Toy Story 3: เติบโตและผูกพัน ลาก่อนเจ้าเพื่อนยาก





โลกเราวิ่งแล่นเดินแต้มจริตรวดเร็วอย่างมีอารมณ์ขัน ยังไม่ทันสะเด็ดทิชชู่ป้ายขี้เปียกตัวเองเวลาก็เดินไปร่วม 15 ปีแล้ว ใครฤาวานบอกทีว่าสิ่งนี้หาได้เร็วกว่าแสงไม่?

นับแต่ปี 1995/1999 ที่ข้าพเจ้าใช้ดวงตาอันไร้เดียงสาจ้องมองโลก Toy Story1/2 ขบเขี้ยวความบันเทิงไร้นัยยะ 11 ปีให้หลังเติบใหญ่อาบน้ำร้อนทุกซอกส่วน ข้าพเจ้าก็ได้รับโอกาสชม Toy Story 3 ด้วยวาระแห่งความบันเทิงเฉกเช่นเมื่อ 15 ปีที่แล้ว 3 ช่วงอายุวัยที่ข้าพเจ้าเสพผสม Toy Story Series มันทำให้ข้าพเจ้ารู้สันดานเบื้องลึกตัวเองฉับพลัน “ข้าพเจ้าโตแต่ตัวความไร้เดียงสาหาได้โตตาม”










จริงอยู่ว่าเราไม่มีมนต์วิเศษย้อนเวลากลับได้ แต่เราก็ยังมีก้อนเนื้อวิเศษเหนือคิ้วที่เรียกว่า “สมอง” ไว้เก็บความทรงจำสีชมพูวันวาน ขึ้นอยู่กับว่าความทรงจำสีชมพูที่เราตุนไว้คืออะไร? รักครั้งแรก? ของขวัญวันเกิดชิ้นแรก? หรือการ์ตูนโปรดเรื่องแรกที่เราไม่มีวันลืม? และ Toy Story ก็คือความทรงจำสีชมพูที่ข้าพเจ้าตุนไว้ยังสมองซีกขวาหลัง “อารมณ์ความรู้สึก ความผูกพัน” ไม่เคยจางหายไป... จริงอยู่ว่าพล็อตหนัง Toy Story 3 แลดูไม่แตกต่างกับภาค 2 มากนัก แต่คุณอย่าเพิ่งมองค่าภาค 3 ต่ำไป เพราะนี่คือผลงานที่รังสรรค์โดย Pixar










หนังเปิดเรื่องด้วยจินตนาการฉากผจญภัยของนายอำเภอ Woody และผองเพื่อนแก๊งค์ของเล่น Andy ก่อนจะตัดเข้าสู่ฉากโลกความเป็นจริง Andy วัยเด็กที่ไร้เดียงสาล่วงเลยจน Andy โตเป็นหนุ่มมหาลัยสะใจอยู่กับเครื่องเล่นไฮเทคโนโลยี ปล่อยให้แก๊งค์ของเล่นต้องนอนเติ่งในหีบไม่มีใครเหลียวแล Woody ต้องเล่นแผนเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของให้เปิดหีบรำลึกอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผล...











ช่วง 10 นาทีแรกของหนังให้ความรู้สึกประทับใจกับคนดูเป็นอย่างมาก แม้ใครไม่เคยดูภาค 1, 2 มาก่อนก็ตาม โดยเฉพาะกับแฟนหนังยุค 90s ที่ตั้งไข่เติบโตมาพร้อมกับการ์ตูนเรื่องนี้ การได้เห็นแก๊งค์ของเล่น Andy ออกมาโลดแรด, ได้เห็น Andy เติบใหญ่เป็นหนุ่มหล่อ และบทเพลง You've Got a Friend in Me ที่คุ้นหูกระตุ้นความทรงจำสีชมพูสมองซีกขวาหลัง แค่นี้ก็เกินพอแล้วที่ข้าพเจ้าและสาวก Toy Story จะหลั่งน้ำตาให้กับหนังอย่างไม่รู้ตัว









แน่นอนว่า Toy Story 3 ยังคงเล่นประเด็นเกี่ยวกับความกลัวเหมือนกับ 2 ภาคที่แล้ว ภาคแรก หนังเล่นประเด็น “ความกลัวในใจของ Woody ว่าเขาจะตกกระป๋อง” ภาคสอง “ความกลัวใจตัวเองว่าตัวเองจะเป็นของเล่นที่ถูกลืม” และภาคสามดูเป็นความกลัวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งไม่ได้ถูกนำเสนอผ่านจิตใจ Woody ตัวเดียว แต่เป็นทั้งแก๊งค์ เพราะตอนนี้ Andy โตเป็นหนุ่มมหาลัยที่คงไม่มานั่งเล่นของเล่นเหมือนตอนเด็กอีกแล้ว










Woody และเพื่อน ๆ กำลังเผชิญกับปัญหาความไม่เที่ยงนี้ พวกเขาจึงต้องพยายามดิ้นรนหาทางเพื่อให้ Woody เล่นกับเขาเหมือนเดิม แต่โลกนี้ใช่ว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบตามที่คุณหวังเสมอไป คุณต้องเข้าใจว่านี่คือการ์ตูน Pixar ไม่ใช่การ์ตูน Walt Disney ที่จะมา Happy Ending จ๋าทุกระเบียดนิ้ว!










ในส่วนของความบันเทิงภาคนี้ยังมีครบครันและน่าจะฮากว่า 2 ภาคที่แล้วด้วย! โดยยังเป็นการผจญภัยนอกบ้าน Andy แบบพล็อตเรื่องภาคก่อน ๆ ”การผจญภัยเหล่าของเล่นเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเขายังเป็นที่ต้องการของ Andy เสมอ” แต่อย่างที่ข้าพเจ้าว่าไปแหละครับ Andy ในภาคนี้โตหนุ่มมหาลัยแล้ว หนังจึงได้สร้างภวังค์ให้คนดูกังวลแทนทุกเสี้ยววิ... “ถ้าพวกเขากลับถึงบ้านปลอดภัยแล้ว Andy จะยังเล่นกับพวกเขาเหรอ?”, “ถึง Andy เอา Woody ไปมหาลัยก็คงปล่อยทิ้งปล่อยขว้าง”, “ชะตากรรมห้องใต้หลังคาแก๊งของเล่นจะเป็นยังไง?” Toy Story 3 เล่นประเด็นคาบเกี่ยวสัจธรรมของโลก “เกิด แก่ เจ็บ ตาย” ไม่มีใครหนีความเที่ยงได้ถึงคนดูได้อย่างชาญฉลาด และชะตากรรมเหล่าของเล่นก็เดินมาถึงวาระนี้แล้วอย่างเลี่ยงไม่ได้










ผู้กำกับ Lee Unkrich ที่เคยผ่านงานตัดต่อ Toy Story ทั้ง 2 ภาคมาก่อนถือว่าสอบผ่านและมีโอกาสสูงที่เขาจะได้เข้าชิงออสการ์สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมในปีนี้ด้วย แม้ตัวละครในภาคนี้จะเยอะ แต่ Lee Unkrich ก็สามารถกระจายบทตัวละครทุกตัวได้อย่างทัดเทียมกัน ถ้าให้เปรียบความเป็นเอกของ Toy Story 3 ก็คงเกือบเทียบเท่า The Godfather ที่สามารถเล่าเรื่องได้อย่างกระชับ การกระจายบทเสมอภาค แสดงสั้น น้อย ตีโจทย์แตก อาทิ เจ้าหมีสีชมพู - ทุกฉากที่โผล่มาทำให้คนดูตีโจทย์แตกไม่ยากว่านี่คือ “ตุ๊กตาชั่วจอมปลอม”, ความเซ่อซ่า ติงต๊อง ของเจ้าไดโนเสาร์ยังคงเอกลักษณ์บ้า ๆ บวม ๆ เหมือนทุกภาค และ Bonnie สาวน้อยผู้รักและให้เกียรติของเล่นทุกตัว ปูเหตุผลน่าเชื่อถือนำไปสู่บทสรุปในตอนจบ










ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของหนัง เป็นช่วงที่ทรมานหัวใจสาวก Toy Story อย่างข้าพเจ้านัก “งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา” สัจธรรม “เกิด แก่ เจ็บ ตาย” เป็นสิ่งไม่เที่ยง แม้ของเล่นอย่าง Woody และผองเพื่อนจะไม่มีอายุขัยแต่เมื่อใดที่ Andy ไม่เล่นกับเขาอีกต่อไป มันก็ไม่ต่างอะไรกับการตายทั้งเป็น แต่อย่างที่ข้าพเจ้าบอกไปแหละครับว่านี่คือการ์ตูน Pixar สตูดิโอลูกหม้อ Disney มากเสน่ห์ไปด้วยฉากจบแฝงแง่คิดปรัชญาชีวิต Lee Unkrich เข้าใจดีว่า ในโลกแห่งความเป็นจริง Andy คงไม่มีทางมาบ้าบอเล่นของเล่นเหมือนเด็ก ๆ อีกต่อไป เขาจึงหาบทสรุปหนังด้วยการให้ Andy ส่งไม้ต่อของเล่นที่เขารักให้ Bonnie อย่างเคารพและให้เกียรติ









ตลอดเรื่องหนังได้ตอบโจทย์เราไปแล้วว่า Bonnie เป็นเด็กที่รักและให้เกียรติของเล่นขนาดไหน ทำไม Woody ถึงต้องวางแผนให้ Andy ส่งไม้ต่อเพื่อน ๆ ของเขาให้ Bonnie แม้ในหนังจะมีฉากของเธอไม่เยอะนัก แต่ Lee Unkrich ก็ได้ใช้วิธีให้เหล่าของเล่นในห้อง Bonnie เป็นผู้บอกเล่าความรัก ความเมตตา ของเธอที่มีต่อของเล่นทุกตัวแทน เพิ่มน้ำหนักฉากจบให้ตรรกะ Woody ดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น









แววตาฉากที่ Andy สาธยายถึงของเล่นทุกตัวให้ Bonnie ฟังมันเป็นฉากที่มอบทั้งความสุขและความทุกข์กับคนดูในเวลาเดียวกัน

ความสุข... สุขที่รู้ว่า Andy ไม่เคยลืมเลือนหน้าที่ ความน่ารัก ของเล่นทุกตัวใต้ก้นหีบแห่งความเหงา ทุกคำพูดที่เขาสาธยายล้วนกลั่นกรองมาจากสมองซีกขวาหลัง “อารมณ์ ความรู้สึก ความผูกพัน และความรัก” ของ Andy โดยตรง

ความทุกข์... ทุกข์ที่รู้ว่า อนาคตในไม่อีกกี่นาทีข้างหน้านี้จะไม่มี Andy และ Woody เคียงข้างกายกันอีกแล้ว...










ฉากจบที่ Andy ขับรถจากไป พลันมองมาที่ Woody ของเล่นที่เขารัก ถือเป็นฉากที่สะเทือนอารมณ์ที่สุดเรื่องหนึ่งตลอดชีวิตการเป็นคนรักหนังของข้าพเจ้า จะไม่มี Toy Story 4 อีกต่อไป... แม้ตัวจะห่างกันแต่มิตรภาพเราไม่เคยจาง... Toy Story 3 ถือเป็นบทสรุปภาคอวสานเอกสมบูรณ์แบบ “You've Got a Friend in Me”

“เวลาแล่นผ่านเร็วพลันแต่ความรักและความไร้เดียงสาทุกครั้งที่ข้าพเจ้าดู Toy Story Series จะไม่มีวันตายจาก”





Create Date : 07 กันยายน 2553
Last Update : 7 กันยายน 2553 16:11:38 น.
Counter : 1380 Pageviews.

4 comments
  
สวัสดีครับ แวะมาทักทายครับ
โดย: billabong11 วันที่: 7 กันยายน 2553 เวลา:16:37:59 น.
  
วิจารณ์ดีมากๆครับ สัมผัสอารมณ์ ความรู้สึก ของคนรัก toy story ได้เต็มเปี่ยม เป็นหนังที่จะไม่มีวันลืมตอนจบครับ
โดย: บิ๊ก IP: 180.183.194.1 วันที่: 7 กันยายน 2553 เวลา:17:25:59 น.
  
เล่าเรื่องเหมือนได้ดูเองเลยอะพี่นุ
โดย: UnderHeat IP: 27.130.79.93 วันที่: 7 กันยายน 2553 เวลา:17:44:32 น.
  
ขอบคุณค่ะ
เหมือนได้ดูแล้ว
แต่จะขอดูอีก
โดย: young at heart (kim_tiger ) วันที่: 7 กันยายน 2553 เวลา:21:14:16 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Chrono.BlogGang.com

Chrono_Trigger
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด