ทนายอ้วนกลับบ้าน ตอนที่ 4 วันแรกในเมลเบิร์น (ต่อ...เกือบจบแล้ว)
ผมต้องขอโทษท่านผู้อ่านด้วยนะครับที่บันทึกการเดินทางของผมออกอาการกระปริบกระปรอยมากๆช่วงนี้ ผมจะรีบเคลียร์งานครับเพราะอาทิตย์นี้ที่ทำงานผมจะยกขโยงไปเที่ยวหัวหินกัน 3 วัน กลับมาเจ้านายผมไม่อยู่ไปต่างประเทศ ทำงาน 3 วันก้อหยุดอีก 3 วัน ก้อเลยไม่อยากให้มีงานค้างเยอะๆครับ

เริ่มเลยนะครับ

หลังจากที่ผมเก็บข้าวเก็บของเสร็จเรียบร้อย ก็รีบลงลิฟท์มาที่ชั้นล่างตามที่ได้นัดกับพี่พอซซั่มไว้ คราวนี้ผมไม่ลืมที่จะเอาคีย์การ์ดไปปิ๊ดที่ลิฟท์ก่อน ฮ่าๆๆๆ ไม่เปิ่นแล้วๆ

ลงมาถึงโถงชั้นล่างเจอพี่พอซซั่มกับภรรยานั่งรออยู่แล้ว เราถ่ายรูปกันนิดหน่อยแล้วก้อออกไปหาอาหารกลางวันทานกัน

สำหรับมื้อแรกนี้ผมแนะนำอะไรง่ายๆ จึงชวนทุกคนไปทานอาหารจีนจานโตที่ร้าน Nam Roong ร้านนี้ตั้งอยู่บนถนน Russell Street ช่วงระหว่าง Little Bourke Street กับ Lonsdale Street ครับ ถึงแม้ว่าจะเป็นร้านอาหารคูหาเดียวแต่สังเกตุได้ง่ายมากๆครับ เพราะทางเข้าร้านจะอยู่ติดกับ Adult Supermarket หรือร้าน Sex Shop นั่นเอง อิอิ นี่ดีนะครับว่ามากันหลายๆคน ถ้ามาคนเดียวมีหวังผมหลงเข้าผิดร้านแน่ๆ ก๊ากๆๆๆ

ร้านนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในร้านโปรดของผม เป็นที่ฝากท้องกลางวันเวลาเข้ามาเดินเล่นในเมือง แต่ร้านนี้ไม่ได้เป็นภัตตาคารอาหารจีนหรูหราหรอกครับ ผมว่าน่าจะเรียกว่าร้านอาหารจีนจับกังจานด่วนมากกว่า เพราะว่าทำเร็ว เสิร์ฟเร็ว มาเก็บจานก้อเร็ว ทำให้เราต้องกินเร็วไปด้วย ปริมาณอาหารที่ให้มาก้อเยอะมากๆ เมื่อตอนที่ผมมาทานครั้งแรกๆต้องแบ่งกับเพื่อนครับ อยู่ๆไปไม่รู้เป็นไงกินหมดไป 1 จานแล้วต่อจานที่สองได้ซะงั้น อิอิอิ

เราได้โต๊ะนั่งด้านในแล้วเอาเมนูมากางอ่าน อาหารที่นี่ถึงแม้จะมีปริมาณเยอะมากแต่ราคาไม่แพงเลย โดยรวมๆแล้วถ้าเป็นจานหมู ไก่ เนื้อ ก้อจะตกอยู่ที่ 7-8 เหรียญครับ ถ้าเป็นอาหารทะเลก้อจะแพงขึ้นมาหน่อยเป็น 10-12 เหรียญแล้วแต่ว่าจะเอามาทำอะไร ผมว่าราคาก้อเท่าเดิมนะครับไม่มีเปลี่ยนแปลง

ผมสั่ง Pork Sweet and Sour Sauce on Rice (ผัดเปรี้ยวหวานหมูราดข้าว) ให้ตัวเอง ส่วนเพื่อนผมอยากกิน เกี๊ยวกุ้ง (Shrimp Wanton Soup) พี่พอซซั่มสั่ง ข้าวหมูกรอบ (Crispy Skin Pork on Rice) แล้วก้อสั่ง ข้าวหมูพะโล้ (Pork Belly on Rice) ให้ภรรยา

ตี๋น้อยรับออร์เดอร์ของพวกเราไปเรียบร้อยเดินกลับเข้าไปเอาอุปกรณ์คู่มือซึ่งก้อคือตะเกียบ ช้อนกระเบื้อง และจอกน้ำชา มาแจกพร้อมกับชา 1 กา

Can I have a pair of fork and spoon?
ผมร้องขอเปลี่ยนเป็น ช้อนกับส้อมเพราะผมใช้ตะเกียบไม่คล่อง ....

Yes.
ตี๋หนุ่มบอกว่าได้
But you have to return me those!!!
แต่คุณต้องคืนตะเกียบกะช้อนนั่นมาให้ก่อน

ฮ่าๆๆ มีแบบนี้ด้วยอ่ะ... ผมส่งตะเกียบกับช้อนกระเบื้องคืนให้อีกซักครู่น้องตี๋ถึงได้เอาข้อนกับส้อมมาให้ผมถือไว้

อ่า...... และแล้ว Pork Sweet and Sour Sauce on Rice ของผมถูกเสิร์ฟเป็นอย่างแรก



Create Date : 26 เมษายน 2549
Last Update : 27 เมษายน 2549 0:06:51 น.
Counter : 1200 Pageviews.

8 comments
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
๏ ... รามคำแหง แรงคำหาม ... ๏ นกโก๊ก
(2 ม.ค. 2567 14:22:51 น.)
ทนายอ้วนจัดดอกไม้ - จัดดอกไม้ง่ายๆ – แจกันสวัสดีปีใหม่ 2567 - กุหลาบพวงสีชมพู - ขาว ทนายอ้วน
(2 ม.ค. 2567 15:16:32 น.)
No. 1259 สาระเกือบมี (ตอนทำงานที่ใหม่ ถูกลองดี) ไวน์กับสายน้ำ
(1 ม.ค. 2567 05:58:05 น.)
  
ตามมาด้วย Shrimp Wanton Soup

และ Crispy Skin Pork on Rice

เราเริ่งลงมือกินโดยไม่เกรงใจภรรยาพี่พอซซั่ม ... ขอโทษนะครับที่เสียมารยาท ก้อเกรงใจไม่ไหวแล้วครับ หิวจริงๆ อิอิอิ

น้องตี๋น้อยเดินผ่านหน้าเราไป มา แต่ก้อยังไม่เอาจานที่ภรรยาพี่พอซซั่มสั่งมาเสิร์ฟซะที

Excuse me, we have ordered another dish. It’s pork belly on rice.
ขอโทษนะครับน้อง ช่วยตามพุงหมูพะโล้ให้พี่หน่อยครับ
Ahh… It takes time to cook pork belly, other it’s not nice.
ต้องรอปูเหลี๋ยวคับเพ่ ไม่งั้นมันไม่อาโหล่ย....
อะนะน้องตี๋.. มุกเยอะนะเรา

ในที่สุด พุงหมูพะโล้ของภรรยาพี่พอซซั่มก้อมาเสิร์ฟ
ถึงแม้ว่าพวกเราจะหิวมากๆ แต่ว่าแต่ละคนก้อไม่สามารถที่จะกวาดอาหารในจานของเราลงกระเพาะไปได้หมด เพราะว่ามันเยอะเหลือเกิน
หลังจากนั้นเรารีบจ่ายเงินที่หน้า เคาน์เตอร์ เพราะผมวางโปรแกรมไว้ไปทัวร์ รัฐสภาของรัฐวิคทอเรียไว้ตอนบ่ายสองโมง

ออกจากร้านพวกเราก้อเดินขึ้นตามถนน Russell Street แล้วเลี้ยวซ้ายเดินขึ้นไปตามถนน Bourke Street เดินขึ้นเนินไป Parliament แห่งรัฐ Victoria จะตั้งอยู่ที่ปลายถนน Bourke Street นี้ที่เค้าเรียกว่า The West End ครับ

เราเดินไป ถ่ายรูปไป ซัก 10 นาทีก้อเดินมาถึงหน้า Parliament แห่งรัฐ Victoria แอ๊คท่าถ่ายรูป อีกนิดหน่อยก้อเดินเข้าไปลงทะเบียนที่ห้องด้านข้างๆก่อนที่จะให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจหาวัตถุระเบิดโดยการเดินผ่านประตูย้อนกาลเวลาของโดเรม่อน (ก้อมันเหมือนกันนี่นา ... จริงมั๊ยครับ อิอิอิ) จากนั้นเราจะได้ sticker กลมๆสีเขียวคนละอัน เจ้าหน้าที่บอกให้แปะเอาไว้ตลอดเวลาที่อยู่ในรัฐสภา

เราทั้งหมดเดินเข้าไปรออยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า คนเริ่มทยอยกันเข้ามาเยอะมาก มองๆดูแล้วมีทั้งคนออสเตรเลียเอง คนจีน เวียดนามแล้วก้อคนไทย ผมแอบดีใจเล็กๆ ที่ได้เจอครอบครัวคนไทยที่เข้ามาดูสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แบบนี้ คิดอยู่ในใจว่าคุณแม่คนนี้น่ารักจังพาลูกมาเที่ยวแบบได้ความรู้ติดตัวกลับไปด้วย

ระหว่างที่รอให้ถึงเวลาผมอยากพูดถึงประวัติคร่าวๆของ Parliament แห่งรัฐ Victoria ซักนิดหน่อยครับ

รัฐสภาแห่งรัฐวิคทอเรียตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่า Eastern Hill หรือในปัจจุบันก้อคือบนถนน Spring Street ตัวอาคารรัฐสภาได้รับการออกแบบโดย Peter Kerr และ John George Knight ภายใต้การควบคุมของ Charles Pasley โดยเริ่มก่อสร้างในปลายปี ค.ศ. 1855 ส่วนแรกที่ได้ทำการสร้างก็คือ Ligislative Chambers ซึ่งประกอบไปด้วยสภา 2 สภา ก็คือ สภาสูง หรือ Legislative Council หรือ Upper House และ สภาล่าง Legislative Assembly หรือ Lower House ซึ่งเราจะได้เข้าไปนั่งในไม่กี่อึดใจนี้แล้วครับ


พอถึงเวลา 14.00 น.เป๊ะ เจ้าหน้าที่ที่เป็นคุณลุงแก่ๆ ก้อเรียกพวกเราเข้าไปรวมกัน แล้วนำทางพวกเราเข้าสู่ห้องโถงกลางที่เป็นโดมสูงเท่ากับตึก 2 ขั้นได้ครับ แล้วก้อพาเลี้ยวซ้ายเดินผ่านเข้าประตูไม้แกะสลักบานเบ้อเร่อผมเหลือบมองเห็นตัวหนังสือที่ป้ายทองเหลืองด้านบนเขียนไว้ว่า House of Common

คุณลุงเดินนำเราเข้าไปในห้องประชุมที่ตกแต่งด้วยพรมสีเขียวสด มีลายเป็นใบไม้ใบเล็กๆ คุณลุงบอกว่านี่คือสี Forest Green ที่เป็นสีที่ใช้ตกแต่ง สภาล่าง Legislative Assembly หรือ Lower House

คุณลุงให้เราเลือกนั่งเก้าอี้ตัวไหนก้อได้ตามใจชอบ แล้วก้อเริ่มด้วยการไล่ถามทีละคนว่ามาจากไหนกันบ้าง ก็อย่างที่ผมบอกไปตอนแรกแหละครับก้อมี พวกผม กะกลุ่มคุณแม่ลูก 4 ที่เป็นคนไทย มีเวียดนาม มีคนออสเตรเลียเองที่มาจากรัฐอื่น มีนักท่องเที่ยวคุณลุงคุณป้าชาวไอริช แล้วก้อหนุ่มน้อยอีกคนที่ประกาศก้องว่า ไอ คัม ฟรอม ไท้แลน... อะโห ... น่าดีใจๆ

จากนั้นคุณลุงก้อเริ่มอธิบายถึงประวัติในการสร้างอาคารรับสภาหลังนี้ก้ออย่างที่เล่าให้ฟังมาตั้งแต่ต้นละครับ แต่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหน็ดเหนื่อยมากจากการเดินทาง หรือเป็นเพราะว่าเพิ่งทานอาหารกลางวันมาอิ่มๆ หรือเป็นเพราะทั้งสองอย่าง ผมรู้สึก หวิวๆ วูบๆ ฟังรู้เรื่องไม่ไม่รู้เรื่องมั่ง จับใจความไม่ถนัดนัก พยายามฝืนไม่ให้หนังตาตกลงมา หันไปมองทางเพื่อนผมอาการก้อไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่นัก หันไปทางคู่พี่พอซซั่มนั่นก้อแย่พอกัน พวกเราทรมานสัปหงกอยู่นานกว่าคุณลุงจะอธิบายจบ ซึ่งผมก้อจับใจความมาได้กระท่อนกระแท่นเต็มที ก้อเลยต้องมาค้นรายละเอียดเพิ่มเติมในเนทมาเขียนเพิ่มไว้นี่แหละครับ

เสร็จจาก สภาล่าง Legislative Assembly หรือ Lower House ตามปกติที่ผมเคยเข้ามาชมแล้วเค้าจะต้องพาไป สภาสูง หรือ Legislative Council หรือ Upper House แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่วันนี้เป็นวันที่เค้ามีการประชุมกันก้อเลยอดเข้าไปดู

ผมชอบ สภาสูง หรือ Legislative Council หรือ Upper House ห้องนี้มากกว่าครับ ห้องนี้จะตกแต่งให้หรูหรากว่า สภาล่าง Legislative Assembly หรือ Lower House โดยจะตกแต่งด้วย เสาหินอ่อน รูปปั้นเทพีต่างๆ และประดับประดาด้วยสีทอง ส่วนพรมนั้นก้อเป็นสีแดงเข้มหรือที่เรียกว่า Burgundy Red แสดงให้เห็นถึงความเป็นราชวงศ์มากกว่า สภาล่าง Legislative Assembly หรือ Lower House

จากนั้นคุณลุงพาพวกเราเจ้าไปชมห้องสมุด ห้องสมุดนี่จะอยู่ตรงกลางระหว่าง สภาล่าง Legislative Assembly หรือ Lower House กับ สภาสูง หรือ Legislative Council หรือ Upper House มีลักษณะโค้งเป็นรูปตัว U เริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 1858 แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1860 ในห้องเราจะสามารถเห็นผลงานที่เป็นของ Kerr ได้หลายอย่างนะครับ ตั้งแต่โต๊ะกลาง 10 เหลี่ยม ขั้นหนังสือ บันได จากห้องสมุดนี้มีประตูบานใหญ่ 2 บานที่สามารถเปิดออกไปสู่สวนด้านหลังอาคารรัฐสภาซึ่งมุมนี้เราสามารถมองเห็น โบสถ์ St. Patrick ได้สวยมากๆครับ

จากนั้นคุณลุงนำชมรูปถ่ายที่แขวนเรียงรายกันบนฝาผนังทางเดินหน้าห้องสมุดอีกเล็กน้อย เพราะนี่ก้อล่วงเลยเวลาที่เค้ากำหนดไว้สำหรับ 1 ทัวร์ไปเยอะแล้ว ก่อนที่จะพาเรามายืนอยู่ที่ตรงโถงกลางอีกครั้ง

โถงนี้มีชื่อว่า Queen’s Hall ที่เรียกเช่นนี้ก้อเพราะว่ามีรูปปั้นหินอ่อนพระนางวิคทอเรียแห่งอังกฤษตั้งอยู่กลางๆค่อนไปทางด้านหลังโถง ส่วนมากโถงนี้ใช้จัดงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการ

แล้วเราก้อจบการทัวร์อาคารรัฐสภาแห่งรัฐวิคทอเรียไว้แต่เพียงเท่านี้

ผมและลูกทัวร์ของผมแทบทรุดเพราะง่วงจัด เราทุกคนลงความเห็นกันว่าจะไปซื้อของใช้จำเป็นและอาหารบางส่วนและจะขอพักผ่อนซัก 2-3 ชั่วโมงแล้วจะออกไปกินข้าวเย็นพร้อมๆกัน

พอผมกลับมาถึงห้องได้ผมก้อหลับเป็นตายเลยครับ
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 27 เมษายน 2549 เวลา:0:09:06 น.
  
มารออ่าน และรอฟังคุณทนายเล่าค่ะ
โดย: พี่หน้าเดียว (พี่หน้าเดียว ) วันที่: 28 เมษายน 2549 เวลา:10:47:35 น.
  
มารอด้วยคน อิอิ ตามหลังคุณพี่หน้าเดียวตลอดเลย
โดย: หนึ่งนางนี้ วันที่: 3 พฤษภาคม 2549 เวลา:9:07:23 น.
  
ขออำไพสมาชิกทุกท่านนะครับ
เพิ่งกลับมาจากหัวหินครับ รถติดมหาประลัยวายป่วง คิดดูสิครับหัวหิน-กรุงเทพใช้เวลา 7 ชั่วโมง ท่านเชื่อหรือไม่ครับ
ผมไม่สบายไปเลย 1 วัน ตอนนี้ดีขึ้นแล้วครับจะรีบอัพบันทึกให้เร็วจี๋เลยนะครับ อดใจรออีกนิดเดียวคราบบบ
โดย: ทนายอ้วน IP: 124.120.120.239 วันที่: 3 พฤษภาคม 2549 เวลา:12:35:13 น.
  
สวัสดีวันพฤหัสค่ะ คุณทนายอ้วน

ฮิฮิ วันนี้คุณหนึ่งก้อยังไม่มา เราขอไปก่อนนะ

ถ้าไม่สบายนานๆระวังน้ำหนักลดนะค่ะ
รักษาสุขภาพด้วย
เดี๋ยวไม่มีคนมาเขียน blog ให้อ่านต่อ รอลุ้นอยู่

เราเคยติดช่วงปีใหม่ หรือสงกรานต์ประมาณสองปีมาแล้ว จำบ่ได้ ตั้งแต่ Motorway-อยุธยา ใช้เวลาตั้งแต่ 4 ทุ่ม
ถึง ตี 5 เพิ่งหลุดออกจาก Motor way มาได้
อโหชีวิตเหมือนกัน
โดย: พี่หน้าเดียว (พี่หน้าเดียว ) วันที่: 4 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:47:26 น.
  
มีร้านเค้กอร่อยๆ แนะนำบ้างมั้ยคะ คุณทนายอ้วน
ตอนนี้เราอยู่เมลเบิร์น รู้จักแต่ Breadtop ค่ะ
หรือ พวก ซาลาเปา พิซซ่า ของกินที่อร่อย ราคาไม่แพง
(จะมีรึเปล่าคะ)
โดย: iRepenter วันที่: 21 เมษายน 2552 เวลา:21:54:03 น.
  
โดย: คนเดินดิน (หน้าใหม่อยากกรอบ ) วันที่: 9 สิงหาคม 2554 เวลา:13:14:56 น.
  
โดย: คนเดินดิน (หน้าใหม่อยากกรอบ ) วันที่: 12 สิงหาคม 2554 เวลา:15:35:20 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Chubbylawyer.BlogGang.com

ทนายอ้วน
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?]

บทความทั้งหมด