้างให้กลายเป็นนโยบายและยุทธศาสตร์โต้ต้านการก่อการร้าย และควรจะแก้ไขปัญหาบนเงื่อนไขที่เป็นไปอย่างเป็นระบบ โดยเหตุการณ์วางระเบิดราชประสงค์ยังมุ่งเน้นให้เห็นภาพของลักษณะของการ"ก่อการร้ายข้ามชาติ"เนื่องจากผู้เสียชีวิตมีหลายสัญชาติตั้งแต่ชาวไทย จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บจากอีก 12ชาติรวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ การสอบสวนคดีนี้ยังควรจะนำไปสู่การยึดพาสปอร์ตต่างชาติ และการจับกุมผู้ก่อการร้าย ที่หนีออกนอกเมืองไทย โดยความร่วมมือและช่วยเหลือในมิติ"ระดับสากล"นี้จะยิ่งสนับสนุนข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่มีประเทศใดที่จะสามารถจัดการกับการก่อการร้ายได้เพียงลำพัง ซึ่งในกรณีนี้ ควรจะมีความช่วยเหลือและประสานกับชาติเพื่อนบ้านร่วมองค์กรอาเซียน เช่น การตรวจสอบพรมแดนข้ามประเทศ และการแชร์ข้อมูลข่าวกรองและข้อมูลเชิงปฎิบัติการ ที่ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการป้องกันและการปราบปรามการก่อการร้าย และหากมีภัยวินาศกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นประเทศต่างๆ ก็ควรจะต้องมีกลไกอย่างฉับพลันที่จะต้องดำเนินการเพื่อรับรองว่าผู้ก่อเหตุจะต้องถูกนำตัวมารับการลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมและจำเป็นจะต้องมีการสอบสวนอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมและมีประสิทธิภาพที่มุ่งต่อ"การคุ้มครอง"เหยื่อผู้ถูกกระทำด้วย ขณะที่เหตุวางระเบิดราชประสงค์ในเมืองไทยได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่จะต้องกระทำก่อนที่ภูมิภาคนี้จะอยู่ในภาวะพร้อมที่จะรับมือกับเหตุการณ์ก่อการร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพและรัฐบาลชาติต่างๆจำเป็นจะต้องพร้อมที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและทำงานร่วมกันรวมทั้งกับหน่วยงานระดับภูมิภาคและระดับสากลเพื่อรับประกันว่าการตอบโต้ต่อภัยดังกล่าวของประเทศนั้น ๆ มีทั้ง"ประสิทธิภาพ"และได้รับการยอมรับว่าทำ"อย่างถูกต้อง"ตามหลักสากล /จบ ....................................................................................................... |
บทความทั้งหมด
|