ปลุกกระแสสร้างความรักชาติ ความเป็นไทยเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนไทยแตกต่างจากชนชาติอื่น
หลายชาติ
ปลุกกระแสเพื่อสร้างความรักชาติ ไทยเคยปลุกกระแสสร้างความรักชาติอย่างเต็มที่ เห็นได้ชัดในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม
ทว่าบางมุมมองเพื่อสร้างชาติให้ทันสมัยมากกว่าให้รักชาติ
น่าเสียดายนะ
แม้ทุกวันนี้ พวกเราที่เกิดบนผืนแผ่นดินไทย จะมีสักกี่คนที่เอ่ยอ้างความรักชาติมากกว่ารักพวกพ้อง รักกลุ่มสีตนเอง
พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ อาศัยแรงคิด ทำทุกวิถีทางในขณะที่อำนาจเต็มมือในขณะนั้น ปลุกปั่นกระแส ใช้กฎหมายควบคุมบังคับให้ทุกคนทำตาม ถึงขั้นที่ว่า ให้ทุกคนเลิกกินหมากแดง เพราะจะทำให้เสียบุคลิก
ใครขัดขืนโดนดีแน่ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่จะออกจากบ้านต้องหอมแก้มศรีภรรยา
บางคนอยู่ในบ้านยังไม่อยากจะมองหน้ากันเลย แต่จำต้องทำเพื่อให้ทันสมัย เพื่อให้คนอื่นมองเห็น จะได้ไม่ต้องโทษ
หนุ่มสาวผู้มีอันจะกินสวมหมวกทรงโก้
ชาวบ้านหาหมวกเก่าใกล้ตัวสวมพอเป็นพิธี ไม่ให้ตำรวจจับกุมได้
ละครและเพลงรักชาติที่ประพันธ์โดยพลตรีหลวงวิจิตรวาทการคนต้นคิดกระหึ่มไปทั่วทั้งพระนคร ติดเป็นกระแสว่า ทุกคนต้องดูจึงจะเป็นคนหัวสมัยใหม่
จอมพล ป. พิบูลสงคราม ส่งเสริมความรักชาติและ
ให้ความสำคัญกับความเป็นเอกลักษณ์ของชาติ ผ่านนโยบายและกิจกรรมต่างๆ เช่น
การใช้ภาษาไทยให้ถูกหลักประเพณี การเคารพธงชาติและเพลงชาติ และการส่งเสริมสินค้าไทย และรณรงค์ให้ประชาชนใช้เครื่องอุปโภคบริโภคที่มีกำเนิดหรือทำขึ้นในประเทศไทย
การส่งเสริมความรักชาติ ได้ประกาศให้ “ชาตินิยม” เป็นนโยบายสำคัญ โดยสร้างวัฒนธรรมประจำชาติให้ปรากฏ บังคับให้ทุกคนต้องปฏิบัติ ไม่ทำตามคำสั่งถือว่าผิดกฎหมาย โดนดำเนินคดีได้
“ชาตินิยม” เป็นอุดมการณ์ทางการเมืองที่เด่นชัดที่สุดในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม
เหตุใดล่ะ เพราะการปฏิวัติ 2475 เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครอง คณะราษฎรจะสร้าง “รัฐธรรมนูญ” ให้เป็นสัญลักษณ์ของระบอบประชาธิปไตย แทน “พระมหากษัตริย์” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
เป็นการใช้สัญลักษณ์ทางการเมือง เพื่อสร้างคติความเชื่อใหม่ และลบล้างความเชื่อเก่า โดยการให้ความศักดิ์สิทธิ์แก่รัฐธรรมนูญแทน
การปฏิวัติ 2475 โดยจอมพล ป. ซึ่งมีบทบาทในคณะราษฎรฝ่ายทหาร และมีบทบาทที่โดดเด่นอีกครั้งในช่วงกบฏบวรเดช
นี่เองทำให้จอมพล ป. ก้าวขึ้นสู่อำนาจทางการเมืองด้วยการดำรงตำแหน่งสำคัญเป็นนายกรัฐมนตรี
เพราะอำนาจบารมีที่มากล้น ไม่มีอำนาจใดมาคัดคานได้
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ทหารมีอำนาจทางการเมืองนับแต่บัดนั้นจนบัดนี้
การให้ความสำคัญกับความเป็นเอกลักษณ์ของชาติการใช้สัญลักษณ์เชิงอุดมการณ์ชาตินิยม แสดงให้เห็นว่า “ชาติ” สำคัญยิ่ง การใช้สัญลักษณ์ในรูปแบบอื่นๆ ในการปลุกเร้าอารมณ์ชาตินิยมของประชาชนเพื่อหันเหคติความเชื่อแบบเก่าที่ยังคงอยู่ให้ลดน้อยลง
การใช้ภาษาไทย เป็นภาษาประจำชาติ สนับสนุนการใช้ภาษาไทยในทุกด้านของชีวิตประจำวัน ในทุกท้องถิ่นทั่วไทย
งดใช้ภาษามลายูหรือภาษาอาหรับในหน่วยงานราชการ ให้ใช้เฉพาะภาษาไทย
การเคารพธงชาติและเพลงชาติ บังคับให้ประชาชนเคารพธงชาติและเพลงชาติในโอกาสต่างๆ และมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมความรักชาติผ่านเพลงชาติและธงชาติ
นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทุกคนต้องยืนตรงเคารพธงชาติ
สถาบันชักธงชาติขึ้น 8 นาฬิกา ทำพิธีเคารพธงชาติ และเชิญธงลง 18 นาฬิกาทุกวันราชการ
บางเรื่องที่ชาวบ้านทำได้ จะทำตาม
ทว่าในบางท้องที่ การบังคับต่าง ๆ นานาเพื่อสร้างเอกลักษณ์ของชาติทำให้ชาวบ้านอึดอัดคับข้องใจ
การปลุกจิตสำนึกความเป็นไทย ใช้อุดมการณ์ที่มีอยู่เดิมซึ่งมีความผูกพันฝังลึกในสังคมไทยคือศาสนาพุทธมาเป็นเครื่องมือ
การนำพุทธศาสนาบังคับใช้ ให้นักเรียนต้องรู้ วิขาพระพุทธศาสนาเป็นวิชาบังคับ
คณะราษฎรได้ออกพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2484 ทำให้ชนกลุ่มน้อยชาวมลายูมุสลิม ได้รับผลกระทบกระเทือนทางจิตใจ
ห้ามสอนศาสนาอิสลามในโรงเรียน ให้สอนพระพุทธศาสนาแทน
หลายสิ่ง เช่น บังคับใช้แต่ภาษาไทย บังคับเรียนวิขาพระพุทธ
ศาสนา ส่งผลให้เกิดความรู้สึกว่า รัฐบาลต่อต้านชาวมลายูมุสลิมโดยตรง
การใช้สินค้าไทย รณรงค์ให้ประชาชนใช้สินค้าไทย เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ และส่งเสริมการผลิตสินค้าในประเทศ
นโยบาย "รัฐนิยม" ของจอมพล ป. พิบูลสงคราม มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรักชาติและความเข้มแข็งของชาติในทุกด้าน
การบังคับให้คนทำตามนโยบายใหม่นี้อย่างเอาจริงเอาจัง เคร่งครัดมากเกินเหตุนี้ ดูไปคล้ายการสร้างความรักชาติและภาคภูมิใจในสายเลือดอารยันของ
ฮิตเลอร์ในเยอรมัน หรือ “ลัทธิผู้นำ” ที่เรียกว่า “ฟือเรอร์ ดูเช่”
ฮิตเลอร์เกลียดชาวยิวเป็นชีวิตจิตใจ ชาวยิวร่ำรวย กุมเศรษฐกิจของเยอรมัน
จอมพล ป. เหล่ตามองประเทศตนเอง เอ๊ะชาวจีนคล้ายยิว
ทำไมล่ะ ขณะนั้นชาวจีนร่ำรวยมั่งคั่ง แนวโน้มจะกุมเศรษฐกิจชาติ
ทางภาคใต้ชาวมลายูมุสลิม สอนศาสนาอิสลาม
การเปิดเกณฑ์บังคับใช้ภาษาไทยเป็นภาษาทางการ บังคับพุทธศาสนาในทุกท้องถิ่น เพื่อลดทอนอำนาจของชนกลุ่มน้อยทุกชนเผ่า ทั่วทุกทิศ นี่เองเป็นเหตุให้หลายชนเผ่าไม่พอใจ โดยเฉพาะชาวจีนที่ทำมาค้าขาย ชาวมลายูมุสลิม ทางภาคใต้
การปลุกกระแสความรักชาติ จากการเรียนรู้อดีตอันน่าภาคภูมิใจเริ่มจะหวนกลับคืนมาอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่เต็มที่เช่นสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม
การที่คนไทยแตกออกเป็นก๊กเป็นเหล่าเหมือนสมัยกรุงศรีอยุธยาปลายรัชสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ ทำให้ผู้นำประเทศเริ่มหาทางสร้างสมานฉันท์ด้วยแผนปรองดองแห่งชาติ
ด้วยเหตุปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นทางการเมือง ที่แตกต่างกันคนละขั้ว หรือการปลุกกระแสความรักชาติที่ต้องการหลอมรวมดวงใจคนไทยทั้งชาติให้เป็นหนึ่งเดียวก็ตาม ทำให้การเรียนรู้อดีตกาลของการสร้างบ้านสร้างเมืองของผู้คนบนเกาะรัตนโกสินทร์กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งในยามนี้
คนไทยทั้งชาติควรตระหนักถึงความสำคัญของผืนแผ่นดินที่เป็นจุดกำเนิดก่อเกิดอารยธรรมแบบไทย ๆ จากคนไทยที่อพยพหลบลี้หนีภัยสงคราม มาด้วยกันจากกรุงศรีอยุธยา มาตั้งรกรากบนผืนแผ่นดินริมแม่น้ำเจ้าพระยา ผสมผสานกับจารีตประเพณี วัฒนธรรมของชนเชื้อชาติต่าง ๆ ที่อพยพมาอยู่ด้วยกันหลอมรวมใจจนเกิด “ความเป็นไทย” เช่นในทุกวันนี้
ราชธานีไทยจากครั้งอดีตมาสู่ปัจจุบันจากกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยากรุงธนบุรีศรีมหาสมุทรมาเป็นกรุงเทพมหานครและจะไม่มีราชธานีใหม่อีกถ้าคนไทยทุกคนรักใคร่สามัคคีกลมเกลียวกันปรองดองช่วยเหลือกัน ไม่แบ่งสีแบ่งพวกเพราะแท้จริงเราคือคนไทยเหมือนกันมีหน้าที่ปกปักรักษาเมืองให้มั่นคงถาวรร่วมกัน