ตอนที่ 5 : 17 วัน 6 เมือง ที่ยูนาน ประเทศจีน : พาเที่ยวรอบเมืองลี่เจียง
ที่หลิว หลิว อินท์นี้ดีมากเลย สงสัยเราจะโชคดีบ้านลุงมีหลังคาด้วย แอบปีนขึ้นไปชมบรรยากาศบนดาดฟ้าของลุงหน่อย ยามเช้าอากาศดีมาก หนาวสุดขั้วหัวใจ (บันไดชันมาก น่ากลัว) 


เริ่มสว่างละ



จากดาดฟ้าลุง มองเห็นหลังคาเมืองเก่าได้ทั่วเลยอะ สังเกตดูรู้สึกว่าบ้านลุงนี่สูงสุดแล้ว มองเห็นจุดชมวิวหอคอยเนินสิงโต (ว่านกู้โหลว) ได้ด้วย



ซูมกล้องเข้าไปอีกสักรูป





หลังจากคุ้นเคยเมืองลี่เจียงบ้างแล้วเราจะเริ่มออกทัวร์บริเวณเขตเมืองใหม่มั้ง ไปที่ไกลๆ ก่อนดีกว่า ไปเที่ยวสระน้ำมังกรดำกันคะ ก่อนไปเราต้องซื้อตั๋วบำรุงเมืองลี่เจียงกันก่อน เราก็ซื้อจากลุงนี่ละ เป็นบัตรเหลืองแบบนี่ ต้องเขียนชื่อ นามสกุลให้ตรงกับ passport ด้วยนะ และนำติดตัวไปด้วยเผื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจ


ด้านหลังเป็นแบบนี้ ตั๋วนี้เก๋็บไว้ชิงโชคได้ด้วยนะ



เดินย้อนออกมาทางเดิมเพื่อไปสระน้ำมังกรดำ



เดินตามแผนที่ไปเรื่อย ไม่แน่ใจก็ถามคนแถวนั้นอีกที เดินจนมาเจอรูปปั้นประธานเหมานนี้ละ ขาขวิดเลย



เดินไปเรื่อยๆ ก็ถึงเอง เง้อ....ไกลฉิบ จะนั่งรถเมล์ก็กลัวหลง เพราะมันทำถนนอยู่ นั่งแท๊กซี่ก็อ้อมเดินชมวิวไปเรื่อยละ  จัดการซื้อตั๋วเสร็จก็โชว์ใบเหลืองและเข้าชมได้ค่า



ภายในสวนร่มรื่นมาก สลักไว้เพื่ออะไรใครรู้บ้าง อ่านไม่ออกคะ













มุมนี้ขอหลายรูปหน่อยสวยอะ เสียอย่างเดียวต้องรอแดด เดียวจ้าเดียวหุบ






รูปนี้นึกว่าอยู่ญี่ปุ่นแหะ



มาข้ามสะพานโค้งกัน



















หันกลับไปถ่ายสะพานอีก ชอบๆ



เดินเป็นวงกลมออกมา



ตรงนี้มีน้ำผุดกระเพื่อมด้วย



มองเห็นสะพานอีกแล้วขอซูมหน่อย



ที่สระน้ำมังกรดำนี้สวยดี กว้างมากด้วยบนเขามีวัดด้วยนะแต่เราไม่ได้ขึ้นหรอก เมื่อย แค่เดินมากว่าจะถึงก็นะ ขากลับเดินออกมาแล้วขอขึ้นรถเมล์กลับดีกว่าขี้เกียจเดินย้อนกลับไป ค่ารถเมล์คนละ 1 หยวนจ้า หยอดลงกล่องได้เลย (ถ้าหยอดเผื่อกันเสียราคา 15 บาทนะ แพงกว่า เพราะงั้นต่างคนต่างหยอดเสียแค่ 10 บาท ) แล้วจะนั่งรถเมล์สายไรกลับละ ก็ดูแผนที่ที่ซื้อมาแล้วดูสายรถเมล์ที่ผ่านถนนแถวที่พักเราคะ ส่วนนี้คุณแฟนช่วยดูเรื่องรถเมล์





กลับไปเดินเมืองเก่าลี่เจียงแล้วก็ออกไปเที่ยวต่อกัน คราวนี้ไปชมบ้านตระกูลมู่ดีกว่า ซื้อตั๋วจากคุณลุงที่พักเช่นเคพ แกลดราคาให้ด้วย



ทางเข้า
บ้านตระกูลมู่คะ


อ่านไม่ออกอีกแล้ว



บ้านตระกูลมู่ปิดเวลา 17.00 น. เน้ออย่าลืมดูเวลาด้วย





คนเยอะพอสมควร





ชอบสถาปัตยกรรมจีนจัง





เข้ามาดูข้างในบ้าง



บนเพดานยังสวย













กระเบื้องมุงหลังคาเมืองจีนแปลกตาดี



บ้านตระกูลมู่ใหญ่มาก เราใช้เวลาเดินในนี้เกือนสามชั่วโมง



เจ้ากรัรอกที่สวน
บ้านตระกูลมู่ พักเหนื่อยอยู่เห็นพอดี









ประเทศจีนชอบสร้างอะไรใหญ่ๆ เนอะ ขนาดดอกไม้ยังใหญ่ได้อีก





เข้ามาชมอีกหลัง







ขึ้นมาข้างบนเป็นแบบนี้ มีกลุ่มคนมากับไกด์ด้วยนะ เขาก็จะอธิบายเป็นภาษาจีนให้ฟัง

















เดินมาจนเจอห้องนี้ คือไรไม่รู้



ยังไม่หมดคะมีเดินขึ้นเขาด้วย







กว่าจะเดินถึงศาลาลิ้นแทบห้อย





เห็นมุมนี้แล้วชื่นใจ





มีประตูใหญ่ขนาดนี้เลย แน่ใจนะว่าบ้าน



เราชอบกุญแจอะ









เดินวนออกมาปรากฏเข้าปิดให้เข้าชมแล้ว คนเลยโล่ง









ถ่ายตอนไม่มีคนนี้เริ่ดสุดละ







กลับจากบ้านตระกูลมู่เราก็ไปสอบถามลุง เรื่องเช่ารถไปภูเขาหิมะมังกรหยกว่ามีไหม แกบอกว่ามี เราก็เลยบอกว่าเราจะไป 2 คนนะ แล้วมีพี่ที่ตามมาสมทบอีก 2 เป็นทั้งหมด 4 คน สอบถามราคาเหมารถ 1 วัน แกคิดราคา 776 บาท แกบอกว่ารถมารับ 8.00 น. นะ กลับตอน 17.00 น. เราก็โอเค แล้วทำไมไม่ไปกับทัวร์ เหตุเพราะทัวร์แพงกว่าแล้วก็บังคับให้ดูโชว์อิมเพรสชั่นลี่เจียง ของ จาง อี้ โม้ว เราไม่อยากดูอะ เปลืองเงินด้วยคนละตั้ง 900 บาท เรากะแฟนชอบอะไรที่เป็นธรรมชาติมากกว่า (แต่พี่อีก 2 คนอยากดูก็แยกกันคะ ใครใคร่ดูก็ดูไป) ไปกับทัวร์อยู่บนภูเขาหิมะมังกรหยกได้แค่ชั่วโมงกว่าๆ เอง เวลาน้อยมาก เอาละก่อนจะขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยกเราก็เตรียมหาซื้ออ๊อกซิเจนกระป๋องจากเมืองเก่าลี่เจียงนี่ละ เอามะซะ 4 กระป๋องเลยเพื่อไว้ยามฉุกเฉินด้วย (ปรากฏใช้ไปสองกระป๋องเอง เยอะมาก เสียดายอีกสองกระป๋องที่ต้องทิ้งตอนโหลดกระเป๋าขึ้นรถไฟไปคุนหมิง เซ็งจัง)





นี่คือรถที่เราจะไป มีคนขับ อาเจ๊เมียคนขับ เราอีีก 4 คน และนายซาง เซลล์แมนขายรถชาวปักกิ่ง ที่เพิ่งบินมาถึงลี่เจียง และมาพักที่ " หลิว หลิว อินท์ " เมื่อตอนตีสอง ร่วมชะตากรรมไปกับเราด้วย รถมาตรงเวลามากอาเจ๊มาตามถึงที่พัก คงโทรนัดกะลุงไว้แล้ว จากนั้นแกก็พาไปเช่าเสื้อกันหนาว เสื้อลุยหิมะ รองเท้าบู๊ท และอ๊อกซิเจนกระป๋อง ที่ร้านให้เช่าอุปกรณ์พวกนี้โดยเฉพาะ ซึ่ง
อ๊อกซิเจนกระป๋องแพงกว่าหาซื้อเองเป็นเท่าตัว



แอบถ่ายติดพี่ตามา 1 รูป อิอิ



ถึงหน้าปากทางเข้าอุทยานเราก็ต้องไปจ่ายค่าเข้าอุทยานก่อน (ราคาค่าใช้จ่ายต่างๆ จะแปะให้ดูในตอนท้ายคะ) บัตรที่ได้จะมีบัตรค่าเข้าอุทายนภูเขาหิมะมังกรหยก และบัตรขึ้นรถบัสไปชมไปสุ่ยเหอ







ด้านหลังเป็นโปสการ์ดเก๋ๆ



รถพามาจอดตรงนี้เพื่อให้พี่ตากับแฟนเช็คเวลาดูโชว์
อิมเพรสชั่นลี่เจียง จากนั้นก็เดินผ่านทางเพื่อไปซื้อบัตรขึ้นกระเช้ากัน



บัตรขึ้นกระเช้าหน้าตาแบบนี้คะ



กระเช้าหนึ่งนั่งได้ 4-5 คน ขึ้นไปสูงมาก หนาวจนหน้าชาละ ใครเมาง่ายแนะนำพกถุงพลาสติก ยาดม ยาลม ยาหม่องไปให้ดี ขนาดคนจีนเองยังอาเจียนเพราะเมากระะเช้า หรือเป็นโรคแพ้ความสูงก็ไม่รู้



วิวระหว่างนั่งกระเช้าขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยกคะ สวยอะ



เมื่อถึงจุดหมายเราควรปรับสภาพร่างกายก่อนนะคะ เพราะเราขึ้นมาสูงมาก อย่าตื่นเต้น อย่าวิ่ง หายใจลึกๆ เพราะยิ่งสูงอ๊อกซิเจนยิ่งน้อย ร่างกายปรับสภาพไม่ทัน ทางที่ดีก่อนขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยกควรรับประทานอาหารเช้ามาด้วย เราไม่ได้ทานมาพกแต่กล้วยหอม แอ๊ปเปิ้ล และคุ๊กกี้กับน้ำร้อนมาแทน เลยต้องมาซื้อมาม่าถ้วยละ 100 บาท บนนี้ทาน เฮ้อ!! เนื่องจากคุณแฟนจะเป็นลม ร่างกายปรับสภาพไม่ทัน เราก็นะเอามาม่าร้อนๆ ให้ทานก่อนเลยร่างกายจะได้อบอุ่น แล้วตามด้วยช้ำชาหวานๆ ที่พกมา ต่อด้วยข้าวโพดคั่วกระป๋องละ 70 บาท อีก 1 กระป๋อง ตอนนั้นคิดแค่ว่า ตายละฉันพาลูกเขามาลำบากรึเปล่าเนี่ย ผู้ชายยังจะเป็นลมแล้วผู้หญิงจะเหลืออะไร นี่ขนาดโสมทิเบตก็เอาไม่อยู่ เพราะภูเขาหิมะมังกรหยกมันสูงเกิน ร่างกายปรับไม่ทัน เรามีอาการแค่เวียนหัว และเหมือนมีอากาศหายใจได้น้อยนิดหน่อยคะ นั่งพักประมาณ 20 นาทีก็ดีขึ้น คุณแฟนเริ่มดีขึ้นหลังจากท้องอิ่มแล้ว เราจึงค่อยเริ่มออกไปเผชิญความหนาวเย็นข้างนอกกัน



ออกมาถ่ายป้ายนี้ก่อนเลย มัน หนาว มาก ลมแรงด้วย หูอื้อไปหมด



แดดไม่มีอีก กรรม



ยืนไปสักพักแดดก็เริ่มมา สภาพอากาศบนนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมากคะ แดดมาไว ไปไว คนเยอะล้านแปด ทัวร์ทั้งนั้น









มุมนี้เป็นจุดชมวิว



ค่อยยังชั่วก็เริ่มซ่าส์ละ





เสื้อนี่เราใส่มา 4 ชั้นได้มั้ง ใส่จนร้อน หายใจไม่ออก ต้องปลดกระดุมออก















น้ำแข็งละลายไหลเป็นทางลงสู่หุบเขาเบื้องล่าง



เราจะพิชิตยอดนั้นกัน



เห็นบันไดลมแทบใส่ ต้องค่อยๆ เดินเดินไปพักไป เดี๋ยวหน้ามืด เร่มหายใจไม่ออกก็หยิบอ๊อซิเจนกระป๋องมาสูด









รูปนี่เอากล้องซูมเอาคะ จะเดินถึงไหมเนี่ย





หันกลับมามองทางที่เดินขึ้นมามั้ง





สิ่งมีชีวิตเล็กๆ มันไม่หนาวรึไงนะ






หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล ที่เห็นเป็นกระท่อมนั่นคือร้านขายไส้กรอก น้ำดืื่ม และขนมขบเคี้ยวคะ ราคาก็แพงตามความสูงที่เราขึ้น











อะไรดำๆ ตรงโขดหิน



อะไรหว่า



มีต้นไม้ขึ้นบนภูเขาหิมะด้วย



หิมะชัดๆ ขาวโพลน







จะถึงยอดแล้ว



หมดแรงขอพักก่อน



ชาวจีนใจดีอาสาถ่ายรูปคู่ให้







ถึงกระท่อมนี้ก็ไปต่อไม่ได้แล้วคะ เพราะหิมะถล่ม อดพิชิตยอดเขาเลย



เย็นขนาดไหนตู้ใต้ทางเดินก่อน





อย่ามองแต่หิมะอย่างเดียวนะ บนท้องฟ้าก็สวย



ยังกับภาพวาด







มีนกด้วย



นี่ละคะจุดที่ปิดไว้ เราเลยไปไม่ถึงยอดเขา



น่ากลัวมาก ไม่อยากนึกถึงช่วงเดือนเมษายนเลย ว่าพายุหิมะจะขนาดไหน



ซูมถ่ายข้างล่างบ้าง



ชวนกันไต่ออกมานอกบันไดทางเดิน อันตรายนะคะ ต้องค่อยๆ เดิน ลื่นล้มได้นะ







คุณแฟนถูกบังคับให้ทำท่าโน้น นี่ นั่น









ท้องฟ้าประเทศจีนสวยมาก







เราว่าคุณแฟนถ่ายเรารูปนี้สวยสุดละเห็นแต่หมวก ไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือประเทศจีน ยังกับเอเวอร์เรส



ขากลับย้อนมาถ่ายกับป้ายนี่







ขาลงกระเช้าก็สวย







ลงจากภูเขาหิมะมังกรหยกประมาณบ่ายสามโมงคะ เราก็นั่งรถบัสไปไปสุ่ยเหอที่อยู่ด้านหลังของ
ภูเขาหิมะมังกรหยกต่อ



น้ำใสมาก



อฃแดดก็แรง แสบตาได้ใจ ลงมาจากภูเขาหิมะถอดเสื้อแทบไม่ทันมันร้อนมาก หายใจไม่ออก ลมก็แรง







ลมแรงแค่ไหนสังเกตได้จากน้ำคะ เป็นระลอกเลย





จากตรงนี้มองไปเห็นภูเขาหิมะมังกรหยกได้ด้วย แสบตามาก



















เดินหลงมาถนนเส้นนี้เพื่อจะเดินไปขึ้นรถบัสคะ ฉากหลังยังกับภาพวาด อยากตื่นมาเห็นวิวแบบนี้ทุกวันเลย



เสร็จจากเที่ยวไปสุ่ยเหอแล้วเราก๋นั่งรถบัสกลับไปขึ้นรถที่เราเช่ามาคะ ถึงที่พักประมาณ 18.00 น. เหนื่อยมาก มาดูสรุปรายการค่าใช้จ่ายในแต่ละวันกันคะ อาจจะไม่ตรง 100 % นะ เพราะบางครั้งนึกไรได้ก็จดเพิ่ม













Create Date : 10 กันยายน 2557
Last Update : 10 กันยายน 2557 23:11:36 น.
Counter : 1454 Pageviews.

0 comments
봄 처녀(Virgin spring) by 홍난파(NanPa Hong) ปรศุราม
(17 เม.ย. 2567 10:09:12 น.)
++ พระมหาธาตุเจดีย์โฆสปัญโญศรีพนม ++ wicsir
(13 เม.ย. 2567 10:29:52 น.)
ระยองฮิสั้น จันทราน็อคเทิร์น
(12 เม.ย. 2567 15:33:48 น.)
หาอะไรดับร้อนกับน้องถั่วแดงที่ร้านเย็น เย็น หวานเย็น สาขาMRTท่าพระ นายแว่นขยันเที่ยว
(12 เม.ย. 2567 00:32:31 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Emilia0412.BlogGang.com

Emmy Journey พากิน พาเที่ยว
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]

บทความทั้งหมด