พี่ครับผมอยากเป็นทนายนี่ต้องเรียนอะไรหรือ อ้อเรียนรัฐศาสตร์สิ
ไม่ได้มีความฟันที่อยากจะเป็นทนายความหรอกครับ แต่คิดว่าหาก้รียนทนายแล้วเราสามารถเป็นทนายความ หรือเป็นปลัดอำเภอได้ จึงอยากเรียนทนายความงัยละ เรื่องมันก็เกิดเมื่อ สมัยเมื่อสอบเทียบ ม.6 ได้เรียบร้อยแบบเรียน 6 เดือนจบนั้นละ คราวนี้ก็ต้องเรียนต่อละสิคราวนี้
เช้าวันหนึ่งซึ่งไม่รู้วันไหนของปี 2536 แต่งตัวหล่อแบบเรานั้นละน่าจะรองเท้าผ้าใบ (ไม่รู้จักคัดชู) กางเกงสแลค เสื้อโปโลมีปก สไตล์นักเรียนโข่งๆ เพราะอายุก็ 20 พอดี ก็ไปสมัครเรียนรามคำแหงที่หัวหมากนั้นละ ไปถึงก็สอบถาม รปภ. ว่าจะสมัครเรียนนี่ต้องไปที่ไหนหรือ เขาชี้ไปที่ตึก 4 ชั้นตึกหนึ่ง ข้างโรงอาหารนะ แถวๆฝั่งสนามกีฬาหัวหมากนั้นละ น่าจะชื่อตึกเวียงผาหรือเวียงคำนี่ละ อะไรสักอย่างหนึ่ง เพราะลืมละว่ามันตึกอะไร แต่ต้องใช่แน่นะแต่สลับกัน เป็นสองตึกสูงๆมีโรงอาหารใหญ่งั้นอยู่
บรรยากาศของทั่วมหาลัยก็อบอวนไปด้วย ป้ายประดาษ ลุกศรบอกทาง เสียงเรียก เสียงชวน และคนสมัคร คนมาส่ง คนรับสมัคร ฯลฯ คึกครื้นกันทีเดียวนะ สมกับเป็นมหาวิทยาเปิดจริงๆ พวกรุ่นพี่ๆก็มาอำนวยสะดวก มาชวนเข้าซุ้ม เข้าชมรม มาให้คำแนะนำ แบบหาน้องใหม่นั้นละ เราก็กลัวว่าว่าพวกนี้เป็นใครว่ะ 555 มาทำอะไร ชวนไปโน้น ชวนไปนี่ แล้วมันจะเกี่ยวกับเราตรงไหนว่ะ (ก็ไม่รู้นี่) เรียกอยู่นั้นละ น้องๆ น้องๆ มีอะไรให้พี่ช่วยมัย มีซุ้มหรือยัง มีชมรมหรือยัง มีกลุ่มหรือยัง มีเพื่อนหรือยัง มาจากไหน จังหวัดอะไร โรงเรียนอะไร มาอยู่กับพี่มัย คณะอะไรนะ สาขาอะไรนะ ฯลฯ สารพัดที่จะเชิญ ชวน แนะนำ
เราก็เดินไปตรงสมัครอย่างเดียว คือมันมึนๆ กลัวๆว่างั้นเถอะ พอไปถึงตึกนั้นก็ทำการซื้อใบสมัครและเอามากรอกข้อมูลพร้อมเตรียมหลักฐานวุฒิการศึกษาให้พร้อม พอมาถึงช่องว่าจะเลือกคณะอะไร นั้นละปัญหา ทำอย่างไรละทีนี้ เอาคณะอะไรดีหว่า โทรไปถามพี่เขยดีกว่า (สามีของลุกพี่สาวแม่ แต่อายุมากว่าเลยเรียกแบบนั้น) เพราะผู้เขียนเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไรแบบไหนบ้างไอ้คณะต่างๆ มันมึนๆๆอยู่ด้วย ย การโทรในสมัยนั้นก็ต้องตู้หยอดเหรียญสิครับ มาฟังตอนถามกันว่าเป็นแบบไหน
"พี่ตอนนี้มาสมัครเรียนรามกำลังสมัครพอดี แต่ยังไม่รู้จะเลือกคณะคณะ ผมอยากจะเป็นทนายความ อยากเป็นปลัดอำเภอนี่มันต้องเลือกคณะอะไรน่ะ" พี่เขยบอกมาว่า "อ้อแบบนั้นต้องเลือกคณะรัฐศาสตร์ มันจะได้เป็นได้ทั้งทนายและปลัด" เอาล่ะเมื่อได้รับคำแนะนำจากโทรศัพท์ แล้วก็เลือกเลยครับ "อยากเป็นทนาย อยากเป็นปลัดอำเภอ ต้องคณะ รัดสาด"... ตามคำแนะนำ เปะ
กรอกเสร็จก็เดินขึ้นตึกไปตามชั้นต่างๆ ไหลไปเรื่อยๆตามประสาคนมึนๆ คนรชนบท ไปตามช่องต่างๆ มีเชือกฟางกั้น มีเจ้าหน้าที่แนะ นำ ชี้ บอก ตรวจเอกสาร อำนวยสะดวก จนกระทั่งจ่ายเงิน ได้ใบเสร็จ ได้คู่มือ ฯลฯ เรียบร้อย เดินลงมาจากตึกก็มีรุ่นพี่ต่างๆอีกนั้นละ ถามบ้าง ชวนบ้าง ดึงบ้าง มาๆน้องๆ คำถามก็แบบเดิมๆนั้นละ แต่เราก็กลัวและมึนอยู่ 555 จึงรู้ตัวว่าอ้อสมัครเสร็จแล้ว
จากนั้นก็ไปหาซื้อหนังสือเรียนตามที่ลงทะเบียนเอาไว้ ก็ต้องถามอีกละเพราะที่จำหน่ายหนังสือเรียนมันอยู่ท้ายมหาลัยแถวประตูหลังราม (ตอนนี้ไม่รู้หรอก) เดินไปเรื่อยๆ ถามไปเรื่อย จนมาถึงตึกสูงๆ น่าจะตึก กงไกรลาศ มัยนะ ตึกใหญ่ท้ายสุดนะ ลืมไปแล้ว ชั้นล่างเป็นจุดขายหนังสือ เอาใบลงทะเบียนให้เขา จ่ายเงินค่าหนังสือ แล้วก็ได้หนังสือมากองหนึ่ง เอากลับมาได้ เป็นอันเสร็จกระบวนการล่ะ เรียนได้
ค่าหน่วยกิจหรือ จำได้ว่าราคาหน่วยละ 16 หรือ 18 หรือ 24 บาทนี่ละ จำไม่แม่น แต่ไม่เกิน 24 บาทต่อหน่วยกิจ ถูกสุดๆๆ จำไม่ได้ว่า 24 บาทนี่ ขึ้นมาในปี 2537 2538 หรือว่า แต่เริ่มเลย อันนี้ขออภัย
ได้เป็นลูกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง รหัส 36...36 คือปี ที่เหลือลืมหมดละ อย่างเป็นทางการเริ่มจากวันนั้นเป็นต้นมา เอาละว่ะจะได้เรียนกฎหมายล่ะครานี้ ตอนต่อไปก็ต้องเล่าเรื่องการเป็นลุกพ่อขุนตลอด 3 ปีที่เรียนนะ 3536-3538 ว่ามีรสมีชาดอย่างไรกัน
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [