หลายคนคงจะไม่เห็นด้วยกับผมในข้อนี้ ... แต่ลองฟังความคิดผมดูนะครับ

คุณควรเลือกงานที่ดีที่สุด โดยมองที่เนื้องาน มิใช่ที่เงิน ... เพราะงานที่ดีนั้นอาจจะไม่ให้ค่าตอบแทนสูงเสมอไป แต่งานที่ดีจะทำให้เราเก่งขึ้น มีโอกาสพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อความก้าวหน้าของเรามากกว่า ซึ่งเอื้อต่อการเลื่อนตำแหน่งของเรา


ชีวิตที่ผ่านมาของผม มีน้อยครั้งที่ผมจะรู้สึกว่าตัวเองคิดผิด ... แต่มีอยู่โอกาสหนึ่ง ที่ผมอยากมีย้อนเวลากลับไปเลือกใหม่ได้จริงๆ ... เมื่อตอนที่ผมเพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่นาน ผมได้รับข้อเสนอจากบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใหญ่ระดับโลก ให้รับตำแหน่งประสานงานโดยตรงกับรองประธานฝ่ายขาย ซึ่งผู้บริหารบิ๊กเบิ้มหลายท่านของบริษัทก็ผ่านตำแหน่งนี้มาทั้งนั้น หากว่าผมรับข้อเสนอของเขา ผมก็จะได้ทำงานกับนายที่เก่งมากๆ แถมเขายังได้เลื่อนขั้นรวดเร็ว (แจ๋ว! เพราะผมจะได้เข้าเสียบ) .... งานนั้นน่ะดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียว คือ ค่าตอบแทนที่เขาเสนอให้นั้นมันต่ำกว่าเงินเดือนของผมในขณะนั้นอยู่ 15% ผมก็เลยปฏิเสธไป.... คิดสั้นชะมัดที่เห็นแก่เงินเพียงไม่กี่พันเหรียญ เพราะถ้าเฉลี่ยกับการทำงานทั้งชีวิตแล้ว มันเหมือนไม่มีค่าอะไรเลย


ผมก็ได้แต่เฝ้าดูการเติบโตของผู้โชคดีคนถัดไปที่ได้นั่งเก้าอี้นั้นแทนผม ... เขาได้เลื่อนตำแหน่งเร็วมาก พุ่งพรวดๆ เลยดีเทียว .... เห็นแล้วปวดใจเลยล่ะครับ ..... หลังจากนั้น ผมก็ได้เลื่อนขั้นไปเทียบชั้นสูสี แต่ก็ใช้เวลานานกว่าเขามาก ... เข็ดเลยครับ บทเรียนครั้งนี้จำฝังใจ .... ตำแหน่งดีๆไม่ได้หาได้ง่ายๆ ถ้าได้งานดีแล้ว อีกหน่อยเงินก็มาเอง ต้องมองกันยาวๆครับ


ข้อสังเกตข้อหนึ่งของผม คือ จงอย่ารับตำแหน่งที่มีคำว่า “เจ้าหน้าที่พิเศษ” (Special) ในชื่อตำแหน่งเด็ดขาด เพราะสำหรับบริษัท ชื่อตำแหน่งพวกนี้ส่งสัญญาณว่า “อยู่ได้ไม่นานก็ต้องไป” (I'm on my way out.) .... ลองคิดดูสิครับ บริษัทลงทุนเสริมสร้างการทำงานเป็นทีมไปมากมายขนาดไหน แล้วจู่ๆกลับประกาศให้ใครคนหนึ่งได้เป็น “คนพิเศษ” อยู่คนเดียว


การเป็นคนพิเศษสำหรับบริษัท... ส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องดีครับ


ลองติดตามข่าวคราวเกี่ยวกับบริษัทที่จะปรับโครงสร้างองค์กร จัดระเบียบองค์กรใหม่ (Reorganization) สิครับ ... คุณจะพบว่า อยู่ดีๆก็มีตำแหน่ง “เจ้าหน้าที่พิเศษ” เพิ่มขึ้นมาคนสองคนทันที


* * * * * * * * * * * * * *