เรื่อง แม่เหยี่ยวกับลูกเหยี่ยว เรื่อง แม่เหยี่ยวกับลูกเหยี่ยว เรื่อง แม่เหยี่ยวกับลูกเหยี่ยว
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีแม่เหยี่ยวและลูกเหยี่ยวอยู่คู่หนึ่ง ทั้งแม่และลูกรักกันปานจะกลืนกินไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่เสมอเพราะความใกล้ชิดสนิทสนมกันมากยิ่งทำให้แม่ลูกคู่นี้รักกันมากยิ่งขึ้น เจ้าเวหาคือพญาแห่งนกที่บินโฉบเฉี่ยวบนท้องฟ้าจะได้แก่พญานกอินทรีและเหยี่ยวที่ตัวใหญ่ล่ำบึ๊กบินได้ไกลแสนไกลสุดขอบฟ้าโน่น วันหนึ่งลูกเหยี่ยวเกิดล้มป่วยไม่สบายหนัก อาการร่อแร่ปางตาย ดังสำนวนไทยที่ว่า ล้มหมอนนอนเสื่อ ป่วยจนต้องนอนรักษาตัว แม่เหยี่ยวกลุ้มใจมาก ถ้าร้องไห้ได้แม่เหยี่ยวคงร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดไปแล้วอาการคร่ำครวญของแม่เหยี่ยวที่เห็นลูกเหยี่ยวไม่สบายหนักคราวนี้ทำให้ลูกเหยี่ยวพลอยไม่สบายใจตามไปด้วย หลังจากลูกเหยี่ยวไม่สบายมานานแม่เหยี่ยวก็คร่ำครวญมามากพอสมควรแล้ว ลูกเหยี่ยวจึงเอ่ยปากบอกแม่ว่าลูกเจ็บหนักมากคราวนี้เห็นทีจะไม่รอดแล้วอาจจะมีอีกวิธีหนึ่งที่ลูกเห็นชาวบ้านชอบไปบนบานศาลกล่าวขอโน่นขอนี่และเห็นชาวบ้านนำผลหมากรากไม้ไปแก้บนกันมันน่าจะได้ผลตามที่ชาวบ้านขอต่อเจ้าพ่อเจ้าแม่หรือเจ้าที่เจ้าทางนะแม่ไม่ลองไปบนบานศาลกล่าวขอให้ลูกหายเจ็บหายไข้บ้างล่ะจ๊ะ ลูกจะได้สบายอยู่กับแม่ไปอีกนาน ลูกเอ๋ยแม่เหยี่ยวเอ่ยด้วยความท้อแท้ใจต่อไปว่าไอ้ที่ชาวบ้านไปบนบานศาลกล่าวขอโน่นขอนี่และเห็นชาวบ้านนำผลหมากรากไม้ไปแก้บนกันนั้นมันคงจะได้ผลตามที่ชาวบ้านขอต่อเจ้าพ่อเจ้าแม่หรือเจ้าที่เจ้าทางนั่นแหละแต่แม่คงไม่อาจไปบนบานศาลกล่าวขอโน่นขอนี่ต่อเจ้าพ่อเจ้าแม่หรือเจ้าที่เจ้าทางได้หรอกเพราะแม่ชอบไปแอบขโมยเอาของที่ชาวบ้านไปแก้บนมากินกับลูกเจ้าพ่อเจ้าแม่หรือเจ้าที่เจ้าทางคงไม่ยินยอมพร้อมใจจะให้แก่ไอ้หัวขโมยอย่างแม่หรอก นิทานเรื่องนี้สอนให้คิดว่า เมื่อถึงคราวสำนึกในบาปกรรมที่เคยทำมันก็สายเกินไปที่จะแก้ไขเสียแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขอให้เราคิดว่าต่อไปจะทำสิ่งใดต้องไม่อายฟ้าไม่อายดินไม่ทำผิดทั้งในที่ลับและที่แจ้ง คือเมื่อใจไม่คิดจะทำผิด เราก็คงไม่มีโอกาสจะทำผิดเมื่อคิดจะทำสิ่งใดขอให้สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ใช้มโนธรรมประจำใจคอยเตือนสติตนเองก่อนจะผลีผลามทำสิ่งใด บางคนแอบทำผิดเพราะคิดว่าคงไม่มีใครเห็นไม่มีใครรู้ มองซ้ายมองขวาแล้วไม่เห็นมีคนรู้จักเลยที่ไหนได้สมัยนี้หูตาคนเป็นสับปะรด แปลว่า มีคนคอยแอบมองสอดส่ายสายตาหาเรื่องอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งทั่วหน้าไปหมดยิ่งในสมัยที่มือถือเจริญรุดหน้าหยิบปุ๊บถ่ายปั๊บส่งต่อทันที มือถือที่ถือกันอยู่ทั่วบ้านทั่วเมืองแอบถ่ายคลิปแล้วไปส่งต่อในโลกสังคมออนไลน์ไอ้ที่เราหลงคิดว่ามันคือความลับสุดยอดกลับกลายเป็นรู้กันไปทั่วไม่ใช่เฉพาะทั่วบ้านทั่วเมืองเท่านั้นแต่รู้กันไปทั่วโลกเลยทีเดียว ฉะนั้นอย่าเผลอคิดเชียวนะว่าไม่มีใครมองเห็น ไม่มีใครรู้
อย่าทำผิดทั้งในที่ลับและที่แจ้ง เพราะสมัยใหม่กรรมติดเทอร์โบตามติดมาทัน ไม่ต้องชาติหน้าชาตินี้ได้เห็นผลแน่นอน |
บทความทั้งหมด
|