เนเธอร์แลนด์แดนสวรรค์ของจักรยาน ตอนที่3 เมื่อบล๊อคที่แล้วผมเล่าให้เห็นภาพทางจักรยานในพื้นที่ที่เป็นย่านชานเมืองของเค้า ในบล็อคนี้ผมจะเอาภาพทางจักรยานในพื้นที่เมืองมาให้ดูกันครับ หกภาพนี้เป็นถนนในเมืองของเค้าครับ จะเห็นได้ว่าแตกต่างกับถนนในพื้นที่เมืองของเราอย่างฟ้ากับก้นเหวเลยทีเดียว มองหารถยนต์แทบจะนับคันกันได้ นอกนั้นเป็นแต่คนเดินกับขี่จักรยานกันให้ขวักไขว่ มองไปที่ฝั่งตรงข้ามก็จะเห็นแนวของจักรยานจำนวนมากจอดเรียงรายกันเป็นตับ นี่เป็นภาพที่เจนตาพบเห็นได้โดยทั่วไปในประเทศนี้ อยากได้ภาพเหล่านี้เอาไปไว้ที่ประเทศไทยเหลือเกิน(คงจะประมาณชาติหน้าบ่ายๆล่ะ) ด้วยแง่มุมของการอนุรักษ์เมืองให้เกิดความงาม และด้วยความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของเมือง การตีความพื้นที่ถนนของเค้าจึงแตกต่างกับเราอย่างลิบลับ ดูได้ง่ายๆแค่พื้นผิวถนนก็ยังเป็นพื้นผิวแบบเรียงอิฐเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของอาคารสองข้างถนน นอกจากการสัญจรด้วยการใช้ถนนแล้ว ประเทศนี้ยังมีระบบคูคลองที่ทันสมัยเอาการ แทบจะทุกพื้นที่ต้องมีตลองผ่านเข้าไปด้วย ดังนั้นเค้าก็ใช้ประโยชนฺ์ด้วยการทำเป็นทางสัญจรทางน้ำบริการประชาชนเสียเลย จัดหาเรือที่มีคุณภาพดีๆเป็นเรือเมล์ ต่างกับกทม.บ้านเราที่เคยมีคูคลองแต่ว่าเราถมหมดเพื่อเพิ่มพื้นที่ถนนจนทำให้กรุงเทพเมืองฟ้าอมรถิ่นสัญจรของนางฟ้านางสวรรค์กลายเป็นเมืองนรกแห่งยานยนต์และคนแก่งแย่งแข่งขันกันเช่นทุกวันนี้ ถ้าหากย้อนอดีตได้แล้วเราไม่ยอมถมคูคลอง ผมว่าบรรยากาศก็คงประมาณน้องๆเนเธอร์แลนด์นี่แหละ แต่จะว่าไปปะไรมี มันก็เป็นอดีตที่ไม่สามารถฟื้นคืนได้อีกแล้ว ดังเช่นคนตายไปแล้วจะทำอย่างไรก็คงจะไม่ฟื้น อยู่แต่ว่าพวกเราชาวไทยทั้งหลายจะทำอย่างไรที่จะไม่ให้โรคติดต่อที่ผมขอเรียกว่าโรคบ้ารถยนต์นี้มันแพร่กระจายไปสู่จังหวัดอื่น เชียงใหม่ก็ใกล้จะสิ้นลมแล้วเพราะรับเอาเจ้าโรคนี้แหละไปพัฒนาเมือง โคราชบ้านผมก็เหมือนกันกำลังร่ำๆจะทำอะไรก็จะให้มันเหมือนกทม.กะเชียงใหม่โดยไม่สำเหนียกถึงอัตลักษณ์ หรือภูมิศาสตร์ของเมืองกันบ้างเลย สองภาพนี้เอามาเล่าให้เห็นภาพเจ้าเชื้อโรคที่ว่านั่นแหละครับ เจ้าสีดำคันนี้การันตีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเป็นพาหนะจากประเทศไทยอย่างแน่นอนครับท่าน แต่เมื่อมันไปอยู่ที่ประเทศนี้มันก็ต้องสงบสเงี่ยมเจียมตัวเพราะรอบด้านนั้นเค้ามีแต่จักรยานกันทั้งนั้น ต่างกับเมื่ออยู่ที่ประเทศไทยนั้นมันช่างองอาจ หยิ่งผยอง ลำพองเสียยิ่งกว่าใคร ครอบครองพื้นที่ถนนทำลายเมืองเสียจนทุกวันนี้จะข้ามถนนทีต้องสั่งเสียลูกเมียไว้ล่วงหน้าเผื่อว่าชาติหน้าจะได้มาพบเจอกันอีก ด้วยความแข็งแรงของวัฒนธรรมการใช้จักรยานของชาวเนเธอร์แลนด์นี่แหละ ที่ทำให้เค้ามีเมืองดีเมืองสวย เป็นที่น่าอิจฉาอย่างเช่นทุกวันนี้ สี่ภาพด้านบนนี้ประจักษ์พยานยืนยัน ด้วยการวางแผนจราจรโดยใช้รถประจำทางเป็นขนส่งมวลชนร่วมกับเรือเมล์บริการประชาชนในรัศมีเครือข่ายของแต่ละสถานีรถไฟ มีรถไฟเป็นบริการขนส่งมวลชนสำหรับการเดินทางเชื่อมต่อกันระหว่างเมือง มีจักรยานเป็นขนส่งส่วนบุคคลในการเดินทางระหว่างบล๊อคต่อบล๊อคของเมือง ดังนั้นการมีรถยนต์ส่วนตัวในประเทศนี้จึงเป็นเรื่องที่เกินความจำเป็น เฉพาะคนเฉพาะกลุ่มเท่านั้นจึงจะหารถยนต์มาเป็นภาระให้กับตัวเอง แตกต่างจริงๆกับบ้านเราที่หากไม่มีรถยนต์เป็นของตนเองแล้วล่ะก็หากคิดจะเดินทางไปที่ใดก็ไม่สามารถที่จะกำหนดเวลาหรือมองเห็นความสะดวกได้เลย การใช้จักรยานในบ้านเค้านั้นมันแพร่หลายมากมายเสียจนกลายเป็นความเชื่อว่าเนเธอร์แลนต์นี่แหละคือเมืองหลวงของโลกจักรยาน(ตอนนี้โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์กกำลังจะบอกเหมือนกันว่าฉันก็เป็นย่ะ..เลยไม่รู้ว่าใครเจ๋งกว่ากัน เอาไว้ผมได้ไปเมืองนี้มั่งจะมาตัดสินให้ครับ) เส้นทางจักรยานที่ครอบคลุมทั่งเมือง ทั้งประเทศ จึงต้องมีการลงรหัสบอกเส้นทางเอาไว้ เพื่อเวลาเดินทางจะได้ตรวจสอบจากแผนที่ได้ ดังที่จะเห็นในภาพด้านบนว่าจะมีหมายเลยกำกับไว้ที่ป้ายบอกเส้นทางจักรยาน บ้านเรามันร้อนครับ ผมก็ชอบจักรยาน เรื่องอันตรายก็เรื่องนึง แต่สำคัญกว่าคือมันร้อนครับ
โดย: ฤาษีวยาส IP: 124.120.123.167 วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:10:39:54 น.
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมที่บล็อกนะคะ แล้วจะแวะไปเยี่ยมชมเว็บใหม่ด้วยค่ะ
โดย: อารีรัตน์ วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:17:34:29 น.
คืนนี้เข้ามาเจอก็ดึกแล้ว...จะเข้ามาอ่านใหม่นะครับ.
โดย: arkanay IP: 49.49.105.18 วันที่: 12 กันยายน 2555 เวลา:1:57:34 น.
|
บทความทั้งหมด
|
ชอบจังเลยที่ประเทศเขาใช้จักรยานกันเยอะ
ดูแล้วสบายใจ สบายปอดแทน