Backpacker Hiso 4 : Furano



B a c k p a c k e r   H i s o : F u r a n o  



ไปเที่ยวกันต่อดีกว่าครับ วันนี้เราจะไปเที่ยว Furano กันครับ

Furano เป็นเมืองที่อยู่กลาง ๆ เกาะ Hokkaido ครับ เมืองนี้ ต้องพูดถึงคู่กับ Biei (อ่านว่า บิ-เอ) ครับ เมืองสองเมืองนี้มีชื่อเสียงเรื่องของเมืองเพาะปลูกที่ตั้งบนเนินเขาสลับซับซ้อน อยู่ไม่ห่างกันมากนัก เหมาะกับการไป ดู วิวมากครับ (ว่าแต่ ไม่ดูวิว แล้วจะทำอะไรเหรอครับนั่น 5 5 5)

เอาเป็นว่า เรามาเริ่มกันที่ Furano ดีกว่าครับ แล้วค่อยเดินทน เอ๊ย เดินทางไปยังเมือง Biei ต่อไป

เช่นเคยครับ เมื่อเที่ยวไปงงไปกับนาย dont กรุณาไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น (ยังกับ blog ไสยศาสตร์แฮะ...) ผู้ปกครองควรพิจารณา (PARENTAL ADVISORY) ห้ามนำไปใช้อ้างอิงเด็ดขาด ครับ ถ้าเกิดความผิดพลาดประการใด ผมรับทราบ แต่ไม่รับผิดด้วยนะเออ


รถด่วน ไป Furano ครับ เป็น Limited express โดยที่สามารถใช้ได้กับตั๋ว JR Hokkaido Pass และ JR Rail Pass ได้ครับ มีหลายขบวนต่อวันอยู่หรอก ลองดูในตารางรถไฟหน้าสถานีก่อนออกเดินทางก็ได้

ส่วน Fighters นั่น เป็นทีมเบสบอลของ Hokkaido ครับ ชื่อดังพอควรทีเดียว ประเทศญี่ปุ่นยังมีทีมอื่น ๆ ที่ดัง ๆ อีกก็เช่นทีม Giant น่ะครับ (ว่าแต่ ซุเนะโอะ กะ โนบิตะ ไม่ยักมีทีมแฮะ) คนญี่ปุ่นจะชอบดูเบสบอลมาก ๆ หลัง ๆ เพิ่งจะมาฮิตฟุตบอลกัน (เค้าเรียก sakkaa- ซักก้า ทับศัพท์ภาษาอเมริกันครับ ถ้าฟุตบอลเค้าจะคิดถึง American football มากกว่า)






Furano อย่างที่ได้ว่าไปแล้ว เป็นเมืองเล็ก ๆ ใจกลางเกาะ Hokkaido ครับ แต่ครั้งก่อนนั้นทำการปลูกทุ่งลาเวนเดอร์ไว้สำหรับใช้ภายในประเทศ ต่อมา เล่ากันว่า (อ้าว ก็ผมไม่ใช่คนแถวนั้นนิ จะไปรู้เค้าได้ยังไงล่ะครับ โถ่...ก็ต้องจำขี้ปากเค้ามานั่นล่ะ) มีการนำเข้าลาเวนเดอร์มาจากต่างประเทศในราคาไม่แพง ทำให้การปลูกลาเวนเดอร์ลดความสำคัญในแง่กสิกรรมลง ชาวบ้านเริ่มหันมาปลูกไว้เป็นที่ท่องเที่ยวแทนครับ

เมืองที่เราจะไปชื่อว่า Nakafurano ก็ แปลกันดื้อ ๆ ว่า กลาง Furano นี่ล่ะครับ (Naka-กลาง) หลังจากนั้นต้องต่อรถหวานเย็น อ่า รถไฟที่มันจอด (แม่ง) ทุกสถานีน่ะครับ เราจะไปยังสถานี (เรียกป้ายหยุดรถน่าจะ work กว่าครับ) ชื่อ Lavender Farm Station เพราะมันก็เป็นที่ตั้งของฟาร์มชือดัง

อ่า ไม่ใช่ชื่อ "พันกร" หรืออะไรแบบนั้นครับ ชื่อดังที่ว่าหมายถึงว่ามีชื่อเสียงน่ะครับ (มุกนี้ใช้บ่อยแฮะ ท่าจะแป๊กเร็ว ๆ นี้ ทน ๆ ใช้ก่อนแล้วกันนะครับ จนกว่าจะหามุกอื่นได้)

สำหรับที่พักงวดนี้เป็นบ้านพักเยาวชน (อย่าถามอายุผมนะครับ เอาเป็นว่าวัยยังพักได้ แม้จะใช้คำว่า "เยาวชน" ไม่เหมาะ (อย่างแรง) แล้วก็ตาม) ที่อยู่แถว ๆ เมือง Bibaushi ครับ สถานีนี้เป็นสถานีที่เล็ก และไม่มีคนเฝ้าครับ (no man station) ตั๋วเค้าจะมาตรวจในรถครับ เราก็แค่โชว์บัตรเบ่ง (ก็ JR Hokkaido Pass ไงครับ) เท่านั้นเอง

แค่ผ่านมาเปลี่ยนรถที่สถานี Nunobe ครับ เป็นสถานีริมทางเล็ก ๆ คุณที่ใส่หน้ากากก็คงจะเป็น mascot ของเมืองนี้ล่ะ แต่ว่า เค้าเป็นใคร มายืนหน้าเบี้ยว ๆ ทำไมนี่ ไม่รู้เหมือนกันแฮะ แต่ก็น่ารักดีครับ ถ้าดูให้ไกลพอ 5 5 5 5 5 5





เราจะเดินทางไปยังเมือง Nakafurano กันด้วยรถด่วนไม่ได้ครับ เพราะว่า สถานีนี้ค่อนข้างเล็กถึงเล็กอิบอ๋ายครับ เราต้องต่อรถหวานเย็นธรรมดาเข้าไป

รถที่เดินทางไปมีทุก ๆ ครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ครับ ในวันหยุดอาจจะเพิ่มรอบได้ แต่ว่า ผมก็ไม่แน่ใจ ลืมตารางไปแระ

รถไฟหวานเย็นน่านั่งมากครับ ถ้าเป็นวันหยุดช่วงกลางวัน จะมีรถเก่า ๆ แบบนี้มาบริการครับ หน้าตาเหมือนร้านน้ำชามากกว่ารถไฟ ผมว่าคนญี่ปุ่นเค้าหัวดี (ie atama) นะครับ รถแบบนี้ ถ้าปกติดูไม่ทันสมัยอาจจะเก็บขายเซียงกงไปแล้ว แต่ว่า เค้ามาปัดฝุ่นทาสีซะ โปรโมทเป็นรถไฟท่องเที่ยวแนวย้อนยุค retro ซะหน่อย ก็ถึงกับมีหลาย ๆ คนอยากไปนั่ง ต้องหาโอกาสมานั่งแล้วล่ะครับ


รถไฟที่ว่าครับ ขนาดประมาณ 2-3 ตู้ ภายในเป็นแบบรถไฟเก่า ๆ คือมีที่นั่งเป็นไม้ และมีโต๊ะตรงกลางเหมือนร้านค้าเล็ก ๆ ครับ หน้าต่างนั้นมีส่วนประกอบของกระจกยาวมากเกือบจรดพื้นรถเลย หน้าต่างด้านบนเปิดได้ด้วยครับ




ภายในรถก็น่ารัก ดีครับ จะเป็นลักษณะคล้าย ๆ รถเก่าสมัยยังไม่มี Heater ใช้ ต้องใช้เครื่องทำความร้อนแบบเตาถ่านหินอยู่เลย

นี่คือเตาที่ว่าครับ เราสามารถเติมถ่านหินได้เอง (อ้าว ก็ไม่มีคนหรือป้ายห้ามไว้นี่หว่า ถ้าไม่อยากให้เล่นก็แปะป้าย (ให้กรูอ่านออก) ไว้สิครับ เนอะ เนอะ) เตาที่ว่าอุ่นกำลังดีเลยครับ ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป (ก็แหงมน่อ เพราะนั่งซะห่างเตาขนาดนั้น เอิ๊กส์)

ดูรวม ๆ แล้ว Classic ดีครับ


ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเห็นการใช้เตาผิงแบบใช้ถ่านหินเป็นครั้งแรกครับ เพิ่งเคยเห็นถ่านหินว่าเป็นแบบนี้นี่เอง (ด้านข้าง ๆ เตาที่มีกล่องน่ะครับ) เตารุ่นนี้แถมมาพร้อมกับเหล็กเขี่ยไฟหน้าตาพื้น ๆ ธรรมดา และตะหลิวตักถ่านหน้าเหมือนบ้านเราเปี๊ยบเลยครับ




ภายในรถนั้น, จะว่าไปก็เป็นโชคดีของผมด้วย, มีการตกแต่งให้เข้ากับเทศกาลครับ ช่วงนี้เดือนตุลาคมก็ต้อง Halloween เลยครับ มีการเอา decorations มาประดับทั้ง ฟักทอง ทั้งค้างคืน เอ๊ย ค้างคาว และยังมีสายระโยงระยาง (ไม่รู้เค้าเรียกว่าอะไรน่ะสิครับ) ด้วย ก็ดูสดใสรื่นเริงดีทีเดียวเชียวล่ะครับ


decoration รูปฟักทอง จริง ๆ ก็ไม่เห็นจะเป็นญี่ปุ่นตรงไหนเลยนะครับ แต่ว่าก็ไปแจมกับเค้าซะงั้น (อ้าว ไปแขวะเค้าอีกแฮะเรา...เฮ้อ...)





แม้แต่คนเก็บตั๋วก็ยังแต่งตัวด้วย costume ตามเทศกาลครับ ไม่รู้ว่าหน้าอื่นเค้าแต่งตัวแบบไหนนะเนี่ย น่าสนใจ เช่น หน้าร้อน อาจจะมาในรูปของ Bikini 2 pieces หรือเปล่าน๊า~ กรึ๋ยส์ ๆ

เจ้าตะกร้าฟักทองที่ห้อยที่แขนนั่น ภายในเป็นลูกอมหลอกเด็กครับ (ผมก็โดนหลอกไปด้วย อิ อิ)

ด้านหน้าสุด (หัวขบวน) ของรถโดยสารนี้จะมีตู้ขายของที่ระลึก และมีที่ Stamp ด้วยครับ มีขายบุหรี่ postcard (ราคาแพง) และบุหรี่ (ราคาปกติ) ไว้บริการ

เรื่องที่ Stamp นี่ก็น่าสนใจดี เกือบทุกเมือง เกือบทุกสถานที่ท่องเที่ยวจะมีตราประทับให้เราปั๊มเก็บไว้เป็นที่ระลึกครับ ว่ากันว่า ทางบริษัทรถไฟ JR เนี่ย ถึงกับมีสมุดเล่มเล็ก ๆ สำหรับสะสมตราประทับนี้เลยครับ ตราประทับแต่ละที่ก็จะแสดงสัญลักษณ์ของเมือง หรือของสถานที่ท่องเที่ยวนั้น ๆ ครับ เช่น ที่ Sapporo ก็เป็นรูปหอนาฬิกา อะไรทำนองนี้ล่ะครับ


คนเก็บตั๋วครับ น่าร๊ากกกก อยากนั่งไปนั่งมาหลาย ๆ รอบเลยครับ สำหรับสาว ๆ ไม่ต้องเสียใจ เพราะหนุ่มน้อย Guard รถก็หน้าตาผ่าน mean (เกณฑ์เฉลี่ย) เช่นกันครับ คือหน้าตาธรรมดานี่ล่ะ แต่ว่า ผิวสวยครับ ยังไงเสียก็ต้องไปดูด้วยตาตัวเองนะครับ ผมไม่นิยมหนุ่ม ๆ ครับ ไม่เน้น อิ อิ





ในที่สุด เราก็มาถึง Lavender Farm Station กันเสียทีครับ นี่ล่ะครับ สถานี อันที่จริงน่าจะเรียกว่าป้ายหยุดรถมากกว่า ดูมันช่างหน้าตาเงียบเหงาจริง ๆ นะครับ ไม่ไกลจาก Sapporo เท่าไหร่หรอกครับ สำหรับสถานี้นี้นั้น รถจะจอดแค่บางขบวนเท่านั้น กรุณาพิจารณาเวลาที่รถกลับจะมาให้ดีครับไม่งั้นจะได้นั่งเหงาหลับคาสถานีแน่ ๆ


ป้ายต้อนรับที่สถานี... จริง ๆ ควรจะเรียกว่า ป้ายหยุดรถมากกว่าครับ เพราะว่าเล็กมาก จนถึงเล็กมากที่สุด ตดแล้วได้ยินทั้งชานชาลาล่ะครับนั่น





ก็ ดูที่นั่งพักรอรถสิครับ มันอนาถเอน็จซะนี่กระไร


ที่พักผู้โดยสารของป้ายหยุดรถนี้ พื้นยังเป็นดินเลยครับ แบบนี้เราเรียกว่า เพิงชัด ๆ (แต่ว่า เรียกเพิงหมาแหงนหรือเปล่าไม่แน่ใจครับ ช่วงนี้หนาว ไม่เห็นหมาแถวนั้นสักตัว เลยไม่รู้มันแหงนมั้ยน่ะครับ





ที่ยังเป็นป้ายหยุดรถนี่ ไม่ได้ upgrade เป็นจังหวัดเหมือนสุวรรณภูมิ เอ๊ย ไม่ได้ upgrade เป็นสถานีดี ๆ เนี่ย อาจจะเป็นเพราะว่า ไม่มีอะไรเลยนอกจากจะมี Farm Tomita ซึ่งเป็นฟาร์มปลูกดอกไม้สวยงามเท่านั้น เมื่อนอกฤดูท่องเที่ยวที่ดอกไม้จะออกดอก ก็จะไม่มีอะไรให้ดูเท่าไหร่ครับ (เช่นตอนที่ผมไปนี่เป็นต้น) ฤดูท่องเที่ยวจะประมาณช่วงเดือนกรกฎาคมเห็นจะได้

เมื่อเดินออกจากสถานีแล้ว ต้องเดินไปสักหน่อยถึงจะถึงตัว Farm ที่ว่าครับ ไม่ไกลครับ ไม่ไกลถนนที่ทอดผ่านจากสถานี ไปยังทุ่งดอกไม้หลังฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว บริเวณรอบ ๆนั้นเงียบสงบมากครับ นาน ๆ จะได้ยินเสียงหวูดรถไฟแว่วมาเบา ๆ ไม่รู้ว่าเป็นเฉพาะช่วงวันหยุดซึ่งกลับมาใช้รถไฟถ่านหินนี่ หรือว่าเป็นทุกวันนะครับ

ลมหนาวกำลังพัดเลยครับ ช่วงที่ไป ไม่ใช่ฤดูที่ดอกไม้จะออกหรอกครับ ไปแล้วมันดูเหงา ๆ ดี


เส้นทางที่ทอดข้ามทางรถไฟ ตรงไปไหนไม่รู้ครับ ถนนเส้นนี้เหมาะกับการเล่น music video ประมาณตัวเอกโดนทิ้ง ให้เดินไป ร้องไห้ไปตามถนนมาก ๆ ครับ




เมื่อเดินสักครึ่งเหนื่อยได้ ก็มาถึง Tomita Farm ครับ ชื่อของฟาร์มนี้ ตั้งตามชื่อของคุณตาคนที่เป็นเจ้าของครับ บริเวณรอบ ๆ นี้สังเกตได้ทันทีว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และมีห้องน้ำ... แน่ ๆ ครับกลิ่นหอมหึ่งซะขนาดนั้น 5 5 5

บริเวณนี้กว้างดีครับ เห็นเนินเขาเล็ก ๆ อยู่สลับไปมา สวยใช้ได้ ภายในตัวฟาร์มนั้นเข้าชมได้ฟรีครับ มีร้านขายของที่ระลึก สินค้าลาเวนเดอร์ทั้งหลายแหล่เช่น ผงอาบน้ำ ชา bakery (หน้าตาน่ากินมาก ๆ) หัวน้ำหอม Aromatherapy ภาพทุ่งลาเวนเดอร์ปฏิทิน แม้แต่ถุงใส่ของ Kitty Lavender (525 Y) ก็ยังมีครับ ผมว่าเค้ากุศโลบาย (แปลว่า วางแผนนะครับเด็ก ๆ) ดีนะครับที่ทำห้องน้ำไว้ที่ลานจอดรถด้านหน้า แล้วไม่ได้ดับกลิ่น คนจะได้เข้ามาซื้อหัวน้ำหอมไปดมกันสลบที่ร้านนี่ล่ะ

ที่ต้องเน้นก็คือ Bakery ครับ กลิ่นหอมมาก หอมทวนลม (จริง ๆ นะครับ ไม่ได้โม้) และที่นั่งเรียงรายรอบ ๆ ลานที่ปลูกต้นไม้ อากาศวันนั้นก็กำลังดี น่านั่งจิบกาแฟมากครับ แค่ 20 กว่า องศาเซลเซียสเท่านั้นเอง (งั่ก ๆ)


ที่เห็นนี้ คือ ซุ้มทางเดินที่จะเดินเข้าไปยังบริเวณที่ปลูกต้นไม้ครับซุ้มปลูกไม้เถาจำพวก Ivy คลุม หน้านี้เริ่มหนาว เริ่มมีใบไม้เปลี่ยนสีประปราย ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ Europe อย่างประหลาด





ที่ขาดไม่ได้ของการเที่ยวครั้งนี้ คือ soft cream กลิ่น lavender ครับก็ ลองลิ้มชิมรสได้ตามใจเลยครับ สนนราคาก็ไม่ได้แพงอะไรมากมายนัก รสชาตินี่ ผมตอบได้เลยครับว่า ไม่รู้เลย 5 5 5 แหม ก็ไม่เคยมานี่ครับ อย่ากระนั้นเลย ลองไปกินหน่อยดีกว่าครับ

ว่ากันว่า ที่ Hokkaido เป็นเมืองกสิกรรม ดังนั้น Soft cream ที่นี่จึงทำมาจากนมโคแท้ ๆ ที่รีดมาสด ๆ (เว่อร์ไปมั้ยเนี่ย...) อืม เอาเป็นว่ามันสดกว่าที่อื่น ก็เลยมีรสชาติอร่อยครับ ที่นี่เค้าไม่เรียก Icecream แบบบ้านเรา (จริง ๆ บ้านเราก็ไม่เรียกนะ ของลุงเคนเรียก soft serve ส่วนน้าแม็คนี่จำไม่ได้แฮะ) ไม่รู้ทำไมเหมือนกันน่ะครับ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการ (หามา) บริโภค ไม่ใช่การจำแนกน่ะนะ 5 5 5


ป้ายบรรยายความอร่อยของ soft cream กลิ่น lavender ครับ




ว่าแล้วก็ซื้อมากินซะ อุนจิกลิ่นลาเวนเดอร์ในกรวยกระดาษชำระรสชาติจะเป็นยังไงน๊า~

อืม คำแรกที่ชิมเข้าไป รู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลของเนื้อครีมจากนมสดใหม่ที่ผสมมาอย่างดี เมื่อเนื้อครีมเริ่มละลาย ส่งกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ออกมาอบอวลในปาก เหมือนมีทุ่งลาเวนเดอร์กำลังบานอยู่ต่อหน้าต่อตาความหวานมันของเนื้อครีมกำลังพอดีทีเดียว โอววว~ มันอร่อยอย่างนี้นี่เองงงง (กรุณาทำเสียงแบบรายการ TV-Champian ด้วยนะครับ)

ผมกินไปก็รู้แค่ว่า อืม กลิ่นหอมหวาน ๆ ดี ก็เลยกินไป 3 อันแค่นั้นเอง แต่ว่า ไม่ได้รู้สึกเว่อร์ขนาดนั้นหรอกครับ 5 5 5 จริง ๆ ตอนนั้นกำลังหิวหน้ามืดจะปล้ำสาวญี่ปุ่นใกล้ ๆ อยู่แล้ว เง๊ยยย จะเป็นลมต่างหากล่ะครับ

ผมแอบเห็นตอนทำด้วย คุณ จนท (เจ้าหน้าที่) เค้าเอาถุง ๆ ใส่ของเหลวสีขาวขุ่นเหมือนน้ำนมมาใส่เครื่องทำด้วยครับ ไม่ได้ใช้ผง ๆ ผสมน้ำแต่อย่างใด<-- อ่า จะบอกทำไมนะ...

หน้าตาเจ้า soft cream ตัวจริงครับ รสชาติดี ไม่ได้ถึงกับกินแล้วน้ำตาไหลอะไรขนาดนั้นหรอกครับ ก็อร่อยใช้ได้อยู่ครับ





ใน Tomita Farm นี้มีร้านขายของที่เป็นดอกไม้แห้งด้วยครับ เค้าขายดอกไม้ ขายน้ำหอม บุหงารำไป อะไรเทือก ๆ นี้แหละครับ ไม่ได้สนใจดูละเอียด

ภายในร้านจัดทำของตบแต่งที่ทำจากดอกไม้แห้ง เถาวัลย์ ใบไม้แห้ง กิ่งไม้ อะไรเทือก ๆ นี้น่ะครับ มีทั้งแบบสีธรรมชาติ และย้อมสีครับ ก็สวยดี


ร้านนี้เรียกลูกค้าผู้หญิงได้เยอะมากครับ แต่ เห็นมีแต่คนไปถ่ายรูปนะครับไม่ค่อยมีคนไปซื้อเท่าไหร่แฮะ





ตามผนังก็มีการจัดเรียงดอกไม้แห้ง เป็นกล่อง ๆ แล้วก็มีจัดซุ้มให้ถ่ายภาพกับซุ้มดอกไม้แห้งด้วยครับ ในร้านมีชั้นบนให้เดินขึ้นไปมองมุมสูงลงมา แล้วก็มีประตูให้เปิดไปยังร้านขายของที่ระลึกข้าง ๆ ได้ด้วย


decoration ริมผนังครับ





หลังจากโอ้เอ้กับนู่น ๆ นี่ ๆ มาพอควร เรามาชมดอกไม้ในฟาร์มกันดีกว่าครับ

ดอกไม้ในฟาร์มนี้แม้ว่าจะไม่ใช่ฤดูที่เป็น peak ก็ยังมีพอให้เห็นบ้างครับด้วยอำนาจแห่งมุมกล้อง เราก็จะพบว่ามันดูเยอะได้ จริง ๆ แล้วก็มีอยู่แค่แปลงเดียวนี่ล่ะครับ

สำหรับหน้า peak นั้น เมืองทั้งเมืองจะเปลี่ยนเป็นสวนดอกไม้ครับหลัก ๆ ก็จะเป็นทุ่งสีม่วงของดอกลาเวนเดอร์ที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยมาตามลม คงจะสวยมากครับ


ดอกไม้ครับ อยากรู้ชื่อเหรอครับ ผมก็เหมือนกัน 5 5 5 ก็มันไม่มีดอกให้เห็นนี่ครับ โธ่ โธ่...จริง ๆ มันคือแปลงลาเวนเดอร์ โฮลีฟิลล์ครับ ... เอ๊...น่าจะคนละงานนี่หว่า เอาเป็นว่า เมื่อเค้าออกดอกจะกลายเป็นทุ่งสวยเชียวล่ะครับ





นี่ก็ใช่ครับ


ดอกไม้ครับ





ลองถ่ายจากมุมนี้บ้าง


อย่าเอ็ดไปครับ แปลงเดิมนั่นแหละ ดอกไม้พันธุ์ที่ยาคูลท์เลือกใช้ชื่อ แลคโตบาซิลัส เอ๊ย Silvia หรือคนญี่ปุ่นจะเขียนไว้ว่า ซารุเบีย และ Cosmos ครับ ดอกไม้นี้มีหลายสายพันธุ์ย่อย ๆ จะให้ดอกสีสดใสทีเดียว





นี่ก็สวยครับ ภาพระยะประชิด


อันนี้ไม่ใช่ลาเวนเดอร์นะครับ ก็ดอกซารุเบียในแปลงเดิมนั่นละครับ จริง ๆ นะ




หลังจากชมดอกไม้ที่ฟาร์มจบ ก็หาจะไปหา Melon กินได้ครับ รสชาติหวานนุ่มลิ้น และหอมหวานมากครับ แต่ว่าแพงระยับเชียวครับ ลูกหนึ่งลูกหนึ่งตก 5 พันเยนเป็นต้นไปครับ แพงอะไรขนาดน๊านน T_T

เที่ยวแล้วค้นพบว่า เมืองไทยอาหารอร่อยและดีที่สุดในโลกแล้วล่ะครับ ทั้งถูก มีให้เลือกมาก และรสชาติดี เฮ้อ.... คิดถึงกับข้าวไทยครับ

เมื่อดูจบ ก็ย้ายร่าง (ยักษ์) ของผมไปขึ้นรถไฟไปหาที่พักและอาหารกินครับ ที่นี่เมืองเล็กมาก ๆ ครับ

ว่าด้วยเรื่องการเดินทางนิดนะครับ เจ้ารถด่วนที่ว่านี้มันมีเฉพาะวันหยุดนะครับ วันธรรมดา ต้องต่อหลายต่อนิดหน่อย ถ้าตกลงใจว่าจะไปจริง ๆ ก็ ค่อยพิจารณาก็ได้ครับ

การท่องเที่ยวที่ไม่ยากนักอีกทางก็คือไปเที่ยวด้วยการใช้รถเช่าครับเพราะเขตนี้นั้น ถ้ามีรถยนต์จะดีมาก สามารถเดินทางได้สะดวก และไม่ต้องรอรอบรถไฟด้วยครับ

เที่ยว Furano ก็คงจบลงแค่นี้ล่ะครับ (อันที่จริงควรจะบอกว่านำเที่ยว Tomita Farm ซะมากกว่านะครับ แต่ว่า Furano มันก็มีแค่นี้ล่ะครับนอกฤดูท่องเที่ยวเนี่ย ถ้าหากว่าในฤดูท่องเที่ยวก็จะพบว่ามีดอกไม้ทั้งเนิน สวยลืมหายใจเลยล่ะครับ...


ดอก Cosmos ธรรมดา แค่ zoom เข้าไปใกล้ ๆ เฉย ๆ



โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ









l Sapporo l Onuma l Hakodate l Biei l Asahidake l Otaru l สมุดเยี่ยม l









Create Date : 26 ตุลาคม 2548
Last Update : 2 ธันวาคม 2549 23:33:20 น.
Counter : 3734 Pageviews.

23 comments
BUDDY คู่หู คู่ฮา multiple
(3 ม.ค. 2567 04:49:04 น.)
พบเจอภาพอะไร? ส่วนหนึ่งของภาพน่าสนใจจึงตัดมาใช้ คุกกี้คามุอิ
(1 ม.ค. 2567 03:56:23 น.)
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
ทนายอ้วนจัดดอกไม้ - จัดดอกไม้ง่ายๆ – แจกันสวัสดีปีใหม่ 2567 - กุหลาบพวงสีชมพู - ขาว ทนายอ้วน
(2 ม.ค. 2567 15:16:32 น.)
  
อยากไปเที่ยวญี่ปุ่น

ขอบคุณค่ะที่เอาภาพและเรื่องราวมาเล่าให้ฟัง

โดย: อยู่ไกลบ้าน วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:2:19:04 น.
  
ว๊าว...........วที่นี่ตื่นตาตื่นใจดีจังเลย
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะคะ ถ้ามีสูตรยาลดความอ้วนแล้วจะแวะมาบอกค่ะ
โดย: แอ้มค่ะ วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:2:38:57 น.
  
อาโน วันหลังพาไปเที่ยวแหล่งโลกียะด้วยนะคับ ผมรู้สึกอยากไปบ้างจัง
โดย: นายรักแท้ วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:3:04:47 น.
  
ยิ่งอ่านยิ่งดูรูปยิ่งอยากไป

โอ๊ย.. สักวันหนึ่งๆๆๆๆเถอะ
โดย: to be continued วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:6:08:11 น.
  
รถไฟ "แนว" ดีจัง

โดย: มรกตนาคสวาท วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:7:41:09 น.
  
ขอตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ

ดอกป๊อปปี้ธรรมดา แต่ถ่ายได้สวยมากๆค่ะ
โดย: Black Tulip วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:7:46:17 น.
  
อิ่มรูปภาพ อิ่มข้อความเลยค่ะ ^^




...
โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:7:46:37 น.
  
Good morning from Mekong delta in Hochiminh,
just come to say, hello, khrab
โดย: กุมภีน วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:8:19:59 น.
  

ผมขำสำนวน ยวนดี ของคุณdont
“….นี่คือเตาที่ว่าครับ เราสามารถเติมถ่านหินได้เอง (อ้าว ก็ไม่มีคนหรือป้ายห้ามไว้นี่หว่า ถ้าไม่อยากให้เล่นก็แปะป้าย (ให้กรูอ่านออก) ไว้สิครับ เนอะ เนอะ) เตาที่ว่าอุ่นกำลังดีเลยครับ ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป (ก็แหงมน่อ เพราะนั่งซะห่างเตาขนาดนั้น เอิ๊กส์)”

“…..คนเก็บตั๋วครับ น่าร๊ากกกก อยากนั่งไปนั่งมาหลาย ๆ รอบเลยครับ สำหรับสาว ๆ ไม่ต้องเสียใจ เพราะหนุ่มน้อย Guard รถก็หน้าตาผ่าน mean (เกณฑ์เฉลี่ย) เช่นกันครับ คือหน้าตาธรรมดานี่ล่ะ แต่ว่า ผิวสวยครับ”

“….ว่าแล้วก็ซื้อมากินซะ อุนจิ กลิ่นลาเวนเดอร์ในกรวยกระดาษชำระ รสชาติจะเป็นยังไงน๊า~ ….อืม คำแรกที่ชิมเข้าไป รู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลของเนื้อครีมจากนมสดใหม่ที่ผสมมาอย่างดี เมื่อเนื้อครีมเริ่มละลาย ส่งกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ออกมาอบอวลในปาก เหมือนมีทุ่งลาเวนเดอร์กำลังบานอยู่ต่อหน้าต่อตาความหวานมันของเนื้อครีมกำลังพอดีทีเดียว โอววว~ มันอร่อยอย่างนี้นี่เอง (กรุณาทำเสียงแบบรายการ TV-Champain ด้วยนะครับ)”

ชอบอ่านคับ….
อ่านๆดู คล้ายๆกับตอนนี้คุณdont ยังอยู่ที่ญี่ปุ่น อยู่เลย
โดย: yyswim วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:10:32:29 น.
  
**ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมค่ะ**
เห็นรูปแล้วทูน่าอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกจังเลยๆ
คราวที่แล้วไปช่วง spring ถ้ามีโอกาสอยากไป autumn บ้างจังค่ะ
have a nice day นะคะ
โดย: ทูน่าค่ะ วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:10:51:24 น.
  
รถไฟที่เหยียบย่างเข้าไปในฟาร์มลาเวนเดอร์นั้นก็มีวิ่งเฉพาะวันหยุด เสาร์-อาทิตย์เท่านั้นค่ะ คุณ Dont ไปวันที่โชคดีมากได้นั่งรถไฟแบบนี้ แถมยังตกแต่งให้เข้ากับเทศกาล Halloween อีก

น่ารักดี

โดย: Tai-Sarunya IP: 202.28.179.1 วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:11:50:42 น.
  
โอ้ววว ว้าววว อยากกินไอติมง่ะ

ขอบคุณที่ไปเยี่ยมนะคะ
โดย: s_manavvan IP: 203.146.216.21 วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:14:23:36 น.
  
เห้นแล้วอยากไปมั้งจัง
ชอบทุ่งดอกไม้
โดย: Zantha วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:14:27:05 น.
  
ตามมาเที่ยวต่อค่ะ
อ่านไปนึกภาพตามไป ยังกะไปเที่ยวด้วยเลย

หัวรถด่วนสวยจังชอบค่ะ แต่ชอบรถไฟธรรมดาๆ นั่นมากกว่า ข้างในยังกะร้านอาหารแน่ะ
ขอบคุณที่พาเที่ยวค่า
โดย: jan_tanoshii วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:18:26:34 น.
  
สักวันหนึ่งเราจะไปให้ได้ ขอบคุณสำหรับสาระดี ๆ ที่นำมาอ่านก่อนไปจริงในอนาคตครับ
โดย: ชายคา วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:18:45:11 น.
  
อ่า ไม่รู้ว่าเป็นความโชคดีของเราหรือไรที่เจ้าของบล็อกหลงทางมาหาบล็อกเราเพราะความเข้าใจผิด ทำให้เราได้มาเจอบล็อกน่ารักๆ แบบนี้อ่า

มาขอรู้จักด้วยคนนะคะ
โดย: tabebuia วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:19:25:44 น.
  
ตามไปเที่ยวด้วยค่า
โดย: Batgirl 2001 วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:20:47:02 น.
  
แวะเข้ามาอ่านและเยี่ยมชมบล็อก บล็อกสวยและมีเรื่องท่องเที่ยวน่าสนใจมากๆครับ ผมเองชอบเรื่องราวเกี่ยวกับญี่ปุ่นๆอยู่แล้วด้วยครับ เข้ามาอ่านเหมือนได้ไปเที่ยวไปด้วยเลยครับ ตั้งใจอยู่เหมือนกันว่าอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นครับ คงไม่เกินปีหน้า คงหาโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นครับ แล้วจะได้เข้ามาอ่านบล็อกท่องเที่ยวที่บล็อกนี้บ่อยๆครับผม

ขอบคุณนะครับที่แวะเข้าไปเยี่ยมชมบล็อกผม ขอบคุณมากๆครับ
โดย: Tempting Heart วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:21:02:58 น.
  
บรรยายได้น่าสนใจจริงๆค่ะ
อ่านเพลิน พร้อมอมยิ้มกับมุขที่มาเป็นระยะๆของคุณไปด้วย ชอบค่ะ


โดย: Black Tulip วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:23:06:52 น.
  
ตื่นตาตื่นใจมากเลยคะ คุณdont

สวย ทำบรรยายเหมือนไปเที่ยวด้วยคนเลยค่ะ
โดย: yadegari วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:23:26:58 น.
  
เปงอีกประเทศที่อยากไปมั๊กๆๆ เลยเเระ ชอบจังเหมือนได้ไปเที่ยวเองเลย

Image Hosted by ImageShack.us

ว่าเเต่ ฝากซื้อหนัง AV หน่อยจิ อิอิ
โดย: o(^-^)o (น้าผีก๊าบ ) วันที่: 26 ตุลาคม 2548 เวลา:23:45:48 น.
  
อยากไปแบคแพคบ้างจัง โอว ธรรมชาตงดงาม เสียดายภาพรถไฟญี่ปุ่นมีน้อยไปนิดนึง
โดย: joblovenuk วันที่: 27 ตุลาคม 2548 เวลา:0:33:42 น.
  
เอื้อก....กลืนน้ำลายอึกใหญ่

ซอฟครีมน่ากินจัง

ชอบรถไฟนะ จัดได้สวยดี

ผมว่ารถไฟไทยที่มันเก่าๆนะ ก็ทำให้มันดูดีได้นะ ทำไมไม่ทำกันหว่า

สงสัยไม่มีงบมั้ง ก็บ้านเรามันจนนิ


แต่ผมเห็นด้วยกับพี่ดอนว้อนอย่างนึง หนุ่มสาวญี่ปุ่นผิมดีมากถึงมากที่สุด ไอ้ที่ไม่หล่อเลิศมากมายเท่าใด แต่ก็ได้ใจผมไปก็เพราะผิวนะแหละ
555
โดย: BIRD (House Of FlyingBird ) วันที่: 31 ตุลาคม 2548 เวลา:2:44:53 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Dontno-trips-confused.BlogGang.com

dont wanna no
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]