ภาพบางส่วนจากอินเดียค่า ^__^

   

             นมัสเตค่ะนักอ่านที่แสนน่ารักทุกๆ ท่าน
^__^


ทอฟฟี่ขอรายงานตัวอย่างเป็นทางการหลังจากนอนหลับเป็นตายยาวตั้งแต่เย็นวันศุกร์ถึงเกือบๆ เที่ยงวันเสาร์โน่นล่ะค่ะ ตัวดำปี๋เชียว แหะๆ ตากแดดทั้งวัน แต่อากาศหนาวนะคะ แบบว่าเช้าๆ เนี่ย 1-2 องศาเอง ทอฟฟี่เลยไม่สบายคออักเสบเลยเชียวค่ะ ไอมาตลอดทริป มาถึงเมืองไทยก็ไม่หาย นี่ถ้าไม่ดีขึ้นพรุ่งนี้ทอฟฟี่คงต้องไปให้คุณหมอดูซะหน่อยแล้ว


 


กลับมาปุ๊บยังไม่ทันเก็บข้าวของทอฟฟี่ก็แล่นออกไปหม่ำพิซซ่าก่อนเลยค่ะ 55 แบบว่าที่โน่นไม่มีโอกาสได้หม่ำเพราะถือศีล 8 บวชตั้งแต่ที่พุทธคยาแล้ว เพิ่งจะลาศีลเอาตอนเกือบ 2 วันสุดท้ายเพราะอยากหม่ำอาหารอินเดีย 555 คือมื้อเย็นทานไม่ได้ไงคะ ถือศีล 8 แต่พอรู้ว่าวันสองวันสุดท้ายที่ได้นอนโรงแรมไม่ต้องนอนตามวัดแล้วมีอาหารอินเดียหย่อยๆ ต้นตำรับทอฟฟี่ก็เลยลาศีลด้วยความเห็นแก่กินซะงั้น



 

(ผัดเห็ดค่า อะหย่อยเน้อ)


หม่ำปุ๊บก็นอนปั๊บค่ะ ตื่นมาอีกที หนูฟีน่ากับพี่บั๊มมาหาที่บ้านซะแล้วก็เลยทำอาหารให้หม่ำซะเลย แต่รสจะเพี้ยนๆ หรือเปล่าไม่รู้เพราะเป็นหวัดลิ้นไม่รับรู้รส แต่เท่าที่เห็นก็หมดเกลี้ยงดีค่ะ 55


วันแรกที่ทอฟฟี่ไปถึงอินเดีย ทอฟฟี่ไปลงเครื่องที่กัลกัตต้าก่อน เดิมทีเมืองนี้ชื่อว่ากาลีกัตตานะคะ (ปรมาณว่าเป็นเมืองของพระแม่กาลีนั่นเอง) ที่ต้องมาลงที่นี่ก็เพราะค่าเครื่องมาลงที่นี่ถูกมากกว่าที่จะไปลงที่พุทธคยาตรงๆ ค่ะ เซฟไปเป็นหลักหมื่น แต่ต้องนั่งรถเข้าเมืองยาวมาก 6-10 ชั่วโมงโน่นล่ะค่ะ


ถ้าจะถามว่าเข้าห้องน้ำตรงไหน...555


คำตอบคือข้างทางโลดค่ะ สิ่งที่ควรเตรียมไปด้วยคือร่มหรือผ้าถุงเพื่อคลุมก้นเราเอาไว้ไม่ให้คนอินเดียดู เพราะคนที่นี่เขาเป็นแขกมุงแบบว่าเอาเป็นเอาตายมาก ไล่ก็ไม่ไป แล้วก็ช่างตื๊อเสียด้วย บางคนไปชิ้งฉ่องข้างกองฟางยังเจอเด็กๆ มารุมชี้ก้นกันเป็นที่สนุกเลย เข้าไปในป่าก็ต้องระวังงูกับลิงค่ะ ฉี่ๆ อยู่ลิงร้องเจี๊ยกๆ มาไล่ก็มี สนุกมากกก ฮาตรึมเพราะแต่ละคนที่ไปก็สูงวัยทั้งนั้น ทอฟฟี่กับแม่ชีจ๋า (ทอฟฟี่ชอบเรียกแม่ชีโดราเอมอน) เด็กสุดเลยค่ะ อายุเท่ากันเลยเป็นเหมือนเด็กในสายตาของคณะทัวร์ไปโดยปริยาย


 


ที่แรกที่ได้แวะก็คือโบสถ์ของพระแม่กาลีนั่นล่ะค่ะ แต่ถ่ายภาพไม่ได้เพราะเขาห้ามถ่าย เนื่องจากมีการก่อการร้ายในอินเดียอยู่มากในขณะนี้ บางสถานที่จึ้งห้ามนำโทรศัพท์มือถือหรือกล้องถ่ายรูปเข้าไปค่ะ


ที่ๆ ได้ไปแล้วถ่ายภาพก็คือพระราชวังวิคตอเรียค่ะ



 


เป็นวังที่สร้างมาตั้งแต่สมัยพระนางวิคตอเรียยังเรืองอำนาจโน่น ที่น่าตื่นเต้นไม่ใช่วัง หรือบรรยากาศรอบข้างนะคะ สำหรับทอฟฟี่แล้วที่ทำเอาปลื้มแทบลืมตายก็คือรูปปั้นของกวีเอกในดวงใจท่านรพินทรนาถ ฐากูรที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าวังต่างหากค่า



 


(ไปปุ๊บเจอปั๊บแบบนี้แสดงว่าเราเป็นเนื้อคู่กันช่ายป่ะ อิอิ)


ท่านเคยได้รับพระราชทานยศท่านเซอร์จากอังกฤษนะคะ แต่ก็คืนยศไปสมัยที่มีการเรียกร้องเอกราชของอินเดีย แล้วท่านก็ยังเป็นคนตั้งสมญานามมหาตมะให้ท่านคานธีอีกด้วยค่ะ


ปลื้มมมมม


คือจะบอกตรงๆ ว่าทัวร์นี้หลากหลายมากทั้งวัดไทยวัดพราหมณ์ ทอฟฟี่ขอเล่าพร้อมเอารูปลงแบบย่อๆ ก่อนที่จะมาเล่าเต็มๆ ทีหลังนะคะเพราะทอฟฟี่เองอยากจะพูดถึงการล่องแม่น้ำคงคาที่พาราณสีก่อนเนื่องจากมันอยู่ในเนื้อหานิยายของหนูไหมกับพ่อรามค่ะ ^__^


ตอนที่มาถึงพาราณสีนั้นทอฟฟี่กับคณะทัวร์ของหลวงพ่อบุญส่ง อุปสโมแห่งวัดทรงเมตตาธรรมต้องนั่งรถกันยาวนานถึง 6 ชั่วโมงทีเดียว คนขับทรหดมาก (พี่แกอึดจริงๆ ค่ะ แล้วก็ใจดีน่ารักมากด้วย ชวนทอฟฟี่หม่ำจะปาตีทู้กกกวัน แต่ทอฟฟี่ถือศีล 8 เลยอดหม่ำมื้อเย็น)


มาถึงก็พักที่วัดในพาราณสีนั่นล่ะค่ะ แต่มีเวลานอนแค่ 3-4 ชั่วโมงก็ต้องรีบตื่นเดินทางไปแม่น้ำคงคาในช่วงตี 5 ไม่ไกลจากที่พักหรอกค่ะ แต่รถจะติด เพราะกรุ๊ปทัวร์ทุกกรุ๊ปจะมุ่งหน้าไปที่นี่กันหมด ไปช้าที่จอดรถจะไกลจากท่าน้ำมาก ต้องเดินไกล (แต่ทอฟฟี่จะบอกว่าครั้งนี้โชคดีที่จอดรถไกล แต่เพราะอะไรเดี๋ยวเฉลย)







ฝรั่งชอบเรียกว่าพิงค์ ทาวเวอร์ค่ะ











(เห็นวงๆ แสงกลมๆ ไหมคะ หลวงพ่อบอกว่าเป็นเทวดาค่ะ ตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในอินเดียจะถ่ายติดภาพนี้เยอะมากเลย แต่ที่พาราณสีเยอะเป็นพิเศษค่ะ ทอฟฟี่ก็ถ่ายได้นะคะ)











(ระหว่างรอกระทงค่ะ ทอฟฟี่กดไม่ยั้งเลย)



 

(บรรยากาศยามเช้ามืด)







คนอินเดียอาบน้ำกันแบบโต้งๆ ไม่สนใครเล้ยยยย





(แสงสียามเช้า งามมากเลยค่ะ)


วินาทีแรกที่เห็นแม่น้ำคงคา ใจทอฟฟี่เต้นตึกตักเลยค่ะ ยิ่งได้เห็นหอคอยสีชมพูของท่าน้ำทัศอัศวเมศ(ไม่รู้ถอดเสียงถูกหรือเปล่านะคะ) ที่มีภาพของพระศิวะและพระแม่คงคาอยู่บนตัวหอคอยด้วยยิ่งตื่นเต้น ถามคนแถวนั้นเขาบอกว่าท่าน้ำหรือกาฏนี้เป็นกาฏที่ศักดิ์สิทธิ์และมีชื่อที่สุดของที่นี่แล้วล่ะค่ะ ทอฟฟี่รัวชัตเตอร์ไม่ยั้งเลยนะคะ แหะๆ เพราะชอบมาก บอกตรงๆ เหมือนกลับบ้านเลยค่ะ ^__^


ผูกพันกับที่ตรงนี้มากเหมือนกันค่ะ บรรยากาศยามเช้ามันงามแต๊ๆ เลยเชียว ทอฟฟี่ได้เอาเส้นผมและเล็บของคุณแม่มาลอยด้วยนะคะ ลอยเคราะห์โศกไปให้หมดคุณแม่จะได้มีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นค่ะ


ข้อหนึ่งที่อยากจะบอกก็คือโน้ส อุดมโกหกอ่ะ 55 บอกว่าสกปรกมากงั้นงี้ ไม่จริงเลย โอเคว่าบนพื้นดินริมตลิ่งอาจมีขยะเศษโน่นนี่นั่นมาติดบ้าง แต่ก็เฉพาะกาฏที่พวกวรรณะต่ำเท่านั้นล่ะค่ะ ในแม่น้ำก็สะอาดดี ทอฟฟี่ตักมาก็ใสแจ๋วเลยด้วย


ความศักดิ์สิทธิ์ของบรรยากาศ ณ ยามนั้นมันคนละเรื่องกับโจ๊กที่เขาพูดในเดี๋ยวไมโครโฟนเลย จะบอกว่าคนกราบไหว้บูชาแม่น้ำด้วยความเคารพจากหัวใจ ความศักดิ์สิทธิ์ 4000 ปีของแม่น้ำแห่งนี้มันสูงค่าเกินกว่าที่จะมาเป็นโจ๊กฮาๆ นะคะ








ใครเห็นต่างยังไงทอฟฟี่ไม่ทราบเพราะนี่ก็เป็นความคิดส่วนตัวของทอฟฟี่เหมือนกัน อินเดียอาจล้าหลังและมีเพียงเมืองใหญ่ๆ อย่างเดลี มุมไบที่เจริญเทียบเท่ากรุงเทพฯ แต่สำหรับตัวทอฟฟี่แล้วกลับชอบที่เมืองเก่าๆ ในต่างจังหวัดมีวิถีชีวิตที่ดำเนินไปอย่างช้าๆ เนิบนาบเหมือนกระแสน้ำคงคามากๆ เลยค่ะ


ล้าหลัง แต่งดงามและยากจะลืมเลือนเน้อ





(คงคาอารตียามเช้าโดยพราหมณ์ค่ะ)







คนแจวเรือที่ต้องเป็นตากล้องจำเป็นค่า







เช้าๆ ฝรั่งก็เยอะนะคะ มาเป็นกรุ๊ปเลย







แจ๊งแว้ง ทอฟฟี่หน้าซีดมากกก เพราะศีล 8 ไม่แต่งหน้าค่า หนาวมากกกก 3-4 องศาเองมั้งคะ ห่อตัวเป็นแหนมเลยยย







คนน้อยถ่ายภาพง่ายมากๆ ค่ะ







ทอฟฟี่ชอบแสงสียามพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นมากๆ เลยค่ะ











นี่คือน้าต้อย อาจารย์ที่สอนทอฟฟี่สวดมนต์ค่ะ น้าต้อยปลงผมบวชที่หน้าต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่พุทธคยา ยังบวชอยู่ ไม่มีกำหนดสึก โมทนาในบุญกุศลของการบวชด้วยความศรัทธาในพระพุทธศาสนาจริงๆ ค่ะ







นกนางนวลเยอะมากกกก หลวงพ่อบอกมาว่ามาคงคา 35 ครั้ง ไม่เคยเจอนกนางนวลเลย ทอฟฟี่ให้อาหารมันด้วยนะคะ ห่อละ 10 รูปีเองค่ะ แต่...มันอึใส่ทอฟฟี่เฉยเลย แหะๆ







ที่เก๋ก็คือจะมีเรือมาเทียบขายของกับเรือเราตลอดค่ะ มีตั้งแต่ปล่อยปลา ขายซีดดี ขายอาหารนกไปจนถึงขายของงานฝีมือ หนุ่มน้อยคนนี้คือพ่อค้าที่พูดอังกฤษเก่งมาก แล้วก็ขายของเก่งด้วย คนที่นี่รับเงินไทยนะคะเพราะค่าเงินเรามากกว่าเขาค่ะ แต่ละคนพูดพวกตัวเลขไทยชัดแจ๋วแหววเชียว แบบ 10 รูปีจ้า อะไรแบบนี้



ใครที่มาที่นี่จะเป็นมหารานีกันหมดค่ะ เขาจะเรียกเราว่ามหารานีแล้วผู้ชายก็มหาราชา โดยเฉพาะพวกขอทานนะคะ แวลาจะขอตังค์ก็เรียกว่ามหารานี 10 รูปี (55 พูดไทยด้วย)









คราวหน้าทอฟฟี่จะเล่าเรื่องวังแดง(ที่ถ่ายเรื่องJodha Akbar) และทัชมาฮาลที่แสนประทับใจให้ฟังนะคะ

วันนี้เอาแค่นี้ก่อน เหนื่อยค่า ยังไม่สบายอยู่เลย

 

(ออกศีลแล้ว เจอสาวใส่สีเหลืองเหมือนกันก็เลยขอถ่ายด้วยค่า)



 




Create Date : 13 ธันวาคม 2553
Last Update : 13 ธันวาคม 2553 21:33:27 น.
Counter : 1395 Pageviews.

5 comments
Bangsaen 21 The Finest Running Event Ever 2023 บางแสน แมวเซาผู้น่าสงสาร
(12 เม.ย. 2567 10:20:55 น.)
ร้อนนี้ชวนเที่ยว ออบขาน เชียงใหม่ สมาชิกหมายเลข 4313444
(11 เม.ย. 2567 08:07:33 น.)
Ta Moke Shwe Gu Gyi Temple สายหมอกและก้อนเมฆ
(8 เม.ย. 2567 18:52:20 น.)
สักการะองค์พญานาคใหญ่ที่สุดในไทย วัดถ้ำแจง เพชรบุรี นายแว่นขยันเที่ยว
(8 เม.ย. 2567 12:34:14 น.)
  
หวัดดีค่ะ..คุณท๊อฟฟี่ ได้เจิมอ่ะเปล่า
ปกติ อินเดีย เป็นเมืองที่เราเฉยๆ มาตลอดนะ
แบบว่าเคยเห็นรูป เห็นภาพเมืองจากทีวีหรือสื่อต่างๆ
ก็ไม่ได้ประทับใจ หรือว่าอยากจะไปเที่ยวดู(แต่ถ้าได้ไปก็ดี)

กลับมาแล้ว...ดีใจ (ว่าจะได้อ่านนิยายต่อ..อุอุ)...
เข้าไปอ่านนิยายที่ใช้ฉากอินเดียที่โน่นมาด้วยแหล่ะค่ะ
เห็นเม้นท์ว่ามีเรื่องราวการลอกเลียนงานเขียนอะไรกันนั้น
อย่าเพิ่งท้อนะ ยังหวังว่าจะได้อ่านนิยายของคุณท็อฟฟี่ต่อค่ะ

ปล. ปกติ ไม่ปลื้มหนุ่มๆ ชาติอินเดียนะ ดูดุ แต่อ่านนิยายไปหน่อยนึง
บางทีอาจจะยอมเปลี่ยนใจ 5555555+ เพราะอิมเมจของราม...อื้ม..ทีเดียว
โดย: nikanda วันที่: 13 ธันวาคม 2553 เวลา:22:08:03 น.
  
555 คุณnikanda ขา

อินเดียเป็นเมืองที่ต้องลองไปสัมผัสด้วยตัวเองค่ะ ให้คนอื่นมาเล่าหรือดูจากภาพมันอาจจะเป็นมุมมองของคนอื่นไม่ใช่ของเรา ความประทับใจมันอาจไม่เกิด

ทอฟฟี่ไปแบบทัวร์ลำบากค่ะ ไปบวชถือศีล 8 ที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ไปแบบติดดินที่สุดเลยได้พูดคุยกับคนอินเดียที่อยู่ในระดับพ่อค้าแม่ขายและเด็กขอทานพอสมควร ทึ่งกับพลังชีวิตของเขาค่ะ ประสบการณ์ที่ได้จึงเป็นแบบที่ต้องการจะใช้ทำงานทุกประการ เรียกว่าแสวงบุญพร้อมได้ข้อมูลในแบบที่จะใช้ด้วยก็เลยประทับใจมากเป็นพิเศษมั้งคะ ^__^

จะบอกว่าทอฟฟี่เขียนนิยายเรื่องโศลกรักใต้แสงดาวก็เพราะกลอนของท่านรพินทรนาถ ฐากูรที่วางข้างหมอนมาตั้งแต่สมัยเรียนและเพราะภาพอิมเมจชวนน้ำลายหกของพ่อจอห์น อับราฮัมนี่ล่ะค่ะ 555

ส่วนเรื่องลอกผลงานก็ปลงแล้วค่ะ ทอฟฟี่แจ้งทางสนพ.ไปแล้วว่าทอฟฟี่เขียนเรื่องนี้ ส่วนคนที่ลอกก็ส่งผลงานให้ทางสนพ.อินเลิฟพิจารณาและผ่านแล้วเช่นกัน แต่เป็นเรื่องอื่น ถ้าเขาส่งเรื่องที่ใช้โครงของทอฟฟี่ไปให้พิจารณาก็ให้ช่วยดูด้วย ไม่อย่างนั้น ทอฟฟี่ก็ไม่ยอมเช่นกันค่ะ

มีคนบอกว่าให้ถือซะว่าที่เขาลอกเพราะงานเรามีดี แต่ทอฟฟี่กลับคิดว่าเป็นเรื่องของจิตสำนึกมากกว่า ตัวเขาเองก็เป็นถึงอาจารย์มหาวิทยาลัย อายุมากกว่าทอฟฟี่เสียอีก ทำแบบนี้ไม่รู้ว่าเรียกตัวเองว่าแม่พิมพ์ของชาติได้อย่างไรหนอ

ก็รอให้กฏแห่งกรรมทำงาน ส่วนเราก็ทำในส่วนของเราให้ดีที่สุดค่ะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ ทอฟฟี่ก็คงอัพนิยายต่อไปเรื่อยๆ ล่ะค่ะ ^__^ แต่เรื่องพ่อรามนี่จะอัพจบไหมขอคิดดูอีกที เบื่อคนลอกแล้นนนน
โดย: ชญาน์พิมพ์ (ขี้เกียจล็อกอินฮับ) IP: 115.67.198.149 วันที่: 13 ธันวาคม 2553 เวลา:22:35:49 น.
  
ว้า...ตามไปไม่ทันซะล่ะ
อธิบายดี ภาพชัดเจนมากค่ะ ....เหมือนไปเอง
ที่สำคัญ สวยเหมือนสาวอินเดียจร้า


โดย: แนวเนี๊ยะ วันที่: 13 ธันวาคม 2553 เวลา:22:40:39 น.
  
เรื่องที่ว่าต้องสัมผัสเอง อันนี้ก็เห็นด้วยว่าจริงค่ะ
คือเห็นภาพแล้วเฉยๆ แต่คิดว่า ถ้ามีโอกาสได้ไป..ก็ไปนะ

ส่วนเรื่องลอกงาน...อุ๊ย..ย..เราก็นึกไปว่า..คนลอกน่ะ
คงจะเป็นเด็กๆ วัยรุ่น มัธยม ไร้งี้ อาจจะอยากมีผลงานมากๆ
เลยก๊อปไป ลอกไป โดยไม่ยั้งคิด อารมณ์ชั่ววูบ อะไรแบบนั้น
นี่เป็นครูอาจารณ์หรือนี่?...แง๊ว..ว..ว..ว..ว...ว..รู้แล้วเหวอเลยเรา
โดย: nikanda วันที่: 14 ธันวาคม 2553 เวลา:17:55:39 น.
  
ขอบคุณครับ Thank You.
-maker-reviews.info/"> coffee maker reviews
โดย: aomzon (aomzon ) วันที่: 8 ตุลาคม 2554 เวลา:17:47:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Chayaphim.BlogGang.com

France
Location :
ปทุมธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]