ทำงานเป็นลูกจ้าง ต้องตื่นแต่เช้ามืด อาศัยรถเมล์เป็นหลัก
ที่ทำงานก็อยู่ไกลโพ้น บอกให้บริษัทย้ายมาอยู่ใกล้บ้าน
เจ้านายบอกว่า จะย้ายไปทำไมบ้านนอก
เลยต้องจำใจวางตัวสงบเสงี่ยม ทำตัวเป็นพนักงานที่ดีต่อไป
แต่ก็มีความหวังลึกๆว่าสักวัน ข้าพเจ้าต้องเข้าเทคโอเวอร์ซื้อกิจการนี้ให้ได้
ตอนนี้ก็รอเก็บเงินโบนัสอยู่ แต่ตั้งแต่ทำงานมาก็ไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง
ตี 5 เศษๆก็เดินออกจากบ้านเพื่อมาขึ้นรถเมล์ไปทำงาน
การออกจากบ้านเช้าเกินไปถึงที่ทำงานก็ยังไม่เปิด
ออกสายอาจเจอรถติด...กลัวเสียประวัติ
และให้มันเป็นอย่างงี้ทุกที เดินเกือบจะถึงป้าย
ก็จะมีรถเมล์สายที่เราจะต้องขึ้นวิ่งผ่านไป โดยมีผู้โดยสารโหรงเหรง
จำเป็นมากๆ ที่เราควรจะได้นั่ง เพราะต้องใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง
กว่าจะถึงที่ทำงาน ถ้าเป็นขากลับก็บวกไปอีกครึ่งชั่วโมง
ฉะนั้นการยืนระยะทางยาวๆคงไม่ค่อยเป็นที่ปราถนานัก
ด้วยมีความเป็นสุภาพบุรุษสูง เมื่อมีที่ว่างก็มักจะเสียสละให้คุณสุภาพสตรีเสมอๆ
มีครั้งหนึ่งยืนจนถึงที่หมาย พอจะลงจากรถ ขามันก้าวไม่ออก นึกว่าอัมพฤกษ์กินขาซะแล้ว
การนั่งรอรถเมล์เป็นเวลานานๆ เป็นสิ่งปกติประจำวัน
ไม่ควรละสายตาจากถนน เนื่องจากฟ้ายังไม่สว่าง
รถต้องเปิดไฟทุกคัน การมองย้อนแสง ทำให้มองได้ยาก
ว่ารถเมล์ที่กำลังมานั้นสายอะไร นอกจากเมื่อใกล้เข้ามา
ถ้าคลาดสายตาแล้วรถไม่จอดป้าย จำเป็นต้องรอต่อไป ความรู้สึกเหมือนกับว่า
ปวดท้องหนัก แล้วมีคน
อยู่ในห้องน้ำ เมื่อไหร่มันจะออกมาเสียที(วะ)
ข้อสงสัยในใจที่ยังไม่มีคำอธิบายอย่างชัดเจนก็คือ
ทำไมตอนเช้ามืดอย่างนี้ ไม่ค่อยจะมีสาวๆตื่นมารอรถเมล์ไปทำงานเหมือนเราบ้างเลยนะ
และสุดท้ายก็เป็นเหตุการณ์สำเร็จรูป รถที่เราจะต้องโดยสารเข้าจอดป้าย
พร้อมกับมีผู้โดยสารเต็มคัน
อารมณ์ข้างต้น เคยผ่านมาหมดแล้วค่ะ น่าประทับใจจริง และอีกอย่างคือ อาศัยหลับบนรถเมล์ ^^