The Cider House Rules : ติดกรอบศีลธรรม  การทำแท้ง การมีความสัมพันธ์กับภรรยาของผู้อื่น การหลับนอนกับบุตรสาวของตนเอง การคิดอาฆาตบุพการี เหตุการณ์เหล่านี้ หากมองผ่านแง่มุมทางศีลธรรมแล้ว ต้องถือว่าเป็นการทำผิดอย่างร้ายแรงทีเดียว แต่สำหรับภาพยนตร์เรื่อง The Cider House Rules แล้ว อาจมองเรื่องเหล่านี้ต่างออกไป เพราะในภาพยนตร์กำลังชี้ให้เห็นถึงการมองเหตุการณ์เหล่านี้ในแง่มุมที่เป็นจริง ไม่ใช่ผ่านกรอบของศีลธรรม ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าเรื่องเกี่ยวกับโฮเมอร์ เวลส์ เด็กกำพร้าในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซึ่งก็เป็นสถานที่รับทำแท้งด้วยในขณะเดียวกัน ด้วยเหตุผลทางศีลธรรมทำให้เขาต่อต้านการทำแท้ง จนกระทั่งเขาได้มีโอกาสเดินทางไปทำงานในไร่แอปเปิ้ลของครอบครัวของวอลลี่ ที่นั่นเขาได้พบกับเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งสั่นคลอนความเชื่อศีลธรรมของเขา และทำให้เขาตระหนักว่าแท้จริงแล้วศีลธรรมก็เป็นเพียงสิ่งที่ถูกสมมติขึ้น ไม่สามารถใช่สิ่งแน่นอนเกี่ยวกับความดี ความชั่ว แต่อย่างไร คำว่าศีลธรรมนั้นหมายถึงแบบแผนประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ถูกที่ควร เป็นสิ่งที่คอยบอกว่าสิ่งไหนถูก สิ่งไหนผิด ศีลธรรมนี่เองที่มนุษย์ภูมิใจกันว่าทำให้มนุษย์กลายเป็นสัตว์ประเสริฐ ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน ศีลธรรมอาจมีข้อดีคือสามารถใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตได้ แต่ในขณะเดียวกันมีข้อจำกัดตรงที่ศีลธรรมได้กลายเป็นกรอบในการกำหนดความผิดถูก จนเราไม่สามารถที่จะคิดต่างไปจากกรอบศีลธรรมนี้ได้ ทั้งที่โดยความเป็นจริงแล้ว ศีลธรรมไมใช่สิ่งที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ แต่เป็นสิ่งที่ถูกให้คุณค่าขึ้นมาต่างหาก ลองสมมติให้เราอยู่คนเดียวในโลก เราจำเป็นต้องมีศีลธรรมหรือไม่ คำตอบน่าจะเป็นคำว่า ไม่ เพราะในโลกที่มีเราเพียงผู้เดียว เราจะไม่สามารถทำดีได้ และขณะเดียวกันก็ไม่สามารถทำชั่วได้ เนื่องไม่มีใครมาให้เราเปรียบเทียบว่าสิ่งที่เราทำดีหรือไม่ดี กล่าวในอีกทางหนึ่ง ในสภาพธรรมชาตินั้น ไม่มีความดี ไม่มีความชั่ว ไม่มีศีลธรรม สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นภายหลังไม่ได้มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ในสภาพนั้นเราไม่ต่างจากสัตว์อื่นสักเท่าไหร่ ความดี ความชั่ว และศีลธรรมเริ่มขึ้น เมื่อเราเริ่มมาอยู่รวมตัวกันเป็นสังคม การที่มีคนจำนวนมากๆ มาอยู่รวมกัน มีโอกาสได้ง่ายที่อาจจะเกิดการกระทบกระทั่ง และเกิดความรุนแรงขึ้น ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็นที่จะต้องสร้างแบบแผนในการประพฤติปฏิบัติให้แก่สมาชิกในสังคม เป็นเกณฑ์ในการบอกว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด สิ่งใดทำได้ สิ่งใดทำไม่ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้สังคมอยู่ร่วมกันได้โดยสงบสุข ด้วยเหตุนี้ศีลธรรมจึงถือกำเนิดขึ้น แรกเริ่มศีลธรรมอาจเป็นเพียงตัวช่วยให้สังคมอยู่กันได้อย่างสงบสุข แต่เมื่อสังคมขยายตัวมากขึ้น และทวีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ศีลธรรมก็เริ่มขยายขอบเขตมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน จนปัจจุบันศีลธรรมก็มีอิทธิพลมากจนกลายมาเป็นกรอบความคิดของคนในสังคม และกลายเป็นสิ่งชี้นำความถูกผิดในสังคม ใครที่ไม่กระทำตามกรอบศีลธรรมก็จะถูกลงโทษ จนลืมนึกไปว่าจริงๆ แล้ว ศีลธรรมเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดขึ้นมาเท่านั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้พยายามทำลายกรอบศีลธรรมที่ครอบความคิดของเราอยู่ เพื่อให้เห็นว่าสิ่งต่างๆ นั้นไม่มีดีไม่มีชั่วในตัวมันเอง อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์ก็ยังยอมรับในพลังของศีลธรรมที่มีค่อนข้างมาก เมื่อไหร่ที่เกิดความรู้สึกขัดแย้งระหว่างความรู้สึกนึกคิดของตนกับศีลธรรม สิ่งที่เกิดขึ้นคือความรู้สึกผิด และนำไปสู่การ หนี หรือ หลบซ่อน จากสังคม เพื่อไม่ให้คนในสังคมรู้ถึงความต้องการที่ผิดศีลธรรมของพวกเขา วอลลีต้องพาแคนดี้ ไปทำแท้งในสถานที่ห่างไกล เพื่อหนีให้พ้นจากกรอบศีลธรรมของสังคมที่พวกเขาอยู่ โฮเมอร์กับแคนดี้ ต้องปกปิดความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นความลับ เนื่องจากแคนดี้เป็นภรรยาของวอลลี โรส กับโรส โรส ต้องพบโศกนาฏกรรม เพราะพวกเขาเป็นพ่อลูกกัน เรื่องราวต่างๆ ในภาพยนตร์คงไม่เป็นเกิดเป็นปัญหา หากเรายกเรื่องของศีลธรรมออกไป แต่เพราะเราเป็นสัตว์สังคม และสำหรับสังคม ศีลธรรมคือเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งในการอยู่ร่วมกัน โดยไม่รู้ตัวเราปล่อยให้กรอบศีลธรรมเข้ามาจำกัดกรอบการมอง กรอบการคิดในเรื่องต่างๆ ของเราไปมากทีเดียว โดยที่เราลืมนึกไปว่าศีลธรรมก็เป็นเพียงสิ่งสมมติที่ถูกสร้างขึ้นมาเท่านั้น ไม่มีจริงตามธรรมชาติ คงจะดีไม่น้อยหากเราสามารถหลุดพ้นจากกรอบคิดของศีลธรรม และมองทุกอย่าง อย่างที่เป็นมันเป็นจริงได้ เหมือนอย่างที่โฮเมอร์ทำได้ในตอนท้ายของภาพยนตร์  
ชอบครับ โดยเฉพาะป๋า Michael Caine ในเรื่องนี้
 โดย: Nanatakara
 วันที่: 6 มีนาคม 2554 เวลา:10:15:46 น.✌🏻
โดย: Nattakorn IP: 182.232.203.67 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2561 เวลา:20:09:49 น.
|
|||||||||||||||||||||
 |
|
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [