►►►►"วาทะดังตฤณ"◄◄◄◄












"วาทะดังตฤณ"

เป็นหนังสือที่รวบรวมเอาวาทะเด็ดๆ

จากหนังสือของดังตฤณ

มารวมไว้ในเล่มเดียว

นอกจากแจกฟรีแล้ว

ยังสามารถเข้าไปอ่านบนเน็ตได้ด้วย





และ "กรรมพยากรณ์ ตอน ชนะกรรม"

ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย...

ไม่มีเรื่องสำคัญในชีวิตเรา

เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ

พระพุทธองค์ตรัสว่า

ความรักนั้น

เกิดขึ้นด้วยเหตุ ๒ ประการ

ประการแรก

คือเพราะอยู่ร่วมกันในอดีตชาติ

ประการที่สอง

คือเกื้อกูลกันในปัจจุบัน

เหมือนดอกบัวที่เกิด

เพราะอาศัยเหตุ ๒ ประการ

คือน้ำและเปลือกตม

ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้

(ตอนที่ ๒๔)



…ศรัทธามีหลายแบบ

แต่แบบที่จะทำให้อยู่ในเส้นทางผาสุก

คือ เชื่อในกรรม เชื่อในผลกรรม

เชื่อว่าสัตว์มีกรรมเป็นของตัว

ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

ความเชื่อเกี่ยวกับกรรมเหล่านี้

จะทำให้เกิดความละอายต่อบาป

คุมให้เราอยู่ในลู่ทาง

ประพฤติชอบด้วยความเต็มใจ ..

(ตอนที่ ๒๔)



…กรรมคือเจตนา

เจตนาคือกรรม ทำกรรมอันใด

จิตย่อมปรุงแต่ง จิตย่อมยึดมั่น

จิตย่อมมีกรรมนั้น

ติดตามไปประดุจเงาตามตัว

กรรมย่อมก่อสภาวะ

หรือภพแห่งความสอดคล้องกับกรรมนั้น

ขึ้นในเวลาใดเวลาหนึ่ง

ไม่ปัจจุบันก็อนาคต

ไม่อนาคตใกล้ ก็อนาคตไกล

อย่างไรย่อมย้อนมาหาเจ้าของกรรมแน่นอน

(ตอนที่ ๒๙)



…ศรัทธาที่สำคัญยิ่งอีกข้อหนึ่งคือ

เชื่อปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

ถ้าหากมีศรัทธาในข้อนี้ข้อเดียว

ก็แปลว่าการยอมรับธรรมะดี ๆ

มีเหตุผลจะตามมาอีกจนครบ

เหมือนมีครูดีที่สุด

ก็จะรับวิชาถูกตรงที่สุดด้วย (ตอนที่ ๒๔)



…กรรมเก่าจากอดีตชาติ

ขุดทางให้เราเดินในชาติปัจจุบัน

แต่ถ้ากรรมปัจจุบันมีพลังเหนือกว่า

ที่ทำไว้ในอดีตชาติอย่างชัดเจน

ก็อาจยกระดับให้เดินสูงขึ้นได้

หรือกระทั่งฉีกทางแยก

เป็นตั้งฉากเลยก็ยังไหว

หนึ่งชีวิตของมนุษย์เรา

มีศักยภาพได้ขนาดนั้น(ตอนที่ ๔๑)



…กรรมเก่า

อาจทำหน้าที่สร้างฉากละครตอนแรก

แต่กรรมใหม่

ก็สามารถเป็นตัวกำหนดว่า

จะให้เหตุการณ์ดำเนินไป

จนถึงตอนจบได้อย่างไร

(ตอนที่ ๑๑)



…เมื่อใดที่คนเราตกอยู่ใต้อำนาจกิเลส

เมื่อนั้นสติปัญญาและความรู้

ความสามารถทั้งหลายก็ไร้ค่า

เพราะความคิดอ่านทั้งหมด

จะถูกนำมาใช้สนับสนุน

ความหลงผิดหน้ามืดตามัว

ฉะนั้น ถ้าตั้งใจ

ให้สัตย์ปฏิญาณกับตนเอง

อย่างแข็งแรงไว้ล่วงหน้า

คือเป็นตายอย่างไร

จะรักษาศีลให้บริสุทธิ์สะอาด

ก็เป็นความอุ่นใจว่า

เราไม่มีวัน

สร้างเหตุแห่งความเดือดร้อน

แก่ตนเองในภายหลัง (ตอนที่ ๗)



…ถ้าให้สตินำหน้าอารมณ์เสียอย่างเดียว

กรรมเก่าทำหน้าที่ได้มากสุด

ก็แค่ยั่วยวนให้หลงผิด

โดยเราไม่จำเป็นต้องถลำตัว

เห็นผิดเป็นชอบ เห็นชั่วเป็นดี

หรือเห็นกงจักรเป็นดอกบัว

เรื่องเลวร้ายส่วนใหญ่ในชีวิตคน

อาจไม่เกิดขึ้น

ขอเพียงไม่ตามใจตัวเอง

เกินขอบเขตทำนองคลองธรรมเท่านั้น

(ตอนที่ ๑๑)



…คนฉลาดในกรรมต้องอย่างนี้แหละ

ทำให้บาปเก่าเจือจางลง

ด้วยการเติมบุญ

ที่เป็นตรงข้ามกับบาปนั้น ๆ

ลงไปในจิตมาก ๆ

กระทั่งรสของบาปถูกกลืนหายไป

เหมือนเกลือหย่อมน้อย

ถูกน้ำห้วงใหญ่ทำละลาย

แม้ยังมีเกลือก็เหมือนไม่มีแล้ว

(ตอนที่ ๒๙)



อย่างไรก็ต้องเดิน

แต่ระหว่างเดิน

ก็มีสิทธิ์ทำอะไรให้ดีขึ้นได้เหมือนกัน…

(ตอนที่ ๔๑)



…ความรู้จริง

เกี่ยวกับเรื่องของตนเอง

เป็นสาระแก่นสาร

ที่ประเสริฐกว่าอะไรอื่น

อุตส่าห์เป็นเจ้าของอัตภาพมนุษย์

ที่ทำกรรมโกยกุศลเข้าตัว

ได้สารพัดชนิดแล้วอย่างนี้

ต้องคำนึงทำไมว่ายากดีมีจน

ขี้ริ้วหรือสวยหล่อ

เปลือกพวกนั้น ..

วันหนึ่งธรรมชาติจะมาเรียกคืน

จากเราทุกคน แล้วถามว่า

ชั่วอายุขัยของความเป็นมนุษย์ นี้

เราได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง

สั่งสมอะไรไว้บ้าง

เพื่อการเดินทางไกลในครั้งต่อไป …

(ตอนที่ ๓๔)



…การหารเลข ๑ ด้วย ๓

ขอให้ลองเอาเครื่องคิดเลขมากดดู

จะเห็นเลขทศนิยมไม่รู้จบคือ ๐.๓๓๓๓๓

คือหารไปเท่าไหร่ก็ลงท้ายด้วย ๓ เสมอ

หาที่สิ้นสุดไม่เจอ

เปรียบเหมือนกับถ้าเอาทุกข์ทางใจ

มาหารด้วย ราคะ โทสะ โมหะ

ก็จะได้เศษทุกข์

ให้ต้องหารกันต่อไปเรื่อย ๆ

แต่พอเปลี่ยนมาหารด้วย

ศีล สมาธิ และปัญญา

ก็จะเกิดกระแสสุขไม่รู้จบเช่นเดียวกัน…

(ตอนที่ ๓๕)



…“ถ้าหากหนูเป็นทุกข์

มีความอึดอัดคับแค้นใจ

เพราะการกระทำของคนอื่น

ควรทำอย่างไรคะ?

ในเมื่อต้นเหตุ

เป็นบุคคลที่ก่อกรรมกับเรา

เขามีนิสัยฝังใจ ยากจะเปลี่ยนแปลง”



“คนเรามักมองว่าความอึดอัดนั้น

มีต้นเหตุอยู่ที่คนอื่น

ถ้ามองเสียว่าหลาย ๆ ครั้ง

เราคับแค้นเพราะคิด

มีความคิด

เป็นเหตุสำคัญของความคับแค้น

อันนั้นก็เป็นกรรมของเราเหมือนกัน

คือเป็นมโนกรรมที่คิดเพ่งโทษผู้อื่น

หากเราเลิกคิด หรือคิดในทางดีแทน

ใจก็จะเปลี่ยนจากทุกข์มาเป็นสุข”



“แต่ถ้าเขาต้องติดต่อเกี่ยวข้อง

หรือเป็นบุคคลใกล้ชิด

ที่ไม่ยุติธรรมกับเรา

หรือทำให้เราเดือดร้อนเป็นทุกข์ล่ะคะ?”



“หลายเรื่องในโลก

แก้ไขจากข้างนอกไม่ได้

แต่ปรับปรุงดัดแปลงที่ภายในเราเองได้

คนอื่นนั้นต่อให้ตัดแขนตัดขา

หั่นร่างกายเราออกเป็นชิ้น ๆ

เราจำเป็นต้องทุกข์แค่ที่กายเท่านั้น

ไม่จำเป็นต้องมีทุกข์ทางใจเลย

โดยมากจะอยู่ในรูปที่คนอื่นทำร้ายเรา

ด้วยปาก หรือมือไม้สิบนาที

แต่เรามาทำร้ายตัวเอง

ด้วยความคิด เสียสิบชั่วโมง”

(ตอนที่ ๗)



…คนเราคบใคร

ก็ต้องมีความเป็นเช่นนั้น

ในทางใดทางหนึ่ง

พยายามซึมซับส่วนดีของเขา

มาเป็นส่วนหนึ่งของเรา

นี่คือประโยชน์ของการอยู่ใกล้ชิดคนดี

คนเป็นบัณฑิต

เพราะจะมีส่วนดีมากมายในเขา

เป็นแรงบันดาลใจแก่เรา

แม้ไม่ได้อยู่ร่วมกันตลอดไปก็ช่าง

(ตอนที่ ๒๔)



…“แล้วถ้าแค่อยากทำผิดอยู่ในใจเรื่อย ๆ

โดยปราศจากความละอาย

แต่ไม่ได้พูด

ไม่ได้ลงมือทำจริง ๆ ล่ะคะ

ถือว่าเป็นหนึ่งในสมาชิก

ของหมู่คนเลวหรือเปล่า?”



“คิดเฉย ๆ ไม่ใช่ตัวตัดสิน

เขาตัดสินกันตอนพูด ตอนลงมือทำ

แต่ก็ประมาทความคิดไม่ได้

เพราะความคิดนี่แหละ

ต้นแหล่งดีชั่วที่แท้จริง

ตราบใดยังคิด

ตราบนั้นยังมีสิทธิ์พูดออกมาจริง ๆ

ทำออกมาจริง ๆ ”



“แล้วจะจัดการกับความคิดชั่ว ๆ

ในหัวยังไงดีล่ะคะ

ทุกวันนี้จ๊ะสารภาพกับอาจารย์เลย

ว่ายังมีความคิดเหลวแหลกอยู่มาก

บางทีก็ทรมานจัง แต่ก่อนตอนเลว ๆ

ยังคิดน้อยกว่านี้ด้วยซ้ำ”



“ความอยากหยุดคิด กับความทรมาน

จากการคิดเหลวแหลกนั่นแหละ

ตัวกระตุ้นสำคัญ

ให้ยิ่งคิดมากเข้าไปใหญ่

หนูไม่ต้องไปทำอะไร

มันจะเกิดก็ให้มันเกิด

พิจารณาดูให้รู้

ว่านั่นแค่คลื่นสมอง

ซึ่งผุดกระเพื่อมขึ้นเอง

ไม่ใช่เจตนาที่ส่งออกมา

จากหัวใจของเราอย่างแท้จริง”



“ถ้าคิดเลว ๆ แล้วไม่รู้สึกผิด

มิเข้าข่ายที่อาจารย์ว่าคิดเลวได้

โดยปราศจากความละอายหรอกหรือคะ?”



“ความคิดมีอยู่สองแบบ

แบบแรก เหมือนสายลมที่พัดมาเอง

ตอนเราเดินอยู่กลางแจ้ง

เราบังคับควบคุมไม่ได้

ทำได้แค่เพียงรับรู้ว่า

มันผ่านมาปะทะเรา

แล้วปล่อยให้มันผ่านไปเฉย ๆ

ความคิดอีกแบบ เหมือนลม

ที่เกิดจากความจงใจพัดโบกของเรา

เราสมัครใจ

หรือติดใจที่จะคิดอย่างนั้น

การคิดด้วยความติดใจและจงใจนี่แหละ

ถึงจะเป็นมโนกรรมเต็มขั้น”



ลานดาวยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจ

แจ่มแจ้งตลอด

“สรุปคือแค่ปฏิบัติต่อความคิดเลว ๆ

เหมือนรู้ว่ามีสายลมพัดฝุ่นทรายมาโดนตัว

แล้วก็แล้วกันไป

ไม่ต้องคว้ามาใส่ปากเคี้ยวต่อ

อย่างนั้นใช่ไหมคะ?” (ตอนที่ ๔๑)



…เมื่อทำทานครั้งใด

ท่านให้หมั่นอธิษฐานว่า

ขอจิตเรา

จงสละความยึดมั่นถือมั่นผิด ๆ ได้

โดยไม่เสียดาย

เช่นเดียวกับที่ไม่เสียดายข้าวของ

ซึ่งทำทานไปนั้น ..(ตอนที่ ๔๑)
















Create Date : 09 พฤษภาคม 2549
Last Update : 9 พฤษภาคม 2549 0:28:35 น.
Counter : 739 Pageviews.

0 comments
BUDDY คู่หู คู่ฮา multiple
(3 ม.ค. 2567 04:49:04 น.)
ทนายอ้วนจัดดอกไม้ - จัดดอกไม้ง่ายๆ – แจกันสวัสดีปีใหม่ 2567 - กุหลาบพวงสีชมพู - ขาว ทนายอ้วน
(2 ม.ค. 2567 15:16:32 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
No. 1259 สาระเกือบมี (ตอนทำงานที่ใหม่ ถูกลองดี) ไวน์กับสายน้ำ
(1 ม.ค. 2567 05:58:05 น.)

Destiny.BlogGang.com

ยอดสน
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด