วัดร่องขุ่น พุทธศิลป์เพื่อแผ่นดิน จังหวัดเชียงราย ตอนที่ 1





วัดร่องขุ่น “สร้างพุทธศิลป์เพื่อแผ่นดิน โดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์”

"ความตายเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะหยุดเสรีภาพแห่งจินตนาการของผมได้ครับ"


   ผมเป็นจิตรกรอาชีพ ชอบวาดรูปตั้งแต่จำความได้ ผมตั้งมั่นที่จะเป็นศิลปิน

เขียนรูปเพียงอย่างเดียว จึงขยันฝึกฝนตัวเองจนสามารถเรียนจบวิชาศิลปะ

จากสถาบันศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศ โรงเรียนเพาะช่าง และมหา

วิทยาลัยศิลปากร


   ผมผ่านการได้รับรางวัลที่ ๑ เหรียญทองจากการประกวดผลงานศิลปะ

ระดับชาติ เมื่อปี ๒๕๒๐ หลังจากนั้นไม่ส่งผลงานเข้าประกวดอีกเลย

เพราะคิดว่าการได้รับรางวัลไม่ใช่จุดสูงสุดในชีวิตที่ผมได้ตั้งเป้าหมายไว้





ระหว่างปี ๒๕๒๓ ถึงปี ๒๕๓๙ ผมออกเดินทางไปแสดงผลงานเพื่อหา

ประสบการณ์และเผยแพร่งานพุทธศิลป์ในต่างประเทศทั้งในเอเชีย ยุโรป

และอเมริกา โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ ผมเดินทางไปอยู่ถึง ๔ ปี เพื่อ

เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังในวัดไทย ณ กรุงลอนดอน ซึ่งเป็นวัดของรัฐบาล

ไทย ชื่อวัดพุทธประทีป เริ่มปี ๒๕๒๗ ถึงปี ๒๕๓๑ เพื่ออุทิศเป็นพุทธบูชา

แด่พระพุทธเจ้าและประเทศชาติของผม โดยไม่คิดค่าจ้าง เพราะผม

ปรารถนาที่จะเป็นผู้นำงานพุทธศิลป์ร่วมสมัยของชาติผมให้ชาวโลก

ได้รู้จักได้สัมผัสสุนทรียภาพทางอารมณ์และปรัชญาที่แตกต่าง





ผมเรียนธรรมมะของพระพุทธเจ้ามากกว่า ๒๐ ปี ผมเข้าใจสัจธรรมการ

เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป ผมฝึกฝนปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเพื่อตัดกิเลส

ได้มากพอควร ผมนำหลักพุทธธรรมเป็นผู้นำชีวิตผมให้เดินทางสายกลาง

ทั้งภายนอกและภายในจนประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรม


  ทางโลกนั้น ผมมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับและรู้จักของคนทั้งประเทศ มีนัก

สะสมผลงานศิลปะทั้งในและต่างประเทศหาซื้อผลงานของผม จนไม่มี

ในตลาดศิลปะ ทำให้หลังปี ๒๕๔๐ ผลงานของผมมีราคาสูงมาก และ

หาซื้อไม่ได้ในขณะ


   ปี ๒๕๓๔ ผมได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้รับใช้ถวายงานแด่พระมหากษัตริย์

อันเป็นที่รักยิ่งของผมหลายชิ้น





ส่วนในทางธรรมนั้น ผมมีจิตใจที่งดงามมากขึ้น มีความสุข จิตราบเรียบสงบ

ไม่ฟุ้งซ่านดิ้นรนเหมือนอดีตก่อนผมรู้จักธรรมะของพระพุทธองค์


ธรรมะทำให้ผมมุ่งปรารถนาที่จะเป็นผู้ให้แก่มวลมนุษยชาติ และเป็นที่มา

ของการตั้งจิตมุ่งมั่นที่จะคืนชีวิตของตนเองให้แก่ชาติ แก่พระศาสนา และ

แก่มนุษย์ทั้งโลก


   ผมตั้งความหวังที่จะมอบชีวิตในวัยที่มีค่าที่ดีพร้อมที่สุดของอาชีพจิตรกร

ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา ฝีมือ จินตนาการให้แก่โลกไปจวบจนลมหายใจ

สุดท้ายของชีวิต





ผมเริ่มงานก่อนตามตั้งใจไว้ถึง ๓ ปี โดยการเริ่มสร้างวัดร่องขุ่น วัดบ้านเกิด

ของผม เมื่ออายุเพียง ๔๒ ปี ด้วยเงินที่ผมเก็บสะสมไว้กว่า ๒๐ ปี จากการ

จำหน่ายผลงานศิลปะของผม


ผมหวังที่จะสร้างงานพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผมให้ปรากฏ

เป็นงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ชิ้นหนึ่งของโลกมนุษย์นี้ให้ได้ เพื่อประกาศความ

ยิ่งใหญ่ของประเทศชาติของผมไปสู่มวลมนุษยชาติทั้งโลก




ผมเริ่มสร้างอุโบสถก่อนเมื่อปี ๒๕๔๐ บนพื้นที่เดิมของวัด ๓ ไร่ ผ่านมาบัดนี้

ปี ๒๕๔๗ เข้าปีที่ ๗ ที่ผมอุทิศตน ผมขยายวัดเป็น ๑๒ ไร่ จากการซื้อที่ดินเพิ่ม

และคุณวันชัย วิชญาชาคร ร่วมบริจาค





ณ เวลานี้อุโบสถเสร็จไปประมาณ ๖๐ เปอร์เซ็นต์ คาดว่าภายนอกจะเสร็จอีก

๕-๖ ปีข้างหน้า ส่วนภายในซึ่งเป็นงานตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังจะ

ใช้เวลาอีก ๘ ปี จึงจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ ภายในบริเวณวัดจะประกอบไปด้วย

อาคารที่มีลักษณะรูปทรงที่แตกต่างกันทั้งหมด ๙ หลัง


เพื่อสร้างให้เป็นเมืองสวรรค์อันยิ่งใหญ่อลังการ ผมคงไม่สามารถที่จะมี

ชีวิตอยู่เพื่อตกแต่งลวดลายเสร็จหมดทั้ง ๙ หลัง เพราะศิลปะยืนยาวแต่

ชีวิตสั้น เพียงผมคาดว่าโครงการของสถาปัตยกรรมทั้งหมดคงจะเสร็จ

ภายใน ๓ ปี ข้างหน้า ปี ๒๕๕๐ หากเมื่อผมตาย คณะลูกศิษย์ที่ผมสอน

ไว้จะสานต่อจินตนาการของผมจนแล้วเสร็จทั้งหมด ผมได้เตรียมการ

บริหารจัดการหลังความตายไว้พร้อมแล้ว




ท่านที่มาเยี่ยมชมวัดแล้วอย่ากังวลใจกลัวว่าผมจะสร้างไม่เสร็จ เพราะสาเหตุ

ที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก และยังจำกัดจำนวนเงินของผู้บริจาคไม่ให้เกิน

๑๐,๐๐๐ บาท เงินไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับผม มาวันนี้ผมจ่ายไปแล้วกว่า

๓๐ ล้านบาท ผมมั่นใจในตนเอง มั่นใจต่อจิตอันเป็นผู้ให้ของผม ขอทุกท่าน

อย่าได้เป็นห่วง





ผมไม่ปรารถนาขอเงินใคร ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล องค์กรเอกชน หรือเศรษฐีผู้

ร่ำรวย เพระผมไม่อยากอยู่ใต้อำนาจทางความคิดของใคร ไม่ต้องการให้ใคร

มีอำนาจเหนือจินตนาการของผม ผมต้องการอิสรภาพทางความคิดสร้าง

สรรค์ ผมเชื่อว่า “เงินจำนวนมาก ย่อมมาพร้อมอำนาจของผู้บริจาค”





ผมสร้างงานพุทธศิลป์ด้วยความศรัทธาจริต ไม่ได้มุ่งหวังสิ่งใดๆ ตอบแทน

ไม่ต้องการและไม่ชอบการทำบุญเอาหน้า


วัดนี้ไม่เคยเรี่ยไรเงินด้วยกฐินผ้าป่า วัดนี้ไม่รีบร้อนสร้างเพื่อฉลองในโอกาส

ใดๆ ทั้งสิ้น ผมคิดเพียงอย่างเดียว ต้องดีที่สุดสวยที่สุด สร้างจนหมดภูมิ

ปัญญาทางโลกและทางธรรมของผม




"ผมสร้างวัดโดยไม่เคยเรี่ยไรเงินจากใคร ผมต้องการปัจจัยที่มาจากแรง

ศรัทธาอันบริสุทธิ์ใจของชาวพุทธ ที่ปรารถนาจะช่วยกันค้ำจุนพระศาสนา

และงานพุทธศิลป์ของชาติเท่านั้น ผมไม่ต้องการปัจจัยจากผู้ที่หวังผล

ประโยชน์จากการบริจาค"

(คัดลอกจากเอกสารวัดร่องขุน โดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์)

//www.oceansmile.com/N/Chiarai/Watrongkhun.htm





พระครูชาคะริยานุยุต ( ท่านไสว ) เจ้าอาวาส

วัดร่องขุ่น ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ๕๗๐๐๐

โทร (๐๕๓) ๖๗๓-๕๗๙


เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์

๓๖ ซอยอารีสัมพันธ์ ๓ ถนนพหลโยธิน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ๑๐๔๐๐

โทร. ๒๗๙-๒๐๔๔ , ๒๗๘-๑๓๐๒ , ๑๖๒ เรียก ๑๓๙-๑๘๘


หรือ โอนเงินเข้าบัญชี "วัดร่องขุ่น"

บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี ๗๔๗-๑๐๐๖๗๗-๐

ธนาคารไทยพานิชย์ จำกัด (มหาชน)

สาขาสี่แยกแม่กรณ์ จังหวัดเชียงราย


//www.dhammathai.org/watthai/north/watrongkhun.php





วัดร่องขุ่น อยู่ที่บ้านร่องขุ่นกม.ที่ ๘๑๗-๘๑๘ทางขวามือ ก่อนจะถึงตัวเมือง

๑๒ กม. โดยมีอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรชั้นแนวหน้าของประเทศไทย

เป็นผู้ออกแบบทั้งหมด โดยได้ทรัพย์สินส่วนตัว ของตัวอาจารย์เฉลิมชัยเอง

บวกกับพื้นที่บริจาคประมาณ 7 ไร่เศษ ของคุณวันชัย วิชญชาคร และเงินบริจาค

ของผู้ที่มีจิตศรัทธา





ลักษณะเด่นของวัดคือพระอุโบสถที่ประดับตกแต่งด้วยสีขาวเป็นพื้น ประดับด้วย

กระจกบนปูนปั้นเป็นลายไทย โดยเฉพาะเหนืออุโบสถที่ประดับด้วยสัตว์ในเทพนิยาย

เป็นรูปกึ่งช้างกึ่งวิหคเชิดงวงชูงา ดูงดงามแปลกตาน่าสนใจมาก ภาพจิตรกรรม

ฝาผนังภายในพระอุโบสถก็ เป็นฝีมือภาพเขียนของอาจารย์เอง

//www.ezytrip.com/travelsearch/district_attract2.php?chk=2695





ก่อนเข้าเมืองเชียงรายประมาณ ๑๓ กิโลเมตรตรงสามแยกไฟแดงทางเข้า

น้ำตกขุนกรณ์ จะเป็นที่ตั้งของวัดร่องขุ่น ซึ่งห่างถนนใหญ่เพียง ๑๐๐ เมตร

เท่านั้น วัดร่องขุ่น อยู่ในท้องที่ตำบลอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

เป็นวัดบ้านเกิดของอาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรชื่อดังของไทย

ผู้ฝากผลงานด้านพุทธศิลป์ที่เกรียงไกร วิจิตรวิไลและอลังการคณานับไว้

บนผืนแผ่นดินไทยและต่างประเทศจนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก

//www.geocities.com/lek41_plus/watrongkhun.html





วัดร่องขุ่น (Wat Rong Khun) ออกแบบและก่อสร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัย

โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งปรารถนาจะสร้างวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ที่มนุษย์สัมผัสได้

เริ่มสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2540 จากเดิมมีเนื้อที่ 3 ไร่ ได้ซื้อที่ดินเพิ่มและมีผู้บริจาค

คือคุณวันชัย วิชญชาคร จนปัจจุบันมีเนื้อที่ 9 ไร่ และมีพระกิตติพงษ์ กัลยาโณ

รักษาการเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน





ประวัติ

อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างวัดมาจาก

3 สิ่งต่อไปนี้คือ


ชาติ :  ด้วยความรักบ้านเมือง รักงานศิลป์ จึงหวังสร้างงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ ไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน

ศาสนา :   ธรรมะได้เปลี่ยนชีวิตของอาจารย์เฉลิมชัยจากจิตที่ร้อนกลายเป็นเย็น จึงขออุทิศตนให้แก่พระพุทธศาสนา

พระมหากษัตริย์ :   จากการเข้าเฝ้าฯ ถวายงานพระองค์ท่านหลายครั้ง ทำให้

อาจารย์เฉลิมชัยรักพระองค์ท่านมาก จากการพบเห็นพระอัจฉริยะภาพทาง

ศิลปะและพระเมตตาของพระองค์ท่าน จนบังเกิดความตื้นตันและสำนึกใน

พระมหากรุณาธิคุณ จึงปรารถนาที่จะสร้างงานพุทธศิลป์ถวายเป็นงานศิลปะ

ประจำรัชกาลพระองค์ท่าน





ความหมายของอุโบสถ


สีขาว : พระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า

สะพาน : การเดินข้ามจากวัฎสงสารสู่พุทธภูมิ

เขี้ยว หรือ ปากพญามาร : กิเลสในใจ

สันของสะพาน : มีอสูรอมกัน ข้างละ 8 ตัว 2 ข้าง รวมกันแทนอุปกิเลส 16

กึ่งกลางของสะพาน : เขาพระสุเมรุ

ดอกบัวทิพย์ : มี 4 ดอกใหญ่ตรงทางขึ้นด้านข้างอุโบสถแทนซุ้มพระอริยเจ้า

4 พระองค์ คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์

บันไดทางขึ้น : มี 3 ขั้นแทน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา




วัดร่องขุ่น - วิกิพีเดีย


(ภาพนี้ยังมีเหล็กดามอยู่ )





ตั้งอยู่ในเขตตำบลคลองลานพัฒนา ตำบลคลองน้ำไหล ตำบลโป่งน้ำร้อน และ

ตำบลสักงาม อยู่ห่างจากตัวจังหวัด ประมาณ 65 กม. ออกแบบและก่อสร้าง

โดยอาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เมื่อ พ.ศ. 2540 โดย บนพื้นที่เดิมของวัด

3 ไร่ และขยายออกเป็น 12 ไร่ อุโบสถ ประดับกระจกสีเงินแวววาววิจิตรงดงาม

แปลกตา ภายในอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง โดยเฉพาะภาพพระพุทธองค์

หลังพระประธานซึ่งเป็นภาพที่ใหญ่งดงามมาก





ความหมายของอุโบสถ


  สีขาวของโบสถ์แทนพระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า กระจกขาวหมายถึง

พระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าที่เปล่งประกายไปทั่วโลกมนุษย์และจักรวาล

  สะพาน หมายถึง การเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ก่อนขึ้นสะพานครึ่ง

  วงกลมเล็กหมายถึง โลกมนุษย์ย์ วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามาร หรือ

พระราหูหมายถึง กิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์ ผู้ใดจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า

ในพระพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองทิ้งลงไปในปาก

พญามาร เพื่อเป็นการชิระจิตเราให้ผ่องใสถึงจะเดินผ่านขึ้นไป บนสันของ

สะพานจะประกอบไปด้วยอสูรอมกัน 16 ตัว ข้างละ 8 ตัว อุปกิเลส 16 จาก

นั้นก็จะถึงกึ่งกลางสะพาน หมายถึง เขาพระสุเมรุ เป็นที่อยู่องเทวดา ด้านล่าง

เป็นสระน้ำ หมายถึง สีนดรมหาสมุทร มีสวรรค์ตั้งอยู่ 6 ชั้นด้วยกัน ผ่านสวรรค์

6 เดินลงไปสู่แผ่นดินของพรหม 16 ชั้น แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 16 ดอก รอบ

อุโบสถ ดอกที่ใหญ่สุด 4 ดอก ตรงทางขึ้นด้านข้างโบสถ์ หมายถึง ซุ้มพระ

อริยเจ้า 4 พระองค์ ประกอบด้วยพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี

และพระอรหันต์ เป็นสงฆ์สาวกที่เราควรกราบไหว้าบูชา





ก่อนขึ้นบันได ครึ่งวงกลม หมายถึง โลกุตตรปัญญา บันไดทางขึ้น 3 ขั้น

แทนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ผ่านแล้วจึงขึ้นไปสู่แผ่นดินของอรูปพรหม 4

แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 4 ดอก และ บานประตู 4 บาน บานสุดท้ายเป็น

กระจกสามเหลี่ยมแทนความว่าง (ความหลุดพ้น) แล้วจึงจะก้าวข้าม

ธรณีประตูเข้าวสู่พุทธภูมิ

ภายในประกอบด้วยภาพเขียนโทนสีทองทั้งหมด ผนัง 4 ด้าน เพดาน

และพื้นล้วนเป็นภาพเขียนที่แสดงถึงการหลุดพ้นจากกิเลสมาร มุ่งเข้า

สู่โลกุตรธรรม





ส่วนบนของหลังคาโบสถ์ ผมได้นำหลักธรรมอ้นสำคัญยิ่งของการปฏิบัติจิต

3 ข้อ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นำไปสู่ความว่าง (ความหลุดพ้น)

  ช่อฟ้าเอก หมายถึง ศีล ประกอบด้วยสัตว์ 4 ชนิดผสมกัน แทน ดิน น้ำ ลม

ไฟ ช้าง หมายถึง ดิน นาค หมายถึง น้ำ ปีกหงส์ หมายถึง ลม และหน้าอก

หมายถึง ไฟ ขึ้นไปปกปักรักษาพระศาสนา บนหลัง ช่อฟ้าเอกเทินด้วยพระ

ธาตุ หมายถึง ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ข้อ และ 84,4000 พระธรรมขันธ์





ต่อบล๊อกสองนะคะเดี๋ยวจะโหลดนานเกินไป


♥ดูผลงานของย่าชิ้นแรกสมุดมด♥

♥ดูผลงานของย่าชิ้นที่สองหนังสือสร้างสุข♥




Create Date : 29 พฤษภาคม 2551
Last Update : 14 พฤษภาคม 2559 23:24:36 น.
Counter : 6401 Pageviews.

22 comments
  
ห้ามไปกระโดดร่มแถววัดร่องขุ่นเพราะกนกแต่ละตัว แหลมชมัดเลย เด็กๆไปเที่ยวระวังด้วยล่ะ
โดย: ตาพรานบุญ วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:21:13 น.
  
โดย: นายแจม วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:25:52 น.
  
เคยไปมาแล้วนะค่ะ สวยมากๆ
โดย: ยอพระกลิ่น วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:28:18 น.
  
เคยไปมาแระ สวยค่ะสวย
โดย: Summer Flower วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:38:58 น.
  
งามหลายครับ ทั้งศิลป พุทธศิลป์ และ ภาพถ่าย
โดย: พนบ. วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:12:30 น.
  
เข้ามาชมภาพพุทธศิลป์ ค่ะ มุมมองการถ่ายทอดของภาพถ่ายของย่าดา สื่อออกมาได้สวยงามมากค่ะ ...
ไปเที่ยวหลายครั้งแล้ว ... แต่เมื่อเห็นมุมมองที่คุณย่าดา ถ่ายทอด กลับให้ตื่นตา ในความวิจิตร อีกครั้งค่ะ
ขอบคุณนะคะ ที่นำมาฝากกันค่ะ
โดย: ป้ากิโล (Geerorogunso ) วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:35:37 น.
  

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

ฝีมือการถ่ายภาพของย่าดายอดเยี่ยมมาก ๆ ครับ

อิอิ
โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:25:24 น.
  
อลังการงานสร้างมากมายครับ
ขอบคุณคุณย่าดาดาที่พาไปเที่ยวครับ

ภาพสวยมากกกกกกกกกกกกกกก
โดย: KyBlueSky วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:57:58 น.
  
แวะมาอ่านข้อมูลวัดร่องขุ่นค่ะ
ถ่ายภาพได้สวยมากๆเลยค่ะ
โดย: พี่สาว (พอที ) วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:58:24 น.
  
ย่าดาถ่ายมาซะพริ้วอ่ะคะ
เห็นแล้วมันฟุ้งๆ เหมือนอยู่ในสวรรค์
ภาพเลยสวย ไม่เหมือนนู๋ถ่าย
ออกมาเหมือนว่ามันแข็งๆ ยังไงก็ไม่รู้อ่ะค่ะ
โดย: JewNid วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:40:45 น.
  
แวะมาชมภาพถ่ายวัดร่องขุ่น
เพิ่งจะเห็นภาพชุดนี้ ที่สีขาวของวัดร่องขุ่นไม่เว่อร์เลย ยอดเยี่ยมจริงๆ ...เรียกว่ากล้องตัวนี้หรือการถ่ายภาพครั้งนี้ สีขาวๆ ไม่ใช่เรื่องยากเลย ให้ 5 ดาวเลย....
โดย: ถปรร วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:08:09 น.
  
ย่าดาคะ สวยมากๆเลยค่ะ นี่คือความฝันหนึ่งที่จ๊อกอยากจะไป แต่เห็นย่าดาถ่ายทอดมาแล้วก็เหมือนได้ไปสถานที่จริงเลยนะคะ ขอบคุณค่ะ
โดย: คนชุมแสง วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:39:12 น.
  
ภาพสวยค่ะ
วัดก็สวยมากๆ
โดย: PPpIRCU วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:49:31 น.
  
ทึ่งในความพยายามครับ แต่ผมว่ามันสื่อถึงวามฟุ้งเฟ้อขัดกับหลักธรรม เกินความจำเป็นไปหน่อย ชอบแบบขาวๆไม่มีอะไรเลยมากกว่าครับ
โดย: แป๊กก วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:21:54:07 น.
  
วัดสวยครับ แต่ยังไม่มีบุญได้ไปยลโฉมเลย
โดย: lglnv(สเสือ) (Mr.Tyger ) วันที่: 2 มิถุนายน 2551 เวลา:13:08:48 น.
  
เห็นความพยายามของอาจารย์ สุดยอดมากเลยครับ อยากเก่งเหมือนอาจารย์ จะได้สืบทอดศิลปะให้อยู่คู่แผ่นดินไทยครับ
โดย: บอย เรียนศิลปกรรมราชภัฎอุดร IP: 192.168.1.118, 124.157.148.100 วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:38:10 น.
  
ขนลุก ครับสุดยอดสุดๆไปเลย
โดย: . IP: 58.9.120.16 วันที่: 30 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:09:30 น.
  
ไปชมมาแล้วเป็นครั้งแรกยอมรับว่าท่านอาจารย์เฉลิมชัยเป็นผู้ถ่ายทอดงานพุทธศิลป์ได้ดีเยี่ยม อยากให้คนที่ทำงานในกรมศิลปากรได้ดูเป็นตัวอย่างของการสร้างงานศิลป์ต้องมีความรัก ความเสียสละในอาชีพของตนเอง และทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติให้มากกว่านี้ อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ของพวกพ้องมากเกินไปงานศิลป์ที่ทุกคนต้องรับผิดชอบจะได้ทรงคุณค่าให้กับลูกหลานและประเทศชาติสืบไป ทำงานให้สุดความสามารถที่ได้ร่ำเรียนมาเต็ม 100 % ด้วยเทอญ
โดย: คนกรมศิลป์ IP: 125.24.2.146 วันที่: 14 มกราคม 2553 เวลา:15:44:11 น.
  
ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมสร้าง สิ่งที่สวยงามที่สุดในโลก
โดย: คนชอบ IP: 58.8.33.44 วันที่: 23 ตุลาคม 2553 เวลา:22:13:17 น.
  
Wonderfull fotos
Greeting from Belgium
//retriever-louisettesblogs.blogspot.com/
โดย: Louisette IP: 91.178.222.170 วันที่: 27 เมษายน 2555 เวลา:0:45:45 น.
  
็Hello Louisette your blog are very nice
โดย: da da IP: 124.120.25.229 วันที่: 21 พฤษภาคม 2555 เวลา:15:57:43 น.
  
ขอบคุณทุกท่านสำหรับคอมเม้นท์ค่ะ
โดย: ย่าดา ไม่ได้ล๊อกอิน (ดา ดา ) วันที่: 21 พฤษภาคม 2555 เวลา:16:16:09 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Dada.BlogGang.com

ดา ดา
Location :
1  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]

บทความทั้งหมด