ภาวะผู้นำ กับ PMQA
ภาวะผู้นำ : กลไกตอบสนองคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐและความต้องการของชุมชน

หลักการและเหตุผล
คำว่า “โลกแห่งการแข่งขันเปรียบเทียบ” เป็นคำกล่าวที่อยู่ในยุคสมัยตราบเท่าที่มนุษย์มีอารยะธรรม มีความเจริญ และความเสื่อม มีคำกล่าวว่าอะไรก็ตามหากมีการวัดได้ก็จะสามารถมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น เมื่อปี 2540 สภาพเศรษฐกิจของไทยมีความเสียหายเป็นอันมาก เป็นการสูญเสียการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และสูญเสียโอกาสด้านอื่นๆอีกมากมาย อาจเนื่องจากคุณภาพของการบริหารจัดการ ขีดความสามารถของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และคุณภาพของคนในชาติ ต่อมาประเทศไทยได้มีการปฏิรูประบบราชการตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ. ศ. 2545 และพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ. ศ. 2545 เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2545 ทำให้ระบบราชการมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของหน่วยงาน วิธีการทำงาน การปรับเปลี่ยนแนวคิด พฤติกรรมการทำงาน โดยเน้นเป้าหมายสู่ประชาชนอย่างน้อยสองประการ คือ สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วมากขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นจากการการปฏิรูประบบราชการครั้งนั้น รัฐบาลโดยคณะกรรมการพัฒนาระบบบริหาร (ก.พ.ร.) ได้กำหนดปรับเปลี่ยนกฏกระทรวง ระเบียบพระราชบัญญัติ พระราชกฤษฏีกา หลายฉบับ เพื่อเป็นกลไกในการผลักดัน และเสริมสร้างระบบการทำงานภาครัฐในรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. 2546 – 2550) ไว้ 4 ประการได้แก่

1. วิสัยทัศน์การพัฒนาระบบราชการไทย
ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. 2546 – 2550) กำหนดเป็นวิสัยทัศน์ว่า “พัฒนาระบบราชการไทยให้มีความเป็นเลิศ สามารถรองรับการพัฒนาประเทศยุคโลกาภิวัฒน์ โดยยึดหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และประโยชน์สุขของประชาชน”

2. กำหนดเป้าประสงค์หลัก 4 ประการ คือ
2.1) พัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชนที่ดีขึ้น (Better Service Quality)
2.2) ปรับบทบาท ภารกิจ และขนาดให้มีความเหมาะสม (RightsiZing)
2.3) ยกระดับขีดความสามารถ และมาตรฐานการทำงานให้อยู่ในระดับสูงและเปรียบเทียบกับเกณฑ์
สากล (Hight Performance)
2.4) ตอบสนองต่อการบริหารปกครองในระบอบประชาธิปไตย(Democratic Govermance)

3. ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย
ภายใต้เป้าประสงค์ข้างต้น มีการกำหนดยุทธ์ศาสตร์ที่สำคัญ 7 ยุทธ์ศาสตร์ คือ
3.1) การปรับเปลี่ยนกระบวนการและวิธีการทำงาน
3.2) การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดิน
3.3) การรื้อปรับระบบการเงินและการงบประมาณ
3.4) การสร้างระบบบริหารงานบุคคลและค่าตอบแทนใหม่
3.5) การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ วัฒนธรรม และค่านิยม
3.6) การเสริมสร้างระบบราชการให้ทันสมัย
3.7) การเปิดระบบราชการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม

4. การนำยุทธ์ศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ
ในการนำแผนยุทธ์ศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย (พ.ศ. 2546 – 2550) ไปสู่การปฏิบัติอย่างประสบความสำเร็จ จะต้องอาศัยปัจจัยเกื้อหนุน อย่างน้อยที่สุด 4 ประการ คือ
4.1) ภาวะผู้นำ และความเป็นเจ้าของในการบริหารการเปลี่ยนแปลง
4.2) การแก้ไขกฎหมายอันเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาระบบราชการ
4.3) การเชื่อมโยงและบูรณาการสรรพกำลังของทุกภาคส่วนในการพัฒนาระบบราชการ
4.4) การจัดสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาระบบราชการให้แก่ส่วนราชการต่างๆ
ทั้งหมดที่กล่าวนำ คือ บริบทการพัฒนาระบบราชการไทย ในช่วง พ. ศ. 2546 – 2550 ซึ่งจะนำเนื้อหารายละเอียดเสนอเป็นแนวคิดในการพัฒนางานหรือปรับปรุงงานให้มีประสิทธิภาพตามที่หน่วยงานต้องการต่อไป

บทวิเคราะห์/แนวคิด/ข้อเสนอ

แนวคิดเรื่องการใช้ภาวะผู้นำ เพื่อเป็นกลไกตอบสนองคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ และความต้องการของชุมชน แนวคิดในการพัฒนางาน หรือปรับปรุงงาน ให้มีประสิทธิภาพตามนัยที่เสนอนี้ เนื่องจากบริบทการพัฒนาระบบราชการไทย ในช่วง พ. ศ. 2546 – 2550 แม้ว่าในปี 2551 นี้จะผ่านพ้นการพัฒนาตามแผนยุทธ์ศาสตร์นี้แล้วก็ตาม สำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการผลักดันการพัฒนานี้ยังจะคงบทบาทในการผลักดันให้มีการพัฒนาระบบราชการที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป จะเห็นจากคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบให้นำการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ ตามข้อเสนอของสำนักงาน ก.พ.ร. เป็นเครื่องมือการผลักดัน ที่เรียกว่า เกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ หรือเกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2548 เรียกย่อๆว่า “PMQA” (Public Management Quality Award) และในปีงบประมาณ 2551 มีจังหวัดต่างๆอย่างน้อย 19 จังหวัดทั่วประเทศได้ดำเนินการตามตัวชี้วัด “ระดับความสำเร็จของการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ” ตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ หากได้ศึกษาในรายละเอียดจะพบว่า ทั้งยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย ข้อ 4.1 และเกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐที่กำหนดไว้ในหลักคิด : 11 Core Value ให้ความสำคัญอย่างยิ่งข้อหนึ่ง คือ ภาวะผู้นำ และการนำองค์กรอย่างมีวิสัยทัศน์

ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าสังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกๆภูมิภาคของโลก ประเทศไทยซึ่งจัดอยู่ในประเทศที่กำลังพัฒนาย่อมได้รับผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วย การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจนอย่างน้อยสองประการได้แก่ภาษากลางของชาวโลก ที่นิยมใช้กันมากที่สุด คือ ภาษาอังกฤษ และเทคโนโลยีการสื่อสารคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เนตเครือข่ายไร้พรมแดน ในบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้วมีการนำเอาระบบคุณภาพในการบริหารจัดการมาใช้ทั้งภาครัฐและเอกชน มากกว่า 70 ประเทศเพื่อเพิ่มผลผลิตและยกระดับคุณภาพมาตรฐานการทำงานไปสู่ระดับสากล (Hight Performance)

ขณะเดียวกันได้มีบทสรุปที่มองให้เห็นว่า ก่อนปี 2504 การพัฒนาเขตเมืองและชนบทของภาคราชการไทย คือ “ยุคผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม” เป็นอุทาหรณ์ในการพัฒนา เพราะคนยุคนั้นใช้วิถีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ใช้ภูมิปัญญา ภูมิรู้ ใช้ประสบการณ์ตามลักษณะอาชีพและความถนัด ไม่มีคนภายนอกมาบังคับด้วยเงินตราและวิธีการอื่นมาชี้นำให้ทำตาม ชาวบ้านมีอิสระในความคิด ทำเพื่อความอยู่รอดมากกว่าความร่ำรวย ต่อเมื่อประเทศไทยได้มีการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่แผนเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะไม่เป็นไปตามหลักธรรมชาติ คือความเจริญของการพัฒนาไปปรากฏขึ้นที่กลุ่มคนระดับส่วนบนมากกว่าส่วนล่าง คนส่วนล่างขาดการมีส่วนร่วม ขาดโอกาส ขาดการเรียนรู้ ขาดความมีอิสระในการคิดเอง ทำเอง สังคมไทยเปลี่ยนตัวเองจากที่อยู่แบบ “พอเพียง” เป็นสังคมที่อยู่แบบมั่งคั่ง แบบสะสมส่วนเกิน ระดมการผลิตและส่งเสริมการบริโภคแบบทันสมัย เป็นยุคสมัยแห่งการสร้างหนี้สิน ครอบครัวแตกแยก ชุมชนล่มสลาย มีปัญหาโรคเอดส์และยาเสพติด

มองว่าหากมีการปรับแผนใหม่ พัฒนาระบบราชการใหม่ โดยเปิดโอกาสให้ทุกคน ทุกฝ่าย ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการพัฒนายึดหลักให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยภาคราชการทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง คอยให้การสนับสนุนและส่งเสริม ภาคราชการที่ประกอบไปด้วย ตัวแทนจากกระทรวง ทบวง กรม ทุกระดับ เช่น นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ครูอาจารย์ ผู้นำในชุมชน ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล/ส่วนจังหวัด อาสาสมัครสาธารณสุขในหมู่บ้าน และกลุ่มทุนต่างๆในชุมชน เช่น กองทุนสุขภาพประจำตำบล กองทุนเงินล้าน เป็นต้น โดยนับรวมชุมชนเขตเมืองและชนบท หากใช้กลไกเหล่านี้เพื่อตอบสนองคุณภาพบริหารจัดการภาครัฐและความต้องการของชุมชนด้วยภาวะผู้นำทั้งในแง่มุมวิชาการ และพฤติกรรมตามมิติของผู้นำ เช่น ความเสียสละ จริงใจ โปร่งใส อุทิศตน และทำตนเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคม โดยผู้นำจะต้องมองบริบทของสังคม ที่จะสร้างความอบอุ่น ความรักความสามัคคี การช่วยเหลือเกื้อกูลไม่เอารัดเอาเปรียบ ใช้ทุนทางสังคมที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ประชาชนมีส่วนร่วมแก้ปัญหาชีวิตด้วยตนเอง แบบใช้สติปัญญานำหน้าใช้เงินตราตามหลัง

แนวคิดที่เสนอนี้เสนอเป็นมุมมองในเชิงภาวะผู้นำ ที่มีต่อกลไกตอบสนองคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐและความต้องการของชุมชนทางด้านวิชาการซึ่งมองเชิงระบบที่เกี่ยวข้องการบริหารงานและงานบริการสาธารณสุขในชุมชน โดยแบ่งเป็นสองส่วนได้แก่แนวคิดการบริหารจัดการ ผู้นำ และภาวะผู้นำ อันจะส่งผลตอบสนองคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐและความต้องการของชุมชน

แนวคิดการบริหารจัดการ (Management concept) เป็นแนวคิดต่อการทำงานที่จะให้บรรลุผลสำเร็จ จะต้องมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิผล (effectiveness) และประสิทธิภาพ(efficency) การบริหารจัดการเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับองค์กรทุกขนาด ทุกประเภท และทุกระดับขององค์กร ดังนั้นผู้บริหาร คือ บุคคลที่เป็นหัวหน้าหรือผู้นำองค์กร เป็นผู้จัดระเบียบการใช้ทรัพยากร การประสานงานของบุคคลฝ่ายต่างๆ เป็นผู้รับผิดชอบ ทำงานให้สำเร็จตามเป้าหมาย
Federick W. Taylor เสนอแนวคิดการบริหารที่มีหลักเกณฑ์ สาระสำคัญของแนวคิดนี้ คือ “การเปลี่ยนจากความไม่มีประสิทธิภาพ อันสืบเนื่องจากการวิธีปฏิบัติที่ไม่มีหลักเกณฑ์ มาเป็นความมีประสิทธิภาพ มีวิธีการบริหารอย่างมีหลักเกณฑ์ที่กำหนดขึ้นโดยตัวผู้บริหาร ตามความรับผิดชอบที่ควรจะมีมากขึ้นกว่าเดิม” หลักเกณฑ์สำคัญที่กล่าวถึง 4 ประการได้แก่

1. ต้องมีการคิดค้นและกำหนดวิธีที่ดีที่สุด (One best way) สำหรับงานที่จะทำแต่ละอย่าง
2. ต้องมีการคัดเลือกและพัฒนาคน หมายถึง การตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของคน รู้จักจัดงานให้เหมาะสมสอดคล้องกับคน
3. พิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับวิธีทำงาน ซึ่งการทำงานอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผลผลิตสูงขึ้น
4. ประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างผู้บริหารและพนักงาน แต่ไม่ใช่เป็นการลงมือปฏิบัติงานที่ควรจะเป็นของพนักงานนั้นๆ

Fayol ได้เสนอแนวคิดด้านการบริหาร ไว้ดังนี้
1. แนวคิดเกี่ยวกับหน้าที่การบริหาร(Management fuctions) หน้าที่การบริหารมี 5 ประการ คือ
การวางแผน Planning
การจัดองค์กร Oganizing
การบังคับบัญชาการสั่งการ Commanding
การประสานงาน Coordinating
การควบคุมกำกับงาน Controlling
2. ผู้บริหารจะต้องมีคุณลักษณะพร้อมด้วยความสามารถทางร่างกาย จิตใจ ไหวพริบ การศึกษาหาความรู้เทคนิคในการทำงานและประสบการณ์ต่างๆ
3. แนวปฏิบัติสำหรับผู้บริหาร หรือที่เรียกว่า หลักการบริหาร (Management Principles) มีหลักการ 14 ประการ คือ
ต้องมีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ (Authority and responsibility)
ต้องมีการบังคับบัญชาเพียงคนเดียว (Unity of Command)
ต้องมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน(Unity of Direction)
ต้องธำรงไว้ซึ่งสายการบังคับบัญชาตามลำดับ (Scalar chain)
ต้องมีการแบ่งงานกันตามถนัด (Specialization)
ต้องมีระเบียบวินัย (Discipline)
ต้องถือประโยชน์ส่วนตนรองจากประโยชน์ส่วนรวม(Subordination of individual to general
interrest)
ต้องให้ประโยชน์ตอบแทนอย่างยุติธรรม (Renumeration)
ต้องกระจายอำนาจ/มอบอำนาจตามสมควร (Centralization)
ต้องมีระเบียบเรียบร้อย (Order)
ต้องมีความเสมอภาค (Equity)
ต้องมีเสถียรภาพของการว่าจ้างงาน(Stability of tenure)
ต้องมีความคิดริเริ่ม (Intiative)
ต้องมีความสามัคคี (Esprit of corps)

แนวคิดด้านความเป็นผู้นำ หรือ ภาวะผู้นำ ในองค์กรที่มีการดำเนินงานเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จำเป็นต้องมีผู้บริหารระดับต่างๆ เพื่อให้งานสำเร็จดังความมุ่งหมาย ผู้บริหารจึงต้องทำหน้าที่เป็นผู้นำ (Reader) โดยทั่วไปจะแบ่งลักษณะผู้นำออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. ผู้นำแบบเผด็จการ (Autocratic Leader) เป็นลักษณะที่เน้นการออกคำสั่ง ตัดสินใจด้วยตัวเองเป็นส่วนมาก ไม่ค่อยมอบอำนาจให้แก่ผู้บังคับบัญชา
2. ผู้นำแบบประชาธิปไตย(DemocreticLeader)เป็นผู้นำที่ให้ความสำคัญต่อผู้ใต้บังคับบัญชา เปิดโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชาแสดงความคิดเห็น และมีโอกาสร่วมตัดสินใจ
3. ผู้นำแบบเสรีนิยม(Laissez-faire Leader)เป็นผู้นำที่ไม่สามารถควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาได้

รูปแบบพฤติกรรมของผู้นำ (Leader behaviour) แบ่งเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้
รูปแบบที่ 1 แบ่งตามการศึกษาของมหาวิทยาลัยมลรัฐโอไฮโอ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1. พฤติกรรมมุ่งสร้างโครงสร้าง(Initiating structure) ผู้นำมีลักษณะดังนี้
- จัดบทบาทและกลุ่มสมาชิกอย่างชัดเจน
- กำหนดวัตถุประสงค์ของภารกิจ
- กำหนดมาตรการในการทำงาน เงื่อนไขเวลา สถานที่ และผู้รับผิดชอบ
2. พฤติกรรมมุ่งสร้างน้ำใจ(Consideration) เป็นผู้นำที่มีการสื่อสาร 2 ทางตอบสนองความต้องการของกลุ่ม ให้ความไว้วางใจต่อทีมงาน ให้เกียรติและรับความคิดเห็นเน้นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน
รูปแบบที่ 2 เสนอโดย Hersay และ Blanchard 1988 เป็นการเสนอแนวคิด Situational Leadership ซึ่ง
แบ่งพฤติกรรมของผู้นำออกเป็น
1. พฤติกรรมมุ่งงานคู่กับโครงสร้าง (Task parallels structure)
2. พฤติกรรมมุ่งคนคู่กับการสร้างสัมพันธภาพที่ดี

ซึ่งตามแนวคิดนี้จะแบ่งผู้นำออกเป็น 4 ลักษณะ คือ
1). มุ่งงานสูง และมุ่งคนต่ำ ผู้นำประเภทนี้ จะมีลักษณะ
- สื่อสารทางเดียว
- กำหนดงาน กำหนดบุคคลรับผิดชอบ กำหนดระยะเวลาดำเนินงาน
- พึงพอใจเมื่องานบรรลุเป้าหมาย
- กลุ่มไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
2). มุ่งงานสูง และมุ่งคนสูง
- จัดสมดุลย์ระว่างผลสัมฤทธิ์ของงานและสนใจความต้องการของผู้ใต้บังคับบัญชา
- กำหนดงานและผู้รับผิดชอบ แต่เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานแสดงความคิดเห็น
- ปรับแผนงานได้ เมื่อผู้ร่วมงานส่วนใหญ่เสนอแนะ
3). มุ่งงานต่ำ และมุ่งคนสูง
- สนใจความต้องการของคน เพื่อให้คนสามารถทำงานได้ตามเป้าหมาย
- เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงาน ร่วมตัดสินใจ
4). มุ่งงานต่ำ และมุ่งคนต่ำ
- ไม่มีลักษณะผู้นำ
- ให้ผู้ร่วมงานดำเนินการเอง แต่จะเป็นที่ปรึกษาหรือผู้สนับสนุน เมื่อกลุ่มต้องการ
- อำนาจการควบคุมอยู่ที่ผู้ร่วมงานแทน

ทักษะของผู้บริหาร
Katz (1955) เป็นคนแรกที่เสนอว่าผู้บริหารควรมีทักษะสำคัญ 3 ประการ คือ
1). Technical skill หมายถึง ความสามารถที่จะใช้ความรู้ เทคนิควิธีการต่างๆ ที่เกิด
จากประสบการณ์ การศึกษา และการฝึกอบรม
2). Human skill หมายถึง ความสามารถที่จะปรับตัวในการทำงานกับคนหลาย
ประเภท รวมทั้งเข้าใจถึงแรงจูงใจ และการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ
3). Conceptual skill หมายถึง ความสามารถที่จะคิดหาวิธีการให้บรรลุเป้าหมายของ
องค์การ

ผู้บริหารทุกระดับจะต้องมีทักษะทั้ง 3 ด้าน โดยผู้บริหารระดับต้นต้องมี Technical skill มากกว่า
ทุกระดับ และผู้บริหารระดับสูงต้องมี Conceptual skill มากที่สุด ในขณะที่ผู้บริหารทุกระดับต้องมี
Human skill



ผู้นำยุคโลกาภิวัฒน์
รศ. ดร. สมเจตน์ ทิณพงษ์ เสนอลักษณะผู้นำยุคโลกาภิวัฒน์ไว้ดังนี้
- เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ และปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมาย
- สร้างผู้ตาม
- ริเริ่มสร้างสรรค์ คิดและนำในสิ่งที่ถูกต้อง (Do the right things)
- มีความคิดฝันถึงอนาคต จะทำให้บรรลุเป้าหมายอย่างไร เมื่อไร(Horizons)
- มีความรู้ มีปัญญา เป็นนักคิด (Head)
- มีการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย (Hand)
- ทำงานด้วยใจรัก รักเพื่อนร่วมงาน และผู้รับบริการ(Hart)
- มีสุขภาพดี ทั้งกายและใจ (Health)
โดยผู้นำยุคใหม่ต้องมี 5P ในการบริหาร ได้แก่
- Picture เป้าหมายชัดเจน สำหรับทุกคนในองค์กร
- Problem/Plan เห็นปัญหาร่วมกัน และวางแผน
- Priority จัดลำดับความสำคัญของปัญหา
- People จัดงานเหมาะกับคน
- Progress ติดตามความก้าวหน้าของงาน

การพัฒนาภาวะผู้นำมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1. เพื่อเพิ่มทักษะในการประสานงานและการทำงานให้แก่ผู้ปฏิบัติพร้อมทั้งการเพิ่มพูนและปรับปรุงวิชาการกับเทคโนโลยีใหม่ๆ
2. เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและการปรับตัวของผู้ปฏิบัติงาน
3. เพื่อการเพิ่มผลผลิต
4. เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานทำให้ทุกคนเห็นว่าการพัฒนาตัวเขานั้นทำให้เขามีโอกาสก้าวหน้า ได้เลื่อนตำแหน่ง และมีรายได้เพิ่มขึ้น
5. สร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงาน

เป้าหมายการพัฒนาภาวะผู้นำ
แบ่งออกได้ เป็น 3 ส่วน ดังนี้
1. เพื่อพัฒนาภาวะผู้นำในองค์กรหรือในหน่วยงานเดียวกัน ได้แก่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ หัวหน้าสถานีอนามัย เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และลูกจ้าง ทุกคน จำนวน 29 คน
2. เพื่อพัฒนาภาวะผู้นำนอกองค์กรหรือนอกหน่วยงาน ได้แก่ ส่วนราชการต่างๆในอำเภอ เช่น เกษตร พัฒนากร ปศุสัตว์ วัฒนธรรม ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฝ่ายปกครอง จำนวน 50 คน
3. เพื่อพัฒนาภาวะผู้นำในภาคเอกชนและประชาชน เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำคุ้มบ้าน อาสาสมัครสาธารณสุข(อสม.) กลุ่มสตรี กลุ่มเยาวชน จำนวน 800 คน
กิจกรรมดำเนินการ
1. การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการของบุคลากรสาธารณสุขในพื้นที่ หลักสูตร 10 ชั่วโมง
2. การประชุมระดมสมอง มอบนโยบาย ติดตามงาน ประเมินผลงาน เดือนละ 1 ครั้ง
3. การรายงานผลการปฏิบัติงานทุกเดือน
4. การศึกษาดูงานในและนอกพื้นที่
วิธีดำเนินการ
1.จัดทำโครงการพัฒนาภาวะผู้นำในองค์กรหรือในหน่วยงานเดียวกัน ซึ่งเป็นการจัดการด้านบริหารที่ต้องมีแบบแผน ใช้ทั้งศาสตร์ทางวิชาการและใช้ศิลปะที่สามารถมีอิทธิพลเหนือคนอื่น ผู้นำที่สร้างขึ้นมีทักษะที่สามารถชี้นำบุคคลอื่นโดยให้เขาเกิดความไว้วางใจและเชื่อใจอย่างเต็มที่ พร้อมให้ความเคารพนับถือและมีความมั่นใจในตัวผู้นำอย่างจริงจัง สามารถจูงใจหรือใช้อิทธิพลต่อบุคคลอื่นในสถานการณ์ต่างๆเพื่อปฏิบัติการ และอำนวยการโดยการใช้กระบวนการสื่อความหมายให้ร่วมใจกับตน ดำเนินการจนกระทั่งบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ มีการค้นหาปัญหาที่แท้จริงขององค์กรเพื่อนำมาใช้ในการวางแผนงาน และการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง ผู้นำต้องมีการพัฒนาตัวเองให้ทันกับสถานการณ์ต่างๆ ตลอดเวลา โดยการศึกษา หรือฝึกอบรม อย่างต่อเนื่อง โดยการพัฒนาในขั้นตอนนี้เริ่มจากกระบวนการกำหนดหลักสูตร การสรรหาวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ การปฐมนิเทศ การประชุมกลุ่ม การดำเนินงานตามโครงการนี้ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และการนิเทศติดตามไม่ต่ำกว่า 2 เดือน/ครั้ง
2.การพัฒนาภาวะผู้นำนอกองค์กรหรือนอกหน่วยงาน คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการปฏิบัติงานจะสำเร็จผลตามวัตถุประสงค์ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งบุคลากรทั้งในองค์กร หรือในหน่วยงาน และที่สำคัญที่จะขาดไม่ได้คือ การร่วมมือกับนอกองค์กรหรือนอกหน่วยงานเช่นกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น การสร้างภาวะผู้นำในระดับนี้ เป็นลักษณะการติดต่อประสานงาน การประชุม และการมีกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งการที่จะทำให้เกิดภาวะผู้นำระดับนี้เป็นการเกิดขึ้นได้โดยไม่ยาก ส่วนใหญ่ภาวะผู้นำนอกองค์กรหรือนอกหน่วยงานที่พึงประสงค์จะต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ไม่คิดอยู่ในกรอบ ยอมรับฟังปัญหาของผู้อื่น กล้าแสดงความคิดเห็นที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้งานในระหว่างองค์กรดำเนินการได้อย่างราบรื่นและบรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมาย ซึ่งกำหนดเป้าหมายในการทำงานหรือประชุมร่วมกันอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
3.การพัฒนาภาวะผู้นำในภาคเอกชนและประชาชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำคุ้มบ้าน อาสาสมัครสาธารณสุข เป็นเป้าหมายสำคัญที่จะเป็นผู้นำเอานโยบายสู่การปฏิบัติ การสร้างผู้นำระดับนี้เป็นการสร้างทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยมีการแบ่งงานแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ผ่านกระบวนการสร้างภาวะผู้นำมาแล้ว โดยมีการจัดทำโครงสร้างหลักสูตร ผู้นำชุมชน ด้านสาธารณสุข ในรูปแบบการมีส่วนร่วมแบบบูรณาการอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ จัดประชุมพัฒนาศักยภาพการเป็นผู้นำของอาสาสมัครสาธารณสุขทุกๆ 3 เดือน นิเทศติดตามทุกเดือน มีการประกวดกิจกรรมดีเด่นประจำปี เป็นต้น

ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.ประชาชนได้รับบริการด้านสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็วมากขึ้น
2.บุคลากรด้านสาธารณสุขได้รับการพัฒนาภาวะผู้นำสามารถให้บริการแก่ประชาชนอย่างมี
ประสิทธิภาพ
3.ระบบราชการไทยได้รับการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ

ตัวชี้วัดความสำเร็จ
1. มีการจัดทำโครงการอบรมและพัฒนาหลักสูตรการสร้างภาวะผู้นำ และมีกิจกรรมตามโครงการไม่
ต่ำกว่า 1 หลักสูตร
2. คะแนนจากการประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานในระดับอำเภอและระดับจังหวัดทั้งด้าน
ปริมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 หรือระดับ A และเชิงคุณภาพในระดับ ดี
3. หน่วยงานระดับอำเภอ (สสอ. รพช. คปสอ.) ได้รับการประเมินรางวัลคุณภาพแห่งชาติ หรือเกณฑ์
คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ เรียกย่อๆว่า “PMQA” (Public Management Quality Award) ผ่าน
การประเมิน 100 %



เอกสารอ้างอิง

กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวง กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร.กฏหมายระเบียบและแนวทางปฏิบัติที่
เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบราชการ 2547.
ครู เคลื่อน นาราช. แนวคิด แนวปฏิบัติ และประสบการณ์ การพัฒนาชุมชนระดับรากหญ้า (เอกสาร
ประกอบการบรรยายวิทยากร ไม่ทราบปีพิมพ์)
ติน ปรัชญพฤทธิ์. การพัฒนาการบริหารงานบุคคล(การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์) เอกสารประกอบการฝึกอบรม
โครงการพัฒนาและเตรียมผู้บริหารรัฐกิจ รุ่นที่ 10. 2 มิถุนายน- 29 สิงหาคม 2540
ผศ.น.พ กิติ ตยัคคานนท์. เทคนิคการสร้างภาวะผู้นำ สำนักพิมพ์ บริษัท เชษฐ สตูดิโอฯจำกัด, 2531
ธงชัย สันติวงษ์ , องค์การและการบริหาร.ฉบับแก้ไขปรับปรุง กรุงเทพมหานคร,บริษัทไทยวัฒนาพานิช จำกัด
2539
บุญทิวา บุณยะปภัศร ,การบริหารทรัพยากรบุคคล, เอกสารประกอบการฝึกอบรม ,โครงการพัฒนาและเตรียม
ผู้บริหารรัฐกิจ รุ่นที่ 10. 2 มิถุนายน- 29 สิงหาคม 2540
พีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ,วัดรอยเท้าช้าง ,พิมพ์ครั้งที่ 2 กรุงเทพมหานคร.บริษัทอินเตอร์เนชัลแนล เอ็นจีเนียริ่ง
(มหาชน) จำกัด ,2542
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, คู่มือคำอธิบายตัวชี้วัด การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ
ปีงบประมาณ 2551,พิมพ์ครั้งที่ 1 เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร, บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งพับลิชชิ่ง
จำกัด (มหาชน),2550
ศิริกุล อิศรานุรักษ์, หลักการวางแผนงานอนามัยครอบครัว, พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพมหานคร, เจริญดีการพิมพ์,
2542



Create Date : 05 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2552 14:26:22 น.
Counter : 2530 Pageviews.

3 comments
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
ไม่ลอดช่องโหว่ ปัญญา Dh
(2 ม.ค. 2567 13:44:30 น.)
BUDDY คู่หู คู่ฮา multiple
(3 ม.ค. 2567 04:49:04 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
  
ของผม นาย
สั่งอย่างเดียว
แล้วก็ รับชอบ
ไม่ค่อยรับผิด
555
โดย: kuk-42 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:51:03 น.
  
ตราบใดที่วัฒนธรรมองค์การไม่เปลี่ยนคนในองค์การก็คงเปลี่ยนยาก โดยเฉพาะ Boss ควรมีภาวะผู้นำเชิงวัฒนธรม เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีขององค์การ
โดย: naruechon Lai-ngarm IP: 119.31.126.141 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:04:15 น.
  
''น้ำไหลอายุขัยก็ไหลล่วง

ใบไม้ร่วงชีพก็ร้างอย่างความฝัน

ฆ่าชีวาคือพร่าค่าคืนวัน

จะกำนัลโลกนี้มีงานใด''

อังคาร กัลยาณพงศ์

ミ♡ ทักทายด้วยด้วยกลอนไพเราะ มีคติดีค่ะ ♡ミ
โดย: Elbereth วันที่: 4 ธันวาคม 2552 เวลา:18:56:55 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Drmen.BlogGang.com

sunchart
Location :
ยโสธร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]