อำนาจ ของหมอ อำนาจของแพทย์ ท่านคงไม่ทราบในหลายๆๆอย่างว่ามีมากและสำคัญ จนบางครั้งใหญ่กว่าใครๆๆในการปกครองหรือบังคับควบคุม ชุมชนได้ จากที่เห็นง่ายๆๆ แนะนำโรงร้ายแรงต้องผ่าตัด ต้องให้น้ำเกลือ หรือต้องรักษาอย่างใดเป็นพิเศษ ต้องนอน โรงพยาบาล แต่เมื่อไรผู้ป่วยหรือญาติปฏิเสธการรักษา แพทย์ จะขอให้เซ็นต์ ชื่อไม่ยินยอมรับการรักษาไว้เป็นหลักฐานถ้าเกิดเหตุร้ายผู้ป่วยหรือญาติไม่มีสิทธิ์ เอาความกับแพทย์ได้ แต่ถ้าเป็นโรคติดต่อร้ายแรง โรคทีก่อให้เกิดการระบาดในวงกว้างไปได้ แพทย์ มีอำนาจเต็มที่ในการกักตัวผู้ป่วย จำกัดการเยี่ยม จำกัดบริเวณ ผู้เกี่ยวข้อง ผู้สัมผัสโรค และติดตามมาตรวจ กักบริเวณได้เช่นที่เคยอ่านหรือเห็นจากข่าว ไข้หวัดนก มาแล้ว ยังมีอีกหลายโรคที่สามารถทำเช่นนั้นได้ แม้แต่โรคที่ดูว่าไม่น่าสำคัญ แต่จริงแล้ว ถ้าเกี่ยวข้องกับอาชีพสำคัญ อาจเป็นอุปสรรค ถูกปิดร้านห้ามจำหน่ายอาหารได้ ถ้าตรวจพบ โรคบิด ในผู้ประกอบอาชีพประกอบอาหารหรือขนมขาย หรือโรคผิวหนัง หรือโรคสังคมรังเกียจ ในอาชีพบริการ เกือบทุกชนิด แต่แพทย์ มักไม่ค่อยใช้ อำนาจตรงนี้ภายนอกที่ทำงาน หรือกับชุมชนนัก ทั้งๆๆที่เป็นเรื่องสำคัญกับ ชุมชนจริงๆๆ เพราะกกหมายไทยหย่อนยาน ด้วยประการหนึ่ง ที่แพทย์ไม่ค่อยเข้าใจหน้าที่และเข้าไปมีส่วนร่วมในการ ขอเปิด กิจการ ร้านอาหาร หรือ โรงงานทำขนมขนาดเล็ก หรือโรงน้ำแข็ง หรือ โรงผลิตน้ำดื่ม หรือน้ำแข็งยูนิค เหล่านี้เป็นต้น แต่ในชุมชนหรืออำเภอเล็กๆๆ แพทย์ กลับพบว่ามีความสำคัญยิ่งยวด ต่อการขออนุญาติ เปิดการเล่นแข่งขัน ชกมวย ทั้งไทยและสากล ที่มีแบบฟอร์มแน่นอนว่าการขออนุญาติจะต้องมีใบแสดงเจตนาของแพทย์ จะมาร่วมในบริเวณพิธีการแข่งขันเพื่อทำหน้าที่แพทย์สนาม และอำนาจของแพทย์ สามารถ จับการล้มมวย การแตกยุติการชก ยกเลิกการชก เพราะตัวเองติดภาระกิจอยู่ที่นั่นไม่ได้ หรือการไม่มีแพทย์อยู่ในบริเวณสนามมวย การแข่งขันก้ไม่สามารถเปิดดำเนินการแข่งขันได้ต้องรอจนแพทย์มาพร้อม กรรมการครบ อีกสามและบนเวทีอีกหนึ่ง กรรมการระฆังจับเวลาอีกหนึ่ง และนี่ก็เป็นรายได้พิเศษที่สามารถไปปฏิบัตและได้เงินค่าเหนื่อยเป็นรายได้ที่ถูกต้องตามกฏหมายอีกทางหนึ่ง ตามแต่ตกลงกัน คืน 200/500หรือเท่าไร อีกหน้าที่หนึ่ง คืออำนาจที่ทำให้ตำรวจเกรงใจ คืออำนาจในการร่วมออกชัณสูตรพลิกศพ และคดี อุกฉกรรจ์ ต่างๆๆที่เกี่ยวกับบุคคลมีการบาดเจ็บ อาจจะต้องทำใบรับรองแพทย์ แม้กรณี การแจ้งความถูกข่มขืนกระทำชำเรา ตำรวจจะต้องส่งผู้เสียหายมาให้แพทย์ ตรวจหาหลักฐานว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศหรือไม่ เป็นสำคัญ ส่วนบาดแผลทางกายส่วนอืนจะมีผลต่อคดีน้อยกว่าถ้าไม่มีหลักฐานการล่วงละเมิดทางเพศ การข่มขืนก็เป็นแค่การทำร้ายร่างกาย แต่ก็อาจจะรุนแรงขึ้นถ้าบาดแผลบ่งชี้ไปทางการประสงค์ ร้ายต่อชีวิต เช่นมีแผลการแทงด้วยของมีคนเป็นต้น แต่ที่ตำรวจ ที่สุขภาพร่างกายไม่ปกติกลัวกันนักก็การตรวจสุขภาพประจำปี ที่แพทย์ สามารถสั่งให้ตำรวจผู้นั้นต้องตรวจเพิ่มเติม เพราสงสัยพิษสุราเรื้อรัง ในตำรวจพวกชอบดื่มเหล้า หรือ โรคทางจิตประสาท หรือ โรคทางเพศ ในตำรวจที่ชอบเที่ยว ตรงนี้จะทำให้ตำรวจที่มีอาการติดสุรามีความสนิทสนมกับแพทย์ ค่อนข้างดีเป็นพิเศษ เพราะ อาการพิษสุราเรื้อรังถูกสั่งพักราชการได้เลยทันที อย่างน้อยหกเดือน อีกหน้าที่หนึ่งที่ทำให้แพทย์ มักถูกหวาดระแวงจากผู้เกี่ยวข้องกับคดี ในกรณี ที่ถูกปองร้ายลอบยิง จงใจ ฆ่า หรือการทำร้ายผู้ที่บาดเจ็บเห็นหน้าผู้กระทำ และยังไม่ตายตามเจตนาของผู้กระทำ ทำให้อาจจะมีการตามมาฆ่าปิดปากภายในเขตโรงพยาบาล และการระมัดระวังผู้ป่วยพวกนี้กลายเป็นเรื่องที่แพทย์ พยาบาลและบุคคลากรในโรงพยาบาลต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวเองเพิ่มไปด้วย แม้บางครั้งจะมีเจ้าหน้าที่มาดูแลให้ด้วย แต่กรณี ที่เพิ่งรับมาใหม่ มักจะยังไม่ทันระมัดระวังเรื่องนี้ และเจ้าหน้าที่ที่เคยเล่าให้ฟังว่า โรงพยาบาลอำเภอขนาดเล็กมีเจ้าหน้าที่ไม่ครบตำแหน่ง เช่นยาม หรือพนักงานเปล หรือรปภ บางภาวะ การทำงานจึงตกอยู่ในเหตุแห่งความเสี่ยงของการใช้อาวุธ เพื่อฆ่าปิดปาก ผู้บาดเจ็บหรือคิดว่า เจ้าหน้าที่เป็นพยาน สำคัญ ด้วยเหตที่กฏหมายเชื่อว่า ก่อนตาย คนตายจะไม่โกหก แพทย์ และพยาบาลจึงเป็นบุคคลที่ต้องเป็นพยานที่ให้ปากคำต่อเจ้าพนักงานทุกกรณีที่คดีมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล และนี่คือที่มาของความหวาดระแวงว่า หมอรู้ว่าครูที่ตายเพราะใครทำ ของท่านนายอำเภอ จนใช้อำนาจในการที่กำจัดหมอให้ไปจากอำเภอนี้ นี่แหละ
|
บทความทั้งหมด
|
||||||||||||||||||||
 |
|
ผู้ติดตามบล็อก : 185 คน [