REVIEW รีวิว Laura Mercier Silk Crème Oil Free Photo Edition Foundation
สวัสดีจ้าสาวๆ วันนี้เบลล์มีรองพื้นใหม่มารีวิวให้ชมกันค่ะ 
ขอออกตัวแรงเลยว่าเป็นรองพื้นที่ใช้แล้วเลิฟจริงไรจริง 
มาวินชิงตำแหน่งขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในบรรดารองพื้นลูกรักไปแล้ว 
รองพื้นที่เบลล์กำลังกรี๊ดหนักมากในตอนนี้ ก็คือ อันนี้เลยยยยย 



ชื่อเต็มๆเค้าชื่อว่า Laura Mercier Silk Crème Oil Free Photo Edition Foundation
เป็นรองพื้นที่เน้นระดับการปกปิดสูง หรือ Full Coverage ซึ่งจริงๆรองพื้นรุ่นนี้เค้า Launch ออกมาพร้อมกัน 2 สูตร 
คือ สูตร Oil Free สำหรับผิวผสม-ผิวมัน และสูตร Moisture สำหรับสาวผิวแห้ง-ผิวธรรมดา 
เบลล์เป็นสาวผิวผสมก็เลยเลือกใช้รุ่น Oil Free ค่ะ 

บรรจุภัณฑ์
รองพื้นรุ่นนี้เค้าจะบรรจุในหลอดบีบสีดำ ฝาเมทัลลิกรมดำเท่ๆ 
ซึ่งรุ่น Oil Free ตัวหลอดจะเป็นสีดำด้าน ถ้าเป็นรุ่น Moisture จะเป็นดำเงาค่ะ 
ทั้งสองรุ่นมาในกล่องสีเทาตามแบบฉบับของ Laura Mercier เลยจ้า 
(ไม่มีกล่องเลยไม่ได้ถ่ายมาให้ดูโน๊ะ)


ด้านหน้าหลอดเขียนชื่อรุ่นไว้แบบเรียบๆเท่ๆ 
ส่วนด้านหลังบอกทคนิกวิธีใช้ ขนาดบรรจุ ที่ผลิตไว้เรียบร้อย และจะมีสติ๊กเกอร์วงกลมบอกชื่อสีแปะไว้ด้วยค่ะ 

ขนาดบรรจุและราคา
30 ml ราคา 1,950 บาท 

เฉดสี
รองพื้นรุ่นนี้ผลิตออกมาทั้งหมด 12 สี ตาม Chart นี้เลยจ้า
ซึ่งถือว่าครอบคลุมทั้งโทนสีผิว undertone ทั้งเหลืองและชมพู มีทั้งเข้มอ่อนต่างกันให้เลือกเยอะมาก 
แต่เบลล์แนะนำให้ไปลองทาบนหน้า ให้ BA ช่วยเทสที่เคาน์เตอร์เลยจ้า 
เพราะแม้ว่าชื่อสีอาจจะซ้ำกับรุ่นอื่นๆ แต่สีต่างกันนะคะ 
เบลล์ใช้สี Bamboo Beige เป็นโทนเหลืองระดับกลางๆค่ะ ใครผิวเหลืองๆไม่มีผิดหวังแน่นอนจ้า 

เนื้อสัมผัส
เนื้อครีมเหลวปานกลาง ไม่เหลวแบบน้ำ แต่ก็ไม่ข้นขนาดครีมในกระปุก ไม่ไหลย้อย ไม่หนืดจนเกลี่ยไม่ไป 
เรียกได้ว่าความเหลวกำลังพอดี เกลี่ยง่ายค่ะ 


คุณสมบัติเด่น
รองพื้นรุ่นนี้ทางแบรนด์เคลมว่า เป็นรองพื้นที่คุณ Laura Mercier เลือกใช้แต่งหน้าให้นางแบบ และเหล่า Celebrities คนดัง
เพื่อให้ได้ผิวสวย เนียน ไร้ที่ติ ด้วยเม็ดสีเข้มข้นเพื่อการปกปิดแบบ Full Coverage ปกปิดสูง 
อำพรางได้ทั้ง ฝ้า กระ จุดด่างดำที่ยากต่อการปกปิด แต่เนื้อเนียนบางสบายผิวตลอดวัน 
สวยเป๊ะไม่ต้องพึ่งapp ไม่ต้องรีทัชกันเลยทีเดียว ให้สาวๆพร้อมเสมอที่จะออกสื่อ หรือแม้แต่จะเจอปาปารัซซี่ 
แถมรองพื้นรุ่นนี้ยังติดทนถึง 12 ชม. แม้จะต้องเจอทั้งแสงไฟและแฟลช 

แหม.. อ่านแค่คำเคลมก็ตาลุกวาวแล้ว เดี๋ยวเรามาพิสูจน์กันค่ะ

วิธีการใช้
รองพื้นรุ่นนี้เป็นเนื้อครีม สามารถใช้อุปกรณ์ในการช่วยลงได้ทุกแบบ 
จะนิ้ว จะแปรง หรือฟองน้ำก็ใช้ทาได้ทั้งหมดค่ะ แต่ที่ BA แนะนำมา คือ ถ้าต้องการให้ปกปิดแบบเนียนกริบ 
ผิวเรียบสวยเฟอร์เฟกต์ แนะนำให้ใช้ฟองน้ำที่แถมมา ชุบน้ำบิดหมาดๆแล้วใช้วิธีกดๆแท๊บๆๆๆ 
ผิวจะเนียนมากกกกกก เบลล์เองได้ลองใช้ทั้งสามวิธี พบว่า 


1. ใช้นิ้วทา  ก็เกลี่ยง่าย สามารถทาได้ทั่วหน้าโดยที่รองพื้นยังไม่เซ็ทตัว 
และ finish look ที่ได้ก็ดูเรียบเนียนแต่ไม่กริบเท่าใช้ฟองน้ำค่ะ 
การใช้นิ้วทา อาจจะควบคุมความหนาบางในแต่ละบริเวณได้ไม่ดีเท่าการใช้แปรงหรือฟองน้ำ 
แต่โดยรวมก็ถือว่าโอเคเลยทีเดียว ถ้าวันไหนรีบๆ ใช้นิ้วเกลี่ยก็สวยจ้า 

2. ใช้แปรงหัวตัด  เกลี่ยแบบวงกลมค่อยๆเกลี่ยไปทั่วๆ รองพื้นจะเนียน แต่เนื้อจะบางกว่า 
ปกปิดน้อยกว่าการใช้นิ้วทา แต่ทาได้ทั่วหน้าไวกว่าใช้นิ้วหรือฟองน้ำ 
ถ้าใครถนัดใช้แปรง รองพื้นตัวนี้ก็เวิร์คจ้า 

3. ใช้ฟองน้ำหมาด ค่อยๆกดๆแท๊บๆ อันนี้คือที่สุดแล้วสำหรับรองพื้นตัวนี้ ให้ผิวที่เนียนมว๊ากกกกกกก 
เพิ่มระดับการปกปิดได้เรื่อยๆ คือ ทาทับไปทีละชั้นบางๆ รองพื้นจะดูไม่หนาเตอะ แต่ปกปิดดีเยี่ยมเลยจ้า 


ทดสอบระดับการปกปิด
รองพื้นรุ่นนี้ปกปิดดีมาก แต่ถ้าอยากให้บางๆปกปิดกลางๆเลือกใช้แปรงลงนะคะ เนื้อจะบางลง ปกปิดน้อยลงหน่อยนึง 
แต่ด้วยรองพื้นรุ่นนี้เค้าเน้นการปกปิดสูงแบบ Full Coverage เบลล์จะใช้ฟองน้ำในการเกลี่ย 
เพื่อให้ได้เอฟเฟกต์สูงสุดตามจุดประสงค์ของผลิตภัณฑ์ค่ะ 

เรามาดูจากรูปกันเลยว่า ก่อนและหลังลงรองพื้น เป็นอย่างไร 


จากรูป ภาพรวมจะเห็นเลยว่าปกปิดดีมว๊ากกกกกกกก รอยกระ รอยดำจากสิวเก่า รอยแดง หายไปเลย 
จะเหลือแต่ไฝจางๆ สีผิวที่ดูไม่สม่ำเสมอ ก็ดูเสมอกันมากขึ้น จากในรูปนี้เบลล์ไม่มีการลงเบสใดๆ 
ไม่มีกันแดด คือบำรุงผิวอย่างเดียว แล้วรองพื้นเลย และไม่มีการตบทับด้วยคอนซิลเลอร์ใดๆ 
แต่ใช้ตัวรองพื้นเองแต้มทับใต้ตาและเกลี่ยเบาๆ ก็สามารถปกปิดรอยคล้ำใต้ตาได้ดี 
เรียกได้ว่า ถ้าใช้รองพื้นรุ่นนี้ ไม่ต้องใช้คอนซิลเลอร์เลยจ้า 

เรามาซูมเข้าไปใกล้ขึ้นอีกนิด ดู finish ของผิวที่ได้แบบใกล้ๆกันนิดนึงดีกว่าค่ะ 


เนี๊ยนเนียนเนอะ พวกรอยสิวแดงๆนี่หายไปเลย แถมยังช่วยเบลอรูขุมขนให้ผิวดูละเอียดขึ้นด้วย 
ซูมยังไม่สะใจ พี่ขอใกล้ขึ้นอีก…


รูปบน คือหน้าสด 
รูปกลาง คือลงรองพื้นอย่างเดียว ฟินิชชิ่งผิวที่ได้จะไม่ได้แมท หรือด้านจนดูแบน 
แต่ยังมีความเงา โกลวนิดๆแต่ไม่วาวมัน คือเค้ายังให้มิติกับผิวดูเป็นธรรมชาติอยู่ 
ไม่ได้ดูเหมือนโบกคอนกรีตหนาเตอะมาแต่อย่างใด คือดีงาม ชอบๆๆ 
รูปล่างสุด เบลล์เซ็ทรองพื้นทับด้วยแป้งฝุ่นโปรงแสง Laura Mercier Translucent Loose Powder ตัวโปรดของเบลล์ 
แถมปัดแก้มเติมเฉดดิ้งข้างจมูกนิดหน่อย ผิวสุดท้ายที่ได้คือดูดีมาก นัวๆ 
เป๊ะแบบเข้าสตูถ่ายรูปได้เลย ไม่ต้องพึ่ง Photoshop เลยล่ะ 5555
เห็นปกปิดดีขนาดนี้ถามว่าหนักผิวมั้ย ถ้าเทียบกับรองพื้นเคาน์เตอร์แบรนด์อื่นๆที่ปกปิดได้ขนาดนี้ 
ตอบเลยว่าเบาสบายผิวมาก สามารถทาแล้วอยู่ได้ทั้งวันโดยไม่รู้สึกอึดอัดผิวเลยค่ะ เริ่ดๆๆๆ 

ทดสอบความติดทน
เค้าเคลมว่าติดทนถึง 12 ชม. อันนี้ต้องพิสูจน์ 
เบลล์ลองแต่งหน้า 6 โมงเช้า ไปทำงาน ใช้ชีวิตในออฟฟิศห้องแอร์ 
ตอนเที่ยงออกมาทานข้าวข้างนอก กินก๋วยเตี๋ยวริมทาง แดดเปรี้ยงๆนี่แหละ ลุยๆ 
บ่ายกลับออฟฟิศ เลิกงาน 6 โมง ตกเย็นกิจกรรมยังไม่หมด เพื่อความสะใจ และทดสอบแบบโอเวอร์นิดนึง 
หน้าเต็มเข้าฟิตเนสเลยจ้า วันนี้มีนัดกะเทรนเนอร์ ฝึกไป 1 ชม. เต็ม ยังค่ะ ยังไม่พอ 
เหงื่อยังไม่เยอะพอ เข้าคลาส Body Combat ต่อเลยจ้า อาจจะเล่นได้ไม่เต็ม100% 
แต่ก็เหนื่อยมากและเหงื่อออกเยอะมากกกกก (แอบกลัวขนตาหลุด เพราะเหงื่อเยอะมว๊ากจริงๆ 5555 ) 
ใครเคยเล่นน่าจะพอนึกภาพออกว่า เหงื่อไหลดุจน้ำป่าหลากเป็นอย่างไร ฮ่าๆๆๆ 

เอาล่ะ เรามาดูภาพประกอบกันเลยดีกว่า ว่ารองพื้นเราจะมีสภาพเป็นอย่างไรบ้างในช่วงเวลาต่างๆของวัน 
(สภาพแสงอาจจะแตกต่างกันบ้างนะคะ แต่พยามคุมเต็มที่ละจ้า) 


1. หน้าสด 
2. หลังแต่งหน้า1ชม. รองพื้นเริ่มเข้าที่ 
3. เวลา 12.00 พักเที่ยงหน้าเริ่มมัน มันช่วงจมูกกับหน้าแก้ม
แต่รองพื้นไม่มีอาการแตกหรือลอกร่อน หรือไหลลงมากอง คือยังเกาะบนผิวได้ดี 
4. เวลา 12.05 ซับหน้าด้วยทิชชูแห้ง 1 รอบ มีสีรองพื้นหลุดออกมานิดหน่อยค่ะ 
แต่หน้ายังเป๊ะ ผิวยังสภาพดีมาก ไม่ต้องทัชอัพหรือเติมแป้งเลย ใช้ชีวิตต่อไปสวยๆ 
5. เวลา 18.00 เลิกงานแล้ว หน้ายังเป๊ะจ้า นี่ก็ครบ 12 ชม.ตามคำเคลมแล้วนะ 
ถ้ายึดตามคำเคลมนี่ถือว่าสอบผ่านฉลุยแล้วนะ 
แต่ไหนๆก็ทดสอบแล้ว ขอ Over testing หน่อยแล้วกัน หน้าเต็มๆงี้เข้าฟิตเนสเลยค่ะ 
6. เวลา 22.00 หลังเข้าฟิตเนส กลับมาถึงบ้านแล้วค่ะ สภาพแสงเดียวกับรูปแรก 
พวก point makeup ดูเยินละ มีคราบไลน์เนอร์มาสคาร่าตกลงมาใต้ตานิดหน่อย 
แก้มสีจางลง ปากนี่เยินมาก5555 แต่รองพื้นยังถือว่าโอเคเลยนะ ตรงจมูกมีหลุดนิดหน่อย 
รอยดำเริ่มปรากฏ แต่โดยรวมคือยังไหว ยังไม่เละเท่าแบบไม่ทารองพื้น 
สภาพนี้คือ ผ่านเหงื่อมาเยอะมาก และเบลล์ซับเหงื่อบ่อยมากๆ 
เรียกได้ว่าแวะซับเหงื่อทุกรอยต่อของแทรคเพลงใน Body Combat เลย 
จะไม่ซับก็ไม่ไหว เหงื่อมันไหลลงคิ้วจะเข้าตา 5555 ตอนซับไม่ค่อยมีรองพื้นติดผ้าเลยนะ 
คือหลุดน้อยมากเมื่อเทียบกับตอนหน้ามันๆ เลยแอบคิดว่ารองพื้นตัวนี้ ทนน้ำทนเหงื่อดีกว่าทนน้ำมันค่ะ 

แอบเอารูปหลังเล่น Combat มาให้ดูค่ะ (เค้าเข้าฟิตเนสจริงๆ เล่นจริงๆนะ 
ตอนออกมานี่หน้าอย่างเหนื่อย เขินเมมเบอร์คนอื่นๆเหมือนกันนะ แต่เพื่อรีวิวจัดเต็ม เก๊ายอมมมม ) 


รูปซ้าย คือตอน 18.00 หลังเลิกงาน 
รูปกลาง คือหลังเล่น Body Combat ถ่ายที่คลับแสงน้อยไปนิด 
รูปขวา คือ หลังจากกลับถึงบ้าน แสงดีหน่อยเลยจะเห็นว่า มีรองพื้นบางส่วนหลุดบ้าง 
แต่ยังไม่เปลือย ถ้าจะแอบไปเที่ยวดึกๆต่อ ก็ตบแป้งทับตรงจมูก ซ่อม point makeup นิดนึง ก็ไปต่อได้เลยค่ะ 

เอารูปซูมๆมาให้ดูกันชัดๆ ว่ารองพื้นยังเกาะผิวดีขนาดไหนในแต่ละช่วงเวลา


เอาล่ะ ทดสอบกันมาขนาดนี้แล้ว เบลล์ถือว่ารองพื้นตัวนี้ตอบโจทย์เบลล์มากๆ 
ปกปิดดีมาก ติดทนมาก เป๊ะมาก สามารถแต่งหน้าตอนเช้า เข้าออฟฟิศทำงาน ตกเย็นไปออกงานอีเว้นท์ต่อได้เลย 
ไม่ต้องซ่อม แถมยังเป็นรองพื้นที่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเป๊ะแบบ Professional 
ใช้แต่งออกงานสำคัญต่างๆ แต่งถ่ายรูปได้สบายมาก ทั้งในสตูดิโอ และงาน Outdoor 
ไม่ต้องกลัวว่าหน้าจะวอกลอย เพราะไม่มีค่า SPF ไม่สะท้อนแสงแฟลช สามารถทาแล้วถ่ายรูปแบบใช้แฟลชได้ 
แต่งหน้าเข้าผับก็เปิดแฟลชถ่ายรูปได้ หน้าไม่ลอยแน่นอนค่ะ และเหมาะกับสาวๆที่มีไลฟสไตล์แบบเซเลป 
ไม่ต้องกลัวว่ารูปแอบถ่ายจะหน้าไม่ปัง เพราะสวยเป๊ะทั้งวัน รองพื้นแน่นตลอดเวลา 
จะโดนแอบถ่ายตอนไหน มุมไหนก็สวยเสมอ555 
สรุปเลยว่า เป็นรองพื้นลูกรักไปแล้ว ถ้าใช้หมดมีซื้อต่อแน่นอนค่ะ 

สำหรับในส่วนของรีวิว เบลล์ก็จัดเต็มให้อ่านกันแบบจุใจกันไปแล้ว แต่ยังไม่จบแค่นี้ 
เพื่อให้เห็นภาพว่า ถ้าแต่งหน้าออกงาน แต่งหน้าปังๆกับรองพื้นรุ่นนี้ จะออกมาสวยแค่ไหน 
เบลล์ได้ทำ How To แต่งหน้าสองลุ๊ค แบบDay to Night จำลองสถานการณ์ว่า 
ถ้าแต่งหน้าตอนเช้าไปทำงานสวยๆแบบนางเอกในละคร ตกเย็นต้องออกงาน ออกอีเว้นท์ 
ต้องการความเผ็ด ความแซ่บแบบนางร้ายนัดตบ ก็เติม point makeup อีกนิดและไปต่อได้เลย 
2 ลุ๊คนี้จะออกมาเป็นอย่างไร ติดตามชมได้ใน link นี้เลยค่ะ



สำหรับใครที่สนใจรองพื้นรุ่นนี้ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางต่างๆ ตามนี้เลยจ้า 

สำหรับรีวิวนี้ คงจบเพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกๆคนสำหรับการติดตามนะคะ 
วันนี้ขอตัวไปนัดตบ เอ๊ยยย ไม่ใช่ ขอตัวไปนอนสลบซ่อมเซลล์ละจ้า Combat จนปวดตัวเลย ฮ่าๆๆๆๆ 

บายจ้า
Smiley





Create Date : 06 กันยายน 2558
Last Update : 6 กันยายน 2558 17:04:37 น.
Counter : 31064 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Bellyly.BlogGang.com

bellyly
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 88 คน [?]

บทความทั้งหมด