ทนายอ้วนชวนเที่ยวเมืองรถม้า - วัดไหล่หินหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง
สถานที่ท่องเที่ยว : วัดไหล่หินหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง, ลำปาง Thailand
พิกัด GPS : 18° 12' 46.77" N 99° 20' 18.49" E



 
วัดที่สองที่ได้ไปเยี่ยมชมมาในทริปที่ยวเชียงใหม่ – ลำปาง – ลำพูน  เป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากครับ  มีความโดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เสียดายที่อยู่นอกเส้นทางท่องเที่ยวหลักของอำเภอเกาะคาก็เลยไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวชม  แต่ว่า  (เจ้าของบล็อกผู้ที่ชื่นชอบวัดเก่าๆทางภาคเหนือคิดว่า)  วัดสวยมากกครับ  



 
 

วัดไหล่หินหลวง  ต.ท่าผา อ.เกาะคา  จ.ลำปาง
 




วัดไหล่หินหลวง  หรือ  วัดไหล่หินหลวงแก้วช้างยืน  ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า  วัดไหล่หิน  มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า วัดเสลารัตนปัพพะตาราม  (ผู้เฒ่าผู้แก่จะเรียกว่า วัดป่าหิน หรือ วัดม่อนหินแก้ว)  ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าผา  อำเภอเกาะคา  จังหวัดลำปาง  ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นในสมัยใด  แต่พบหลักฐานเป็นคัมภีร์ใบลานที่พอจะระบุอายุของคัมภีร์ใบลานได้ว่ามีอายุตั้งแต่  จุลศักราช 833 หรือ พ.ศ. 2014
 
 
ในจารึกและตำนานต่าง ๆ ของทางภาคเหนือได้กล่าวถึงวัดไหล่หินในอดีตว่าเป็นวัดที่มีความสำคัญทางศาสนา มีหลักฐานว่าในปี พ.ศ.2181 วัดไหล่หินสมัยนั้นยังเป็นอารามเล็ก ๆ มีพระภิกษุสามเณรมาอาศัยบวชเรียนเป็นจำนวนมาก
 
จากคำบอกเล่าที่ได้เรียบเรียงไว้ในหนังสือประวัติวัดไหล่หินหลวงที่ทางวัดได้จัดพิมพ์ กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “ท่านพระมหาเกสรปัญโญเป็นพระนักปฏิบัติ นักศึกษาศาสนธรรมคำสั่งสอน  ท่านมีความรู้แตกฉานสามารถเขียนและแต่งธรรมได้วันละมากๆ เล่ากันว่าจารวันหนึ่งได้มูลเหล็กจารเต็มกะลามะพร้าว นอกจากนี้ท่านได้ประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังอยู่ที่ถ้ำฮางฮุ้งจนจิตเป็นสมาธิได้ญาณสมาบัติอภินิหารเป็นอัจฉริยะ..” ด้วยจริยวัตรของท่านจึงทำให้มีผู้คนเลื่อมใสศรัทธา ได้เลื่องลือไปจนถึงเมืองเชียงตุง ซึ่งตามประวัติกล่าวว่าเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุงได้มาสร้างวิหารที่วัดไหล่หินหลวง ต่อมาภายหลังเจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิต ได้มาสร้างโบสถ์รวมทั้งผู้คนจากในชุมชนและที่อื่น ๆ ได้เข้ามาบูรณปฏิสังขรณ์วัดไหล่หินให้มีสภาพสมบูรณ์

 
 
สถาปัตยกรรมวัดไหล่หินเป็นรูปแบบพุทธศาสนาแบบล้านนา ประกอบด้วยลานหน้าวัด หรือ ข่วง สำหรับกิจกรรมและปลูกต้นโพธิ์  ทางเข้าไปยังเขตพุทธาวาสมีรูปสิงห์นั่งเฝ้า  2  ตัว








 
และก่อนที่จะเข้าไปยังเขตพุทธาวาสยังมีกำแพงเตี้ยๆ  เรียกว่ากำแพงแก้วกั้นไว้อีกชั้น  ทางเข้าเป็นซุ้มประตูมีการประดับตกแต่งอย่างสวยงามเรียกว่า
  ซุ้มประตูโขง 








 
ซุ้มประตูโขงวัดไหล่หินหลวง  เป็นซุ้มทรงปราสาทสกุลช่างลำปาง  มีลักษณะคล้ายคลึงกับวัดพระธาตุลำปางหลวง แต่มีการประดับตกแต่งที่แตกต่างกันบ้าง  เช่น  ลายปูนปั้นที่ตัวอาคารเป็นลายบัวคอเสื้อ ลายประจำยามและลายบัวเชิงล่าง ชั้นหลังคาตกแต่งปูนปั้นด้วยลายพญานาค รูปหงส์ ตัวเหงาและลายพันธุ์พฤกษา ด้านข้างประตูทั้งสองมีรูปกินนรีแบบนูนต่ำประดับอยู่ ส่วนหน้าบันทำเป็นลายปูนปั้นแบบนูนต่ำตกแต่งด้วยภาพเขียนสี ลักษณะเด่นของซุ้มประตูโขงวัดไหล่หินที่แปลกกว่าวัดอื่นก็คือ การประดับชั้นหลังคาด้วยรูปสัตว์ที่ทำด้วยดินเผาเคลือบ














 
 

วิหารโถงเป็นวิหารแบบล้านนาขนาดเล็ก  แบบโถงคือไม่มีฝา  ยกเว้นด้านท้ายพระวิหารก่อเป็นซุ้มสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูป  วิหารมีขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 9 เมตร สกุลช่างลำปางฝีมือช่างเชียงตุงซึ่งจะมีลักษณะอ่อนช้อยน้อยกว่าสกุลช่างเชียงใหม่







หลังคาพระวิหารมีลักษณะแอ่นโค้งเพียงเล็กน้อย เรียกวิหารแบบนี้ว่า ฮ้างปู้ หมายถึง ร่างการของผู้ชาย หลังคาซ้อน 3 ชั้น 2 ตับ มุง กระเบื้องดินเผาปลายตัด ที่น่าสนใจคือ เครื่องลำยองของวิหารนี้มีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการบูรณปฏิสังขรณ์ ทำให้มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ เป็นแบบไทยภาคกลางลด  3  ชั้น 








 
 



การประดับตกแต่งวิหารภายนอกบริเวณหน้าบัน  (หน้าแหนบ)  เป็นการประดับตกแต่งด้วยลายปูนปั้นแบบละเอียดลออ  วิจิตรพิสดารเต็มพื้นที่ลงมาถึงหัวเสาคู่นอกด้านหน้าพระวิหารด้วย












 
ด้านในหน้าบันเขียนตัวเลขแบบโบราณ  “1985”  น่าจะหมายถึงปีที่สร้าง  (มั๊งครับ ฮ่าๆๆๆ)  






 

ประวัติการสร้างวิหารหลังนี้มีบันทึกไว้บนแผ่นไม้ที่ท้องขื่อในวิหารกล่าวว่า ในปี จ.ศ.1045 (พ.ศ.2226) พระมหาป่าเกสร ปัญโญ เป็นประธานพร้อมด้วยเจ้าฟ้าเมืองเชียงตุงและศิษยานุศิษย์ได้สร้างวิหารนี้ขึ้นในปีกดไก๊ เดือน 5 เป็งไทยเต่าสง้า




 
 


ภายในพระวิหารประดับตกแต่งด้วยภาพวาดและลวดลายต่าง เช่น  ภาพเขียนด้วยสีฝุ่นบนแผ่นไม้ที่บริเวณส่วนบนของโครงสร้างหลังคาเป็นภาพพระพุทธรูปประทับยืน ภาพลายคำ เป็นภาพที่ทำด้วยเทคนิคการพิมพ์เป็นลวดลายสีทองลงบนพื้นสีชาด  (แดง)   ลายประดับบนวิหารนี้ทำเป็นลายพันธุ์พฤกษา ลายเครือเถา ลายช่อดอกไม้ ลายดอกบัวและกลีบบัว นอกจากนั้นก็มีภาพบุคคลเช่น ภาพพระพุทธเจ้า ภาพเทวดา นางฟ้า และภาพสัตว์หลากหลายชนิด
 
 
สันนิษฐานว่าพระวิหารคงมีการปฏิสังขรณ์ให้คงอยู่ในสภาพเดิมมาหลายยุคหลายสมัย เนื่องจากชาวบ้านสมัยนั้นมีความเชื่อเกี่ยวกับข้อห้ามในการรื้อถอนอาคารสิ่งก่อสร้างทางศาสนา หากผู้ใดละเมิดจะพบกับความหายนะ จึงทำให้วิหารหลังนี้ได้รับการอนุรักษ์ตลอดมา ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานวิหารหลังนี้ไว้เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2523














 
 










ภายในเขตพุทธาวาสจะเป็นลานทรายซึ่งจะเป็นลักษณะโดยทั่วไปของวัดทางภาคเหนือ  เคยได้ฟัง  อ.เผ่าทอง  ทองเจือ  บรรยายเอาไว้ในรายการ  “เปิดตำนานกับเผ่าทอง”  ตอนที่ท่านพาไปเที่ยวแม่แจ่ม  จังหวัดเชียงใหม่ว่า  เหตุที่วัดทางภาคเหนือโรยทรายรอบๆอาหารศาสนสถานก็เพราะว่าภาคเหนือมีอาการเย็นจึงนิยมสร้างอาคารที่มีลักษณะทึบๆ  มีช่องแสงน้อยอาการเย็นจะได้ผ่านเข้าไปได้น้อย  จึงโรยทรายเอาไว้รอบๆอาคารเวลากลางวันเมื่อมีแดดทรายจะสะท้อนแสงแดดให้ความสว่างกับภายในอาคารได้ครับ







 
ด้านหลังพระวิหารมีพระเจดีย์แบบล้านนาเชื่อกันว่าภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ  ที่ฐานพระเจดีย์มีรูปปั้นสัตว์ประจำนักกษัตรทั้ง  12  ตั้วรอบฐานพระเจดีย์ทำให้พระเจดีย์เป็นรูปแบบจำลองของเขาพระสุเมรุ  และสามารถแปลไปในทางที่กว้างว่าได้ว่าเขตพุทธาวาสเป็นรูปแบบจำลองของภูมิจักรวาล  มีพระวิหารเป็นชมพูทวีป  พระเจดีย์เป็นเขาพระสุเมรุ  และลานทรายเป็นมหานทีสีทันดร
 
 
 








 
 
ก่อนจะกลับเจ้าของบล็อกเห็นรูปหล่อของกะลาพระพร้าวใบเขื่อง  มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับกะลามะพร้าวนี้ว่า  ช่วงพุทธศตวรรษที่ 23 ในสมัยของพระมหาป่าเกสรปัญโญ เป็นระยะที่มีการก่อสร้างและบูรณะเสนาสนะต่างๆ มากมาย เนื่องจากท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีผู้นับถือมากมาย เล่ากันว่าครั้งที่ท่านธุดงค์ไปถึงเชียงตุง ท่านได้มอบกะลาซีกหนึ่งให้ชายคนหนึ่ง จากนั้นท่านก็กลับมาลำปาง โดยไม่ได้บอกชายผู้นั้นว่าท่านอยู่ที่ใด ต่อมาชายคนนั้นได้ตามมาหาท่านจนพบที่วัดไหล่หิน แล้วนำกะลามาประกอบเข้าเป็นหนึ่งเดียว ชายคนดังกล่าวเกิดความศรัทธาแรงกล้า ได้ขอบูรณะวัดและก่อสร้างวิหารหลังที่เห็นปัจจุบ้น
 
 
กรมศิลปากรได้ประกาศวัดไหล่หินขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน โดยกำหนดขอบเขตในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 97 ตอนที่ 195 ลงวันที่ 14 ตุลาคม พ .ศ .2523 สิ่งที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน คือ วิหารทรงล้านนา พระธาตุเจดีย์ พระอุโบสถ ซุ้มประตูกำแพงแก้ว และหอธรรม นอกจากนี้ในปี 2550 ยังได้ขึ้นเป็นอาคารอนุรักษ์จากสมาคมสถาปนิกสยาม



 
หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง  “สุริโยไท”  ออกจาก  วัดไหล่หินหลวงก็ได้รับความนิยมจากนักท่องเทียวสายประวัติศาสตร์มากครับ  เพราะวัดไหล่หินหลวงเป็นฉากสำคัญฉากหนึ่งในภาพยนตร์  ตอนที่พระนางมหาเทวีจิระประภาสร้างเจดีย์ร่วมกับพระไชยเชษฐาธิราช ตามท้องเรื่องสมมุติว่าเป้นวัดโลกโมฬี จ.เชียงใหม่   แต่จริงๆแล้วเป็น  
วัดไหล่หินหลวง  




 
 
 


วัดไหล่หินหลวงยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมาก  แต่เนื่องจากการมาเที่ยววัดไหล่หินหลวงเป็นการเดินทางออกนอกเส้นทางท่องเที่ยวที่วางแผนว่าจะพาหลานสาวไปเที่ยว  เจ้าของบล็อกจึงต้องรักษาเวลาอันน้อยนิดเข้าชมแค่เขตพุทธาวาสของวัดเท่านั้นครับ







 
140139138



Create Date : 02 ตุลาคม 2562
Last Update : 2 ตุลาคม 2562 21:27:32 น.
Counter : 2171 Pageviews.

16 comments
ทริปอเมริกา #2 - ต่อเครื่องที่มะนิลา+ผ่านตม.แบบ fast trackที่นิวยอร์ค ฟ้าใสทะเลคราม
(18 เม.ย. 2567 18:15:13 น.)
กงสุลใหญ่สมใจ ตะเภาพงษ์“ร่วมฉลองสงกรานต์ปีใหม่ไทยในไทม์สแควร์” newyorknurse
(17 เม.ย. 2567 02:18:24 น.)
หาอะไรดับร้อนกับน้องถั่วแดงที่ร้านเย็น เย็น หวานเย็น สาขาMRTท่าพระ นายแว่นขยันเที่ยว
(12 เม.ย. 2567 00:32:31 น.)
ระยองฮิสั้น จันทราน็อคเทิร์น
(12 เม.ย. 2567 15:33:48 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณอุ้มสี, คุณhaiku, คุณKavanich96, คุณnewyorknurse, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณRananrin, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณJinnyTent, คุณชีริว, คุณสองแผ่นดิน, คุณSai Eeuu, คุณเรียวรุ้ง, คุณkae+aoe, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณRinsa Yoyolive

  
ชอบๆค่ะ ตามเที่ยวและไห้วพระด้วยคนนะคะ
โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 2 ตุลาคม 2562 เวลา:21:52:45 น.
  
แวะมาไหว้พระด้วยคนจ้าน้องบอล
มากราบพระ
โดย: อุ้มสี วันที่: 2 ตุลาคม 2562 เวลา:22:23:55 น.
  
ขอบคุณที่แบ่งปัน
โดย: Kavanich96 วันที่: 3 ตุลาคม 2562 เวลา:3:02:37 น.
  

มากราบพระวัดไหล่หินหลวงด้วยค่ะ
วัดเก่าแก่ สวยงามมาก
ขอบคุณที่พาไปชมค่ะ
โดย: newyorknurse วันที่: 3 ตุลาคม 2562 เวลา:4:47:54 น.
  
เห็นรูปแล้วอยากไปเที่ยวลำปางเลยค่า ไม่ได้ไปนานมากๆจริงๆ
โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 3 ตุลาคม 2562 เวลา:7:55:25 น.
  
เป็นศาสนสถานและสถานที่ท่องเที่ยว
ที่มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจมากๆ เลยค่ะ
โดย: Rananrin วันที่: 3 ตุลาคม 2562 เวลา:8:00:50 น.
  
วัดนี้ยังไม่เคยไปแฮะน้องบอล ดูขรึมขลังมากๆ พี่ชอบ

แบบนี้น้องชายพี่จะชอบมาก เขาชอบวัดเก่าแก่ๆ ที่ไม่พุทธพาณิชย์น่ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog
ชีริว Travel Blog ดู Blog
ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 3 ตุลาคม 2562 เวลา:10:23:08 น.
  
เป็นอีกวัดที่ชอบมากมายเลยค่ะ
เป็นวัดเก่าแก่ สงบ สวยแบบโบราณ
แม้ไม่ได้วิจิตรงดงาม แต่มีเสน่ห์มากมาย

มีรูปมาให้ชมเยอะมาก จุใจเลย
โดย: JinnyTent วันที่: 3 ตุลาคม 2562 เวลา:13:01:49 น.
  
สวยครับวัดนี้ มีให้ชมทั้งซุ้มประตู ลูกมะพร้าว พิพิธภัณฑ์ของเก่า วิหารศิลปะเชียงตุง และรูปพระเกษรปัญโญ รูปเหมือนบุคคลที่เก่าแก่ที่สุดในล้านนา แถมยังเป็นฉากถ่ายหนังสุริโยไทอีก
เคยไปแค่หนเดียวเองง่ะ ปกติเส้นนั้นไปแต่วัดพระธาตุลำปางหลวง
โดย: ชีริว วันที่: 3 ตุลาคม 2562 เวลา:23:54:31 น.
  
ในโบสถ์ สวยจังเลยค่ะ น้องบอล
โดย: Sai Eeuu วันที่: 4 ตุลาคม 2562 เวลา:3:14:30 น.
  
วัดแลดูขลังดีนะคะ
ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ
โดย: เรียวรุ้ง วันที่: 4 ตุลาคม 2562 เวลา:4:38:30 น.
  
น้องบอลไปสิ

ตุรกีสวยนะ สวยทั้งสถาปัตยกรรมและธรรมชาติหละ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 4 ตุลาคม 2562 เวลา:8:58:27 น.
  
ศิลปวัดทางเหนือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ผมคนหนึ่งชอบไปไหว้พระทางเหนือครับ.
โดย: wicsir วันที่: 4 ตุลาคม 2562 เวลา:9:39:21 น.
  
ตามๆ เที่ยว
โดย: kae+aoe วันที่: 4 ตุลาคม 2562 เวลา:11:48:13 น.
  
ยังไม่เคยแวะไป...ดูภาพข้างบนเขียนเล่าได้ละเอียด ผมเองก็ชอบ
การสร้างโบสถ์วิหารแบบทางเหนือ แหะ ๆ ก็เป็นคนภาคเหนือนี่นา
คือ รูปหลีงคาจะแอ่น อ่อนช้อย..

วัดนี้มีปูนปั้นด้วย สวยละเอียดทำให้ผมนึกถึง ช่างปูนปั้นชาวเพชรบุรี
ที่นี่ปั้นไปอีกรูปแบบ.. แต่เนื้อปูนเขาจะใช้ปูนกับเปลือกหอยเผาแบบ
เพชรบุรีหรือไม่ไม่รู้เหมือนกัน

แต่ภาพวาด ผมว่าก็สวยดี แต่รักษายากอาจจะเลอะเลือนไป ส่วน
หลังคาใช้กระเบื้องแผ่นบาง ทางเจียงใหม่เรียกว่า กระเบื้องดินขอ
หมายถึง ขอเกี่ยวนะครับ

ผมเองก็ดู อ.เผ่าทอง นำเที่ยวบ่อย อ.มีอารมณ์ขันพาเที่ยวแบบที่
เราก็อยากจะรู้ ตรงจุด

.....

ที่บล๊อกผม อาคารหลบภัยสึนามิดูจะเตี้ย แต่เดาว่าราชการคิดว่า
คงสูงพอ... จากคำบอกเล่าชาวบ้านว่า คลื่นสูงครึ่งต้นสนริมชายหาด
มองในแง่ดี หุ หุ... ต้นสนสิบกว่าปีคงจะสูงขึ้น อาคารคงป้องกัน
น้ำได้
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 4 ตุลาคม 2562 เวลา:15:04:28 น.
  
ิเป็นวัดที่เก่าเหมือนกันนะคะ
คณะผ้าป่าต้องเตรียมตัวมากันแล้ว อิอิ

โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 4 ตุลาคม 2562 เวลา:23:27:57 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Chubbylawyer.BlogGang.com

ทนายอ้วน
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?]

บทความทั้งหมด