ทริปเขาใหญ่,..ไปเที่ยวกัน พักฟรีที่ Sala Khaoyai ที่นี่เกริ่นไปก่อนหน้า ว่าได้ที่พักที่ ศาลา เขาใหญ่ มาฟรี ค่ะ โปรแกรมการเดินทางเลยตกอยู่ที่ 30-1ตุลาคม53 เพราะลูกปิดเทอม และห้องพักว่างช่วงนี้พอดี ออกเดินทางเส้นสุวินทวงศ์ มาทางปราจีน กบินทร์ ตลอดเส้นทางสงบ เงียบ วิวสวย แดดไม่จัด ดูทลอคโชว์ของโนส อุดม แต้พานิช เดี่ยว8 มาตลอดฮามั่กๆ ยิ่งใกล้ถึงภาพเบื้องหน้าก็จะเห็นทิวเขาใหญ่อยู่เต็มตา เขาใหญ่ ใหญ่จริงๆ วิวสวยด้วยเหมือนที่เราไปเชียงใหม่แล้วขับผ่านลำปางเลย โปรแกรมแรกแวะที่วังน้ำเขียว ขับแบบมึนๆงงๆ ก็มาเจอจุดหมายที่ อุทยานทับลาน ณ ผาชมตะวันค่ะ เดินทางเที่ยววันธรรมดานี่ดีจัง คนน้อยมาก ที่นี่เป็นจุดชมวิวมุมสูง เบื้องล่างเป็นป่าและบ้านผู้คน มีกิจกรรมคือ ปลูกป่าโดนซื้อเมล็ดต้นไม้และเอาหนังสติ๊ก ยิงให้ตกลงที่เบื้องล่าง รอเมล็ดโตเป็นต้นกล้าต่อไป สนุกดีค่ะ วิวเบื้องล่างเป็นแบบนี้ หนังสติ๊กยักษ์ เป็นแบบนี้ ออกแรงสุดโต่งเลย ข้างๆกันมีบ้านทาร์ซานให้ปีนขึ้นไปชมวิว วิวข้างบนค่ะ สังเกตุว่า ภูมิใจจังที่เกิดเป็นไทย ก็เพราะภาพๆนี้แหล่ะ เวลาลงก็ต้องไต่แบบหันหลังนะคะ หวาดเสียวอยู่พอดู เส้นทางของวังน้ำเขียว คดโค้งไปตามทาง รีสอร์ตมีมาก ไม่แพ้ ไร่ผัก ฟาร์มเห็ด และธรรมชาติ ขออย่าให้เปลี่ยนไปมากกว่านี้อีกเลย แวะทานเสต๊กที่ร้านนี้ ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารเพราะไม่ค่อยประทับใจ เสต็กจานละ 280 บาท แพงกว่า13เหรียญซะอีก แถมไม่อร่อยผ่านเรื่องรสชาติซะด้วย ออกจากวังน้ำเขียวที่บ้านไทยสามัคคี ก็จะมีผักและพืชผลขายที่ปากซอย สามีอยากกินเห็ดย่าง จะซื้อเห็ดสดๆ กลับเลย ก็ไม่เหมาะเพราะกลัวจะเน่า เนื่องจากยังไม่ได้เดินทางกลับ งานนี้เลยอดกินเห็ดย่างโดยปริยาย เลี้ยงขวาเข้าทางเขาแผงม้า ขับยาวเลย ฟังเลยเพราะๆ อากาศดีดี คุยกันสามคนตลอดทาง การเดินทางมันดีแบบนี้นี่เอง ทำให้คนเราใกล้ชิดกันมากขึ้น และแล้วก็ถึงโปรแกรมที่วางไว้ว่าต้องพักแวะ ที่นี่คือ A Cup of love ห้องรับแขกแห่งวังน้ำเขียว วันธรรมดาก็ไม่ค่อยมีคนมากนัก ได้กาแฟและเครื่องดื่มมาคนละแก้ว แก้ว55บาท ก็พอรับไหว ร้านี้คล้ายๆกับที่สวนผึ้ง และข้างในกำลังสร้าง รีสอร์ตที่พักด้วย มุมถ่ายรูปสวยๆที่แบบเก็บภาพนี้ไว้ ไปเพ้นท์ที่บ้านของเราบ้าง ถ้าว่าง ต้องถ่ายกับป้ายหน่อย กลัวไม่รู้ว่ามาถึงที่นี่จริงๆ พื้นที่เล็กๆที่แสนจะน่านั่ง ได้นางแบบจำเป็นมาแล้ว เหลืองเชียว ขึ้นมาดาดฟ้าหน่อย วันนี้ชั้นบนไม่มีใครนอกจาก ข้าพเจ้าค่ะ เอารูปปราศจากผู้คนมาอวด ไม่น่าเชื่อว่า ร้านกาแฟร้านเดียว แต่ก็ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งวังน้ำเขียวได้ นี่แหล่ะ การสร้างจุดขาย หรือ Story นั่นแหล่ะ เวลาคล้อยมากบ่าย2แล้วยังไม่ได้ไปไหวเลย คุงพ่อขับรถวันนี้ 80กม/ชม. ออกจากบ้าน 8.30น. แล้วแวะตลอด ไม่รีบไม่เร่ง มาแบบเนิบๆเลยว่างั้น !!!! ขับย้อนมาทางเขาใหญ่ ผ่านเขาแผงม้า ผ่านลำพระเพลิง วิวสวยดี เป็นแอ่งน้ำที่เราขับเลาะมารอบๆ เจอร้านอาหารแวะซื้อข้าวกล่องเพราะ ยังไม่อิ่มจากเสต็กราคาโหดที่วังน้ำเขียวค่ะ ขอแฟนเปิดหน้าต่างชมวิว อากาศดีจัง สั่งข้าวผัดไก่ 2กล่องที่ร้านนี้ ราคา60 บาท/กล่อง แพงอีกแล้ว เอาน่าอย่าคิดมาก มากระจายรายได้ให้คนในท้องถิ่นเขาบ้าง ด้านในมีที่พักไว้บริการด้วยนะคะ แต่เราคงไม่เพราะไม่ใช่แบบที่ชอบ หน้าร้านมีน้องหมานอนเฝ้า... วิวดีแบบนี้มันคง ได้เห็นทุกวัน อิจฉาหมาว่ะ!!! จ่ายค่าเสียหายเป็นข้าวผัดไป120บาท แล้วเตรียมเข้าที่พักที่ศาลา ที่นี่ไม่มีป้ายปักริมทางเลย คนเซียนยังหลง ต้องโทรถาม ตลอดทาง ถึงแล้วค่ะ ศาลาเขาใหญ่ ที่พัก 5ดาวที่ได้มาฟรีๆนี่ถ้าต้องเสียเงินเองราคา เป็นหมื่น คงไม่มีโอกาส เพราะแพงเกิน สู้ไม่ไหว ดีนะที่ได้มาฟรี ลองมาใช้ชีวิตหรูๆแบบไฮโซดูบ้างสักคืน ไต่เขาขึ้นบันไดชันๆมาที่ลอบบี้กัน สูงอยู่บนยอดดอยเลย มาที่ลอบบี้เพื่อเช็คอิน คุยไปมาตอนก่อนมาก็แจ้งว่าบัตรที่เราได้รวมอาหารเช้าตอนโทรดิวกับคุรตั้ม แต่พอมาเช็คอินกับไม่มีอาหารเช้าให้ เราอึ้ง ไม่อยากจะเถียง เพราะถือว่าได้มาฟรี อาหารเช้าราคาเริ่มต้น 280 บาท เป็นพวก คอนเฟล็กซ์ ( แอบคิดมันไหมมันแพงนักวะ แต่ก็รอดูต่อไป ) มุมรับแขกที่ลอบบี้ ส่วนทางอาหาร ทานเดินโดยรอบๆเต็มไปด้วย ดอกหญ้า ที่ลอบบี้อีกรูป เลยคิดว่าที่นี่เขามีโฉนดไหม สร้างได้ไง ไม่ถือว่าบุกรุกหรือ ไม่รู้คิดมากไปหรือเปล่า ก็เข้าใจว่า อำนาจเงิน ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว แน่นอนที่นี่ก็คงอยู่ในขอบข่ายนั้น เห็นว่าเป็นญาติกับตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งเซ็นทรัล เอาน่า... สักครั้ง ถือว่าเป็นรางวัลในชีวิต ป้ายแจ้งเลขห้องพัก เราพักห้อง7ไม่ใช่ห้องนี้ อีกรูปสวยๆที่แอบเอามาฝาก ดอกหญ้า เข้ามาที่ภายในห้องกัน เตียงนอนนุ่มๆ แต่สั้นๆ นอนแล้วขาเลยออกมา โซฟาข้างๆเตียง ที่เปลี่ยนเป็นเตรียมเสริมในตอนกลางคืน เหมือนจะสบาย แต่เอาเข้าจริง แคบจนแทบกระดิกตัวไม่ได้เลย นกคู่นี้อยู่ข้างหน้าต่างค่ะ วิวข้างนอกที่ฉ่ำไปด้วยหยาดฝน ฝักบัวยืนอาบแบบไม่มีประตู ฝักบัวใหญ่โตแบบสะใจจริงๆ อ่างล้างหน้า แบบไม้ รูปทรงดูแปลกตา อีกมุมหนึ่งของห้อง ท้องฟ้าเริ่มเปิดแล้ว พอมีแสงอยู่บ้าง อ่างจากุซี่ในห้อง สำหรับแช่น้ำอุ่นๆ สบายตัว ภาพครอบครัวเรา3คน ที่ไม่บ่อยนักที่จะมีรูปรวม3คนแบบนี้ กว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่ได้ใช้เวลาน้อยๆในการสร้างคำว่า " ครอบครัว" นะ อีกรูปก่อนออกไปเดินเล่นกัน ชิงช้าน่านั่งตากลมดีไหม บนดาดฟ้าของห้องพัก ที่เอาไว้นั่งชมวิว ตากลม ดูดาว วิวแบบพาโนรามาล้วนๆ 360 องศา เอาภาพสวยๆมาฝากอีก เมื่อน้ำและฟ้ามาบรรจบกัน บ้านของผู้หนึ่งในตระกูลจิราธิวัฒน์ ใหญ่ อลัง ซะ ขอเก๊กสวยสักรูปนะแม่!! สองเรา เราสอง สวยเกินบรรยาย ไม่พ้นต้องถ่ายดอกหญ้ามาอวดจริงๆ เพื่อนร่วมทาง ที่พาสองขาของเรา เที่ยวท่อง Pool Vila ใกล้จะได้ใช้งานแล้ว พักตรงนี้ดีกว่า อีกรูปเมื่อแสงแดดเริ่มฉาดฉาย อยู่ที่นี่ว่างไม่รู้จะทำอะไรจริงๆ ได้หนังแผ่นมาดูซะหายอยากจริงๆ เปิดน้ำอุ่นๆไว้รอแช่กัน3คนดีกว่า Daybed ข้างๆ นั่งชมวิวมุมนี้หน่อยดีกว่า รู้สึกชอบภาพนี้จัง ขอเป็นนางแบบ สมัคเล่นสักวัน นี่ก็อีกคน.. น้ำอุ่นๆแบบนี้ แช่เท้าหน่อยดีกว่า ได้เวลาว่ายน้ำเย็นๆกันแล้ว แสงแดดยามเย็น สะท้อนที่กระจก ดูแล้ว นุ่ม ละมุน สวยไปอีกแบบ ขึ้นมาที่สระใหญ่บ้าง ชมวิวพระอาทิตย์ตกดินไปด้วยพร้อมๆกัน ค่ำแล้วมื้อเย็นรออยู่ รู้มาว่าที่นี่อาหารแพงมาก คุณพ่อบอกว่า "มีตังค์กินก็กินไปเลยไม่ต้องคิดมาก" พอเอาเข้าจริง ไปขอดูเมนูที่ห้องอาหารเป็นอันตกใจ!!!!! เสต็กราคา1100 สลัด 350 ซุป250 เครื่องดื่มแก้วละ 250 บาทราคาทั้งหมดยังไม่รวม++ สามคนมองหน้ากันมีอันต้องบาย ยอมขับรถลงมากินกันที่ร้านบ้านๆเชิงดอย ชื่อร้านธงชัย สั่งต้มไก่บ้าน ผัดผักริมมิตรกุ้ง ไข่เจียว ก็อร่อยและอิ่มได้ในราคา220บาท นี่แหล่ะเขาเรียกว่า พวกรวยไม่จริง อิอิ กลับมาที่ห้องพัก ฝนตกอีกแล้ว แผนที่จะนอนนับดาวที่ดาดฟ้ามีอันต้อง พับไว้ก่อนทันที เดินถ่ายรูปและเล่นกีต้าร์ก่อนเข้านอนส่งท้ายในการเดินทางวันนี้ ราตรีสวัสดิ์เขาใหญ่ ลืมบอกไป ที่นี่แมลงตอนกลางคืนเยอะมาก ตืน เช้า มา ภาพเบื้องหน้าก็เป็นแบบนี้ แตกต่างจากทุกวัน และที่แน่ๆ คือ เราพบกับฝนอีกตามเคย เลยทำให้ภาพตอนเช้าไม่สดใสเท่าที่ควร ฟ้าหม่นๆ ดูยังไงๆก็น่ากลับไปนอนต่อจริงๆ ภาพนี้ลูกสาวแอบถ่ายให้ ไม่รู้ว่า "เราจะอยู่ด้วยกันไปอีกนานแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ" เราดีใจ เราสุขใจ ที่นายยังอยู่กับเราในวันนี้ ตอนนี้ เวลานี้ อีกรูปที่ดาดฟ้าก่อนจากลาที่นี่ในวันนี้ อีกมุมที่สวย แต่ไม่ได้นั่งสักที เพราะ ฝนตกตลอดวันจริงๆ ไม่ได้กินอาหารเช้าที่นี่ เพราะต้องจ่ายเพิ่มทั้งๆที่ตอนดิวไว้ก็บอกว่ารวม ABF ก็หยวนๆเพราะได้มาพักฟรีอ่ะนะ ค่าเสียหายกรณีเตียงเสริม 2354 บาท ( ได้มาแค่ผ้าคลุมโซฟาแคบๆ ผ้าห่ม ปลอกหมอน ส่วนอาหารเช้าที่รวมอยู่ด้วยนั้น ก็เลือกที่จะไม่กิน ) ที่นี่ให้ วิวและบรรยากาศ 5ดาว การบริการ 1 ดาว เพราะพนักงานไม่ได้สร้างความประทับใจอะไรเลย ห้องพักให้ 3 ดาว ติดเรื่องห้องน้ำ ส่วนอาบน้ำ เตียงสั้นๆ ดูยังไงก็ไม่ค่อยลงตัว ถามว่า มีโอกาสจะกลับมาที่อีกไหม? ตอบได้เลยว่า เฉยๆค่ะ เพราะไม่มีอะไรให้ชอบจนต้องกลับมาเยือนอีก ไม่มีกิจกรรมอะไรทำมากมายในตอนที่เข้าพัก ถ้าคู่รักแบบมาฮันนี่มูน คงดีกว่าแบบครอบครัวอย่างเรา เอาน่ะ.... อย่างน้อยในชีวิตก็ได้มานอนรีสอร์ตคืนละหมื่นๆสักครั้งแบบฟรี ถือซะว่าเป็นรางวัลชีวิตก็แล้วกัน กับที่นี่ ศาลา เขาใหญ่ แนะนำเว็บท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงาม
โดย: attractions (loveyoupantip ) วันที่: 7 สิงหาคม 2554 เวลา:1:18:06 น.
|
บทความทั้งหมด
|
เจ้าของบล็อก มีครอบครัวที่น่ารักและเก่งมากๆเลยครับ
ผมชอบทุก blog เลย
ไอเดียสร้างบ้านเจ๋งมากๆเลยครับ