ททท. ภูมิภาคภาคกลางชวนเที่ยวเมืองรอง ลองแล้วจะรัก กับทริปเก๋ายกก๊วน ชวนเที่ยวละโว้


เป็นภาพกิจกรรมเมื่อวันที่ 22-23 กุมภาพันธ์ 2563
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยกองตลาดภาคกลาง
ร่วมกับนิตยสาร O- Lunla (โอ-ลั่นลา)
กองบรรณาธิการนิตยสารโอลั้นลาจัดกิจกรรมท่องเที่ยว “เที่ยวเมืองรอง ลองแล้วจะรัก : เก๋ายกก๊วน ชวนเที่ยวละโว้”
นำนักท่องเที่ยววัยเก๋าทำกิจกรรมนั่งรถอีแต๋นชมวิถีชุมชน
ดูบ้านหลบโจร ทำแหนมเห็ด ทำพิซซ่าเตาถ่าน และแช่เท้าในน้ำสมุนไพร
ณ ชุมชนบ้านสวนขวัญ จังหวัดลพบุรี ก่อนเข้าร่วมชมงาน “แผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์” ครั้งที่ 33
โดยทีมงานมีมาตรการรักษาสุขอนามัยตลอดการเดินทาง
ทั้งเตรียมเจลแอลกอฮอล์ล้างมือและทำความสะอาดพาหนะของนักท่องเที่ยว



ทริปนี้มีส.ว.(ย่อมาจาก..สวยว๊าววว)จำนวน 30 ท่าน อายุตั้งแต่ 64 ปีไปจนถึง 84 ปี
นับถือใจขาเที่ยวขาช้อปของคุณแม่มากค่ะ อุ้มได้เห็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนแล้ว HAPPY
เรียกว่าทริปนี้สุขใจทั้งผู้ซื้อและสุขใจทั้งผู้ขายเลยล่ะค่ะ
โดยมีจุดหมายแรกนั่นก็คือ บ้านสวนขวัญ จังหวัดลพบุรี



บ้านสวนขวัญจังหวัดลพบุรี อยู่ที่ตำบลมหาสอน อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี
บ้านสวนขวัญเป็นแหล่งเรียนรู้วิถีชุมชนบ้านมหาสอน
โดยเป็นชุมชนที่อยู่ติดลุ่มน้ำบางขาม มีความเป็นอยู่เรียบง่าย และมีประวัติศาสตร์ยาวนานพันกว่าปี
เป็นชุมชนเข้มแข็งที่มีการพึ่งตนเองด้วยการน้อมนำศาสตร์พระราชามาปรับเข้ากับชุมชนได้อย่างมั่งคั่งและยั่งยืน



ที่นี่นับเป็นการรวมตัวของศูนย์การเรียนรู้และชุมชน
ทำการท่องเที่ยวโดยชุมชน เพื่อใช้ในการพัฒนาและอนุรักษ์ทั้งคุณค่าและสิ่งแวดล้อม
ทั้งยังมีอาหารพื้นบ้านและผลผลิตทางการเกษตรที่ปลอดภัยจากสารพิษและไร้สารเคมีมาให้นักท่องเที่ยวได้ช้อป
มาเที่ยวที่นี่จะได้สัมผัสการท่องเที่ยวภูมิปัญญาและวิถีชุมชนโดยการนั่งรถอีแต๋นไปท่องเที่ยวรอบชุมชน
พร้อมทำกิจกรรมพึ่งตนเองที่ฟาร์มเห็ด ทำพิซซ่าเตาดิน ฯลฯ



น้องขวัญ-อิงณภัสร์ วงษ์สิริชัย
เกษตรกรต้นแบบ อายุ 34 ปี เจ้าของกิจการ "บ้านสวนขวัญ"
เล่าให้อุ้มฟังว่า
ที่บ้านเราทำนากันประมาณ 95 % ไม่มีอาชีพอื่นเลย ก็เลยคุยกันว่าทำอย่างไรที่เราจะมีรายได้เพิ่มเข้ามา
จากที่เราทำนาอย่างเดียว
ก็เลยเริ่มจากมองดูทรัพยากรรอบตัวเรา ใครถนัดทำอะไร ใครถนัดทำอาหารทำ
ก็พบภูมิปัญญาที่คนในชุมชนหลงลืมไปแล้วบ้าง
เขาก็มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา
แต่เรารู้สึกว่าเป็นของมีค่าที่เราอยากให้นักท่องเที่ยวหรือว่าใครต่อใครที่ไม่เคยรู้จัก "มหาสอน"
ก็จะได้รู้จัก "มหาสอน"
เราก็เลยทำเรื่องการท่องเที่ยวขึ้นมา โดยเราใช้ Concept "บางเวลา ณ บางขาม"
เราอยากขายความเป็นตัวตนของเรา อยากให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเรียนรู้ในโลกของเรา
ว่าชุมชนเรากินอยู่อย่างไร มีภูมิปัญญาอะไรได้เข้ามาสัมผัสวิถีถิ่นด้วยกัน



น้องขวัญ-อิงณภัสร์ ยังเล่าต่ออีกว่า...เราเป็นชุมชนที่อยู่ริมน้ำ เราก็เลยมีกิจกรรมทั้งทางบกและทางน้ำ
น้องขวัญบอกว่าตั้งแต่อยู่มาเพิ่งเคยเห็นว่าปีนี้น้ำในแม่น้ำแห้งจนสามารถเดินข้ามได้เลยค่ะดูได้จากภาพ
สำหรับกิจกรรมทางบกเราก็จะพานักท่องเที่ยวนักรถอีแต๋นไปในชุมชน
มีทั้งบ้านแคปหมู-มีทั้งบ้านหวายที่สืบทอดกันมา 100 กว่าปีเป็นงานหัตถกรรมเป็นภูมิปัญญาที่เห็นแล้วต้องร้อง "ว๊าว"
และในส่วนที่เป็น "บ้านภัยหลบโจร" เป็นไฮไลต์ของเราด้วย บ้านหลังนี้ถูกโจรปล้นมา 5 ครั้ง
ออกแบบบ้านมาให้หลบโจรได้โดยเฉพาะ เราจะมีคนที่ถูกโจรปล้นในวันนั้นเป็นคนมาเล่าให้ฟังว่า
โจรเวลามาปล้นเขามาปล้นอย่างไร วิถีโจรมาปล้นๆ ยังไง คนถูกโจรปล้นต้องทำตัวอย่างไร
แล้วจะมีป้อมหลบโจรหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ปืนยิงก็ยิงไม่เข้า ประตูเหล็กเป็นประตู save เลยนะคะ
จะมีคนมาเล่าให้ฟังทุกจุดของบ้าน ยังมีรอยกระสุนที่ถูกยิงแล้วยังมีร่องรอบยให้เห็นอยู่
จากนั้นเราจะพาไปดู "บ้านเห็ด" เก็บเห็ดมาทำแหนมเห็ดจะได้เรียนรู้การทำแนมเห็ดกลับบ้านด้วย
เนื่องจากชุมชนเราเป็นชุมชนริมน้ำ เราก็จะมีกิจกรรมล่องแพไม้ไผ่ก็จะได้สัมผัสกับ "บางเวลา ณ บางขาม"
เพราะชุมชนเราคุณภาพน้ำดีมากสามารถเล่นน้ำได้ ช้อนกุ้งฝอยได้แล้วนำมาประกอบอาหารได้เ
และชมบรรยากาศพระอาทิตย์ยามเย็นเป็นพระอาทิตย์สองดวง คือดวงหนึ่งบนฟ้าอีกดวงอยู่ในน้ำ
จะได้เห็นมุมหนึ่งของจังหวัดลพบุรีที่มีมากกว่าลิง

จากศาตร์พระราชาในวิถีเกษตรจะได้พาทำไข่เค็มใบเตยดินสอพอง-การเลี้ยงกุ้มก้ามแดง
แล้วก็สปาพื้นบ้านโดยใช้วัตถุดิบจากสมุนไพรในพื้นที่มาให้บริการนักท่องเที่ยว
ในเรื่องของการขับสารพิษออกจากร่างกายเป็นการปรับสมดุลให้กับร่างกายด้วยสมุนไพรจขากภูมิปัญญาชาวบ้าน
เป็นการกระตุ้นปลายมือปลายเท้าปลายประสาทพวกตับ-ม้าม-ไต ที่อยู่ข้างในโดยการแช่น้ำสมุนไพร
และยังได้สัมผัสอาหารถิ่นขนมพื้นบ้านขนมหน้ากะทะที่เป็นกล้วยงอมๆ ของคนสมัยก่อน
เอามาขย้ำกับมะพร้าวแล้วมานาบกับกะทะโดยที่ไม่ต้องใช้น้ำตาลเพราะจะใช้ความหวานของกล้วยนาบกับกะทะ
อร่อย หน้าตาเหมือนบ้าบิ่นแต่รสชาติเป็นกล้วย ซึ่งจะทานก้บน้ำชาใบขลู น้ำชาสมุนไพรตะไคร้
สำหรับอาหารเราจะมีให้ทานเป็นสำรับ จะมีต้มยำปลาช่อนนาย่าง-ผัดบวบใส่กุ้ง-น้ำพริกขี้กาทานคู่กับผักพื้นบ้าน
ไข่เจียวโดยใช้ไข่เป็ดและไข่ไก่ผสมกันทอดเป็นไข่เจียว-ปลาเผา



น้องขวัญ-อิงณภัสร์ ยังเล่าต่ออีกว่า
เราน้อมนำเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ตั้งแต่แรกเริ่มเลยเพราะเราไม่มีเงินทุน
เราจึงดึงเอาจากของที่เรามีมาเพิ่มมูลค่า
ด้วยการพัฒนาคนในชุมชนขึ้นมาจากการที่เขาไม่กล้าพูดก็ให้เริ่มฝึกพูด
เริ่มจากลงทุนจากตัวเองก่อนพึ่งตัวเองให้ได้ เริ่มจากปลูกผักในครัวเรือนแล้วรวมกลุ่มกันพึ่งตัวเองให้ได้
เพราะพึ่งตัวเองมี 3 ระดับคือ 1.พึ่งตัวเองได้แล้ว ก็ต้องรวมตัวกันพึ่งพากัน แล้วเราจะมีหน่วยงานต่างๆ
อย่างเช่น ททท.ทำให้เราได้โอกาสดีดี เราได้เรียนรู้จากลูกค้าจริง
ประสบการณ์นี้ทำให้เราได้เรียนรู้โดยตรง รู้เลยว่าลูกค้าจริงๆ ต้องการอะไร และรู้ว่าลูกค้าชอบอะไรไม่ชอบอะไร



น้องขวัญ-อิงณภัสร์ วงษ์สิริชัย
เกษตรกรต้นแบบ อายุ 34 ปี เจ้าของกิจการ "บ้านสวนขวัญ"
กล่าวทิ้งท้ายว่า
ททท.ทำให้เราเจียระไนโปรแกรม เจียระไนกิจกรรม เจียระไนคนออกมาว่าคนแต่ละคนควรต้องทำอะไร
เราจะบริหารจัดการอย่างไรทำให้เราได้เรียนรู้ในเรื่องของการบริหารจัดการเรื่องของเวลาตลอดทั้งทรัพยากร
คือหลายๆ อย่างเป็นเรื่องของประสบการณ์
และหน่วยงานต่างๆ ที่เข้ามาช่วยเสมือนเป็นลมใต้ปีกเข้ามาช่วยเสริมพลังกัน
ทำให้พวกเราน้อมนำศาสตร์พระราชาของพระองค์ท่านในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำให้พวกเรามีความยั่งยืน
ทำให้พวกเราสามารถพึ่งพาตัวเองได้ในระดับที่เรามีความสามัคคีกัน มีความรักกันในชุมชน และพึ่งพาช่วยเหลือกัน
ก็ทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้สัมผัสได้และมาเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันพัฒนาชุมชนกับพวกเรา
เพราะว่าพวกเราเป็นแค่ประชาชนตัวเล็กๆ ที่รักษ์ชุมชนของเราทำให้ชุมชนของเรามีคุณค่า
เพื่อให้คนอื่นได้รับรู้และเข้ามาสัมผัสกับพวกเรา อันนี้คือพันธนกิจของพวกเราที่เป็นกลุ่มวิสาหกิจที่ทำร่วมกัน



เนื่องจากมีเวลาไม่มาก เลยแบ่งสื่อฯ ออกเป็น 2 กรุ๊ป ว่าใครอยากไปเลือกทำพิซซ่า หรือจะไปทำแหนมสด
กรุ๊ปอุ้มเลือกไปทำแนมสดค่ะ อุปกรณ์ง่ายมาก เห็ดนางฟ้านึ่ง-ข้าวเหนียว-เกลือ-กระเทียมสับ
นำเห็ดนางฟ้าใส่ลงไปแล้วใส่เกลือใส่ข้าวเหนียวลงไปขย้ำคลุกเคล้าให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 3 วัน แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ
ทำง่ายมากค่ะ



พี่มนัส วงศ์เนตร
สมาชิกวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยววิถีชุมชนเชิงเกษตรบ้านมหาสอน (บ้านทำเห็ด)
เล่าให้อุ้มฟังว่า
เรื่องการทำเห็ดเป็นอาชีพเสริมซึ่งว่างจากการทำนา เราไม่ได้ทำเป็นโรงงานที่ใหญ่โตมากนัก
ฉะนั้นถ้าถามว่าทำแล้วดีมากไหม ตอบได้เลยดีมากๆ ครับ
อย่างปีนี้เราไม่มีน้ำทำนาเราก็ควรหาอะไรมาทำเป็นอาชีพเสริม เพราะเห็ดนางฟ้านี้เราสามารถกินสดได้เลย
สามารถนำไปแปรรูปได้เป็นแหนมเห็ด เป็นปลาร้าเห็ดรสชาติอร่อยใช้แทนปลาร้าได้
เพราะคนที่กินมังสวิรัติสามารถนำเห็ดไปแปรรูปได้อย่างมากมาย
หรืออาจจะนำเห้ดไปฉีกฝอยๆ นำไปนึ่งแล้วนำไปตากแดดสามารถนำเก็บไว้ได้นานและนำมาปรุงอาหารได้เลย
อย่างน้อยพอเห็ดหมดอายุก็จะกลายเป็นปุ๋ยที่ดีนำไปปลูกต้นไม้ได้ดีอีกด้วย
อย่างพื้นที่ทำเห็ดของผมตรงนี้มีพื้นที่ 10 ตารางวา แล้วลงทุนทำร้านวางเห็ดไปในราคาสองพันบาท
แล้วลงหัวเชื้อเห้ด 1,000 ก้อน ในราคา 7,000 บาท ก้อนละ 8 บาทที่ซื้อมา
ท่านที่สนใจก็มาสอนถามที่ "วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยววิถีชุมชนเชิงเกษตรบ้านมหาสอน"
หรือสอบถามที่ผมได้ที่มือถือ 08-9901-9782



จากนั้นรถอีแต๋นพามาที่บ้านหาญพานิช "บ้านภัยหลบโจร" ซึ่งเป็นไฮไลต์ของชุมชนบ้านหลังนี้ถูกโจรปล้นมา 5 ครั้ง
เรายังอยู่ที่ชุมชนมหาสอน อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี มาชมบ้านหลบโจร
อุ้มล่ะนับถือที่ชุมชนแห่งนี้เป็นชุมชนเข้มแข็ง
มีการนำเสนอร้อยเรียงเป็นเรื่องราวของคนในชุมชนมาเป็นจุดขาย
ขนาดบ้านถูกโจรปล้นยังมี Story สุดยอดในการนำเสนอเรียกว่าพอนำมาเล่าได้น่าสนใจมากค่ะ
ตั้งแต่โจรมีวินัยและเป็นสุภาพบุรุษที่จะปล้นบ้านยังต้องแจ้งล่วงหน้าให้บ้านนั้นทราบ
อยากรู้ว่าเรื่องราวจะสนุกแค่ไหนต้องมาเที่ยวที่ชุมชนมหาสอน อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี อุ้มอุบอิบไม่เล่า



ที่บ้านสวนขวัญ มหาสอน จ.ลพบุรี ยังอินเทรนมีการสอนทำพิซซ่า
โปรดสังเกตเตาดินที่ใช้พิซซ่าเริ่ดมากค่ะ พิซซ่าอร่อยค่ะ อุ้มกินมาล่ะโอค่ะ



สาวน้อยทั้งหลาย HAPPY กับทริป "ชวนเที่ยวเมืองรอง ลองแล้วจะรัก ทริป 'เก๋ายกก๊วน ชวนเที่ยวละโว้"



ถ้ามาที่บ้านสวนขวัญแล้วล่ะก็ไม่อยากให้นักท่องเที่ยวพลาดโปรแกรมนี้ สปาสมุนไพรเเช่มือ-เเช่เท้า
ยิ่งโดยเฉพาะอุ้มแล้วล่ะ ยกมือเป็นคนแรก เพราะชีเดินมาเยอะมากน่องตึงสุดๆ มาแช่มือแช่เท้าผ่อนคลายสุดสุด
ที่สำคัญดีต่อสุขภาพและหอมติดมือนิ่มเท้าหายเมื่อยเลยค่ะ
เพราะสรรพคุณของสมุนไพรของการแช่เท้า-แช่มือ มากด้วยสมุนไพรถึง 9 ชนิด
ซึ่งสรรพคุณของสมุนไพรสามารถดึงสารพิษออกจากร่างกายจากปลายประสาทมือและเท้า
ส่งผลดีช่วยให้ผ่อนคลาย คลายเมื่อยระบบการไหลเวียนเลือดได้ดียิ่งขึ้น
อีกทั้งยังเป็นการผลัดเซลล์ที่ตายกระตุ้นเซลล์ใหม่ขึ้นมา ลดการอับเสบ แก้ผด ผื่น คัน
เพราะสมุนไพรที่นำมาแช่เท้าประกอบไปด้วย
แซ่ม้า/ ทองพันช่าง/มะกรูด/ใบเตย/ตะไคร้/หญ้านาง/ใบมะขาม/เกลือสักกำมือ /เสลดพังพอน
เพราะฉะนั้นถ้ามาที่บ้านสวนขวัญต้องห้ามพลาดโปรแกรมนี้โดยเด็ดขาด



เรียกว่าท่องเที่ยววิถีชุมชนเชิงเกษตรบ้านมหาสอน จังหวัดลพบุรี ณ ศูนย์เรียนรู้บ้านสวนขวัญ
ได้มาสัมผัสวิถีชุมชนที่มีประวัติยาวตั้งแต่สมัยทวารวดี เป็นแหล่งอารยธรรมของชาวมอญ
ได้เห็นแม่น้ำบางขามที่มีความยาวเพียง 20 เมตร ที่แห้งไม่รู้ว่าจะไหลไปรวมกับแม่น้ำลพบุรีได้หรือไม่
เป็นการร่วมทริป ชวนเที่ยวเมืองรอง ลองแล้วจะรัก ทริป 'เก๋ายกก๊วน ชวนเที่ยวละโว้'
ที่เป็นการสัมผัสการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่ไม่ไกลจาก กทม.เป็นบางเวลา ณ บางขาม ที่มีความสุขค่ะ
สนใจติดต่อมาที่น้องขวัญ 08-4775-1435



จากนั้นเข้าที่พักเพื่อแปลงร่างกันเป็นพี่หมื่นเจ้าการะเกดกันค่ะออเจ้า
ททท.ภูมิภาคภาคกลางพามาพักที่โรงแรมฮ็อป อินน์ ลพบุรี ซึ่งเป็นเครือข่ายโรงแรมบัดเจ็ท
โรงแรมฮ็อป อินน์ ลพบุรี ตั้งอยู่ที่ 228 หมู่ที่ 2 ตำบลท่าศาลา อำเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
ที่อุ้มชอบมาก "ปลั๊กไฟที่นี่เยอะมาก"
หัวเตียงให้คนละปลั๊ก ข้างเตียงยังมีอีก หน้าทีวีก็มี ในห้องน้ำก็มีสุดยอด ชอบมากไม่ต้องแย่งกัน
ที่นี่ฟรี WI-FI แอร์-มีน้ำร้อนน้ำอุ่น มีตู้เย็นมีน้ำเปล่าให้ 2 ขวด
ไม่มีไดร์เป่าผม ไม่มีหม้อกาแฟหรือกาแฟ และไม่มีอาหารเช้าให้นะคะ
สำรองที่พักได้ที่ 0-3642-2666
อีเมล์ : lopburi@hopinnhotel.com
เว็ปไซด์ : https://www.HopinnHotel.com



จากนั้นมีเวลาว่าง 30 นาที อุ้มก็จัดไป ณ เทวสถานปรางค์แขกในบัดดล
เทวสถานปรางค์แขก หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ปรางค์แขก
เป็นโบราณสถานอยู่ในเขตตำบลท่าหิน อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี
ปัจจุบันตั้งอยู่บนเกาะกลางถนนบริเวณแยกถนนวิชาเยนทร์กับถนนสุระสงคราม หน้าศาลแขวงลพบุรี
สันนิษฐานว่าปรางค์แขกถูกสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 15 บ้างก็ว่าสร้างตั้งแต่ช่วงพุทธศตวรรษที่ 16
มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2
ที่นี่จึงเป็นปราสาทขอมที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดลพบุรีและภาคกลาง
ทั้งนี้มิทราบว่าใครเป็นผู้ริเริ่มในการสร้างปรางค์แขก
อาจสร้างขึ้นตามพระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์ หรือสร้างจากการอุปถัมภ์ของผู้นำท้องถิ่น



จริงๆ คุณนายอุ้มสีมานั่งรอที่จุดนัดรวมพลที่ร้านสะดวกซื้อก่อนเพื่อนล่ะค่ะตรงวัดเก่าริมทางรถไฟ
แต่มองดูเวลายังได้อีกนี่นา 15 นาที ก็ไปต่อละกันเนาะ



ว่าแล้วคุณนายอุ้มสีก็ควักหลวงพ่อโกยวิ่ง 4Xสร้อย ไปที่ปรางค์สามยอด
เรียกว่ามาจังหวัดลพบุรีไม่มาถ่ายภาพที่ปรางค์สามยอดถือว่ามาไม่ถึงนะออเจ้า
ปรางค์สามยอด เป็นโบราณสถานและแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่สำคัญของจังหวัดลพบุรี
ลักษณะเป็นปราสาทขอมในศิลปะบายน (พ.ศ. 1720 - 1773)
โครงสร้างเป็นศิลาแลงประดับปูนปั้นสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
(ครองราชย์ พ.ศ. 1724 - ประมาณ 1757)
เพื่อเป็นพุทธสถานในลัทธิวัชรยานประจำเมืองละโว้หรือลพบุรี
ซึ่งในขณะนั้นเป็นเมืองลูกหลวงของอาณาจักรขะแมร์
แต่เดิมภายในปราสาทประธานประดิษฐานพระพุทธรูปนาคปรกทรงเครื่อง
ปราสาททิศใต้ประดิษฐานรูปพระโลเกศวร (พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร) สี่กร
และปราสาททิศเหนือประดิษฐานรูปพระนางปรัชญาปารมิตาสองกร



ออกจากปรางค์สามยอดก็ทำเวลาวิ่งข้ามถนนมาที่ศาลพระกาฬ
ศาลพระกาฬหรือเดิมเรียกว่า ศาลสูงเนื่องจากศาลตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงที่อยู่สูงจากพื้นดิน
เป็นโบราณสถานและศาสนสถานซึ่งเป็นฐานศิลาแลงขนาดมหึมา
สันนิษฐานกันว่าฐานศิลาแลงดังกล่าวเป็นฐานพระปรางค์ที่ยังสร้างไม่เสร็จ
หรือสร้างสำเร็จแต่พังถล่มลงมาภายหลังโดยมิได้รับการซ่อมแซมให้ดีดังเดิม
ศาลพระกาฬเป็นสิ่งก่อสร้างของขอม ที่ตั้งอยู่กลางวงเวียนชื่อ วงเวียนศรีสุนทร
บนถนนนารายณ์มหาราช ในเขตตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของพระปรางค์สามยอดและเส้นทางรถไฟสายเหนือ
ภายในเป็นที่ประดิษฐาน เจ้าพ่อพระกาฬ เทวรูปโบราณยุคขอมเรืองอำนาจ
เจ้าพ่อพระกาฬเป็นเทวรูปรุ่นเก่าซึ่งอาจเป็นพระวิษณุ หรือพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
เป็นเทวรูปรุ่นเก่าศิลปะลพบุรีแต่เดิมเจ้าพ่อพระกาฬมีพระกายสีดำไม่มีพระเศียรและพระกรทั้งหมด
กล่าวกันว่าเจ้าพ่อพระกาฬได้ไปเข้าฝันผู้ประสงค์ดีท่านหนึ่ง
นัยว่าขอพระเศียรและพระกรเท่าที่จะหามาได้
ซึ่งได้มีผู้ศรัทธาได้จัดหาเศียรพระศิลาทรายศิลปะสมัยอยุธยา
ส่วนพระกรนั้นได้เพียงสองข้างจากทั้งหมดสี่ข้าง
ปัจจุบันเจ้าพ่อพระกาฬไม่เหลือเค้าเดิมซึ่งมีสีดำด้วยถูกปิดทองจากผู้ศรัทธาแลดูเหลืองอร่ามทั้งองค์



ออกจากศาลพระกาฬเดินตรงมาตามรางรถไฟก็มาไหว้พระที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
เป็นวัดสำคัญในตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟลพบุรี สร้างในสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด
แต่มีการปรับปรุงซ่อมแซมหลายครั้ง
ทั้งในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระราเมศวร และสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
วัดมหาธาตุ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนพุทธาวาส และสังฆาวาส
วิหารหลวงเป็นส่วนที่ถัดจากศาลาเปลื้องเครื่องซึ่งสร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์
เป็นวิหารขนาดใหญ่มาก ประตูทำเป็นเหลี่ยมแบบไทย หน้าต่างเจาะช่องแบบกอธิคของฝรั่งเศส
ภายในสร้างฐานชุกชีประดิษฐานพระพุทธรูป



อุ้มมาครบกันล่ะ ททท.ภูมิภาคภาคกลางก็พามากินมื้อเย็นที่ร้านฉัตรนารา ร้านอาหารสวยหรูติดอันดับของจังหวัด
ร้านฉัตรนารา ตั้งอยู่ที่ 167 ถนนพระปิยะ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 - 22.00 น.
มาไม่ถูกหาร้านไม่เจอโทร. : 089 569 3255 ที่นี่รับจัดงานเลี้ยงจัดปาร์ตี้มีห้องคาราโอเกะด้วยค่ะ
ที่สำคัญคอนเฟิร์มที่ร้านฉัตรนาราร้านนี้อาหารออกเร็วมากและอร่อยทุกอย่างเลยค่ะ
อิ่มกันเสร็จสรรพเราก็ไปเยือนงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชกันค่ะ



ที่วังพระนารายณ์ ผอ.จิรารัตน์ มีงาม ผอ.ททท.สำนักงานลพบุรี รอต้อนรับ
แล้วผอ.ติ๋วก็มอบถุงผ้าให้คุณแม่ทุกๆ คนเลยค่ะ
ที่สำคัญงานนี้ได้เจอคุณโอเล่ โอน่าจอมซ่าส์ : สาวลพบุรี
คราวหน้านัดเจอกันแบบทั้งวันนะคะ อยากไปเห็นเลี้ยงสุนัข 50 ตัวที่บ้าน ใจบุญจริงๆ ค่ะคุณโอเล่



ทริปนี้คุณแม่ทั้งหลายบอกว่าต่าง Happy กับทริปนี้มากเลยค่ะ
จากนั้นก็นัดหมายกันว่า 21.30 น. มารวมพลกันที่ตึกเขียวกันค่ะ



เดือนกุมภาพันธ์เดือนนี้อุ้มมาเที่ยวลพบุรี 3 ครั้ง ขอขอบคุณพี่ติ๋วดูแลเป็นอย่างดีเลยค่ะ









ปิดท้ายงานวังด้วยภาพนี้ปีนี้จัดงานได้อลังการงานสร้างยอดเยี่ยมกระเทียมดอง ปรบมือให้ผู้อยู่เบื้องหลังทุกคน



เมื่อคืนน้องกิฟท์ได้ส่งเมนูโจ๊กร้านนี้ว่าจะกินอะไร ออเดอร์เป็นตับ-ไส้อ่อนและไข่ลวก
ด้วยความที่ที่โรงแรมไม่มีมื้อเช้าเลยต้องออกมากินข้างนอก และเช็คเอ้าท์ไปพร้อมเลย
พอเช้านี้ 07.30 น.ททท.สำนักงานลพบุรี แนะนำร้านนี้ททท.ภูมิภาคภาคกลางก็เลยพามากิน
โอมากเลยมาแบบหม้อดินแบบเดือดปุดปุด มาแบบหม้อดินแบบเต็มหม้อมาเลยค่ะ
ใครที่ชื่นชอบโจ๊กและอาหารตามสั่งต้องมากินค่ะ
ร้านโจ๊กหม้อไฟ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำไข่ยางมะตูม เปิดขายทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.
อร่อยโดยไม่ต้องปรุงเลยค่ะออเจ้า



กินโจ๊กที่จังหวัดลพบุรีเสร็จก็มุ่งสู่จังหวัดสิงห์บุรี
โดยมีหมายนั่นก็คือ ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน วัดโพธิ์เก้าต้น หรือวัดไม้แดง
วัดโพธิ์เก้าต้นตั้งอยู่ที่หมู่ 8 ตำบลบางระจัน ตรงข้ามอนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี
พระครูวิชิตวุฒิคุณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เก้าต้น และเจ้าคณะอำเภอค่ายบางระจัน
เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จทั้งมวลของตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจันอย่างแท้จริง
พระผู้เป็นศูนย์รวมจิตใจและที่พึ่งทางใจของชาวบ้านระจันทุกคน
โดยพระครูวิชิตวุฒิคุณ เห็นถึงช่วงสองสามปีที่ผ่านมาชาวบ้านประสบปัญหาความยากจน
เนื่องจากภัยแล้ง ต่อมาพอจะทำการเพาะปลูกได้ ราคาผลผลิตก็ตกต่ำลงไปอีก
ส่งผลให้ชาวบ้านที่เป็นคนชนบทไม่มีทางเลือกในการประกอบอาชีพมากนัก
ก่อให้เกิดปัญหาการมีรายได้และปัญหาหนี้สิน
ดังนั้นจึงมีความคิดที่จะสร้างรายได้ให้กับชุมชนบริเวณรอบๆวัดและพื้นที่ไกล้เคียง
จึงได้เริ่มให้จัดงานอนุรักษ์วัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบโบราณ
ในงานสดุดีวีรชนค่ายบางระจัน เมื่อปี พ.ศ. 2558 ณ บริเวณสระน้ำศักดิ์สิทธิ์
ซึ่งเป็นงานแสดงแสงสีเสียงและกินอาหารแบบไทย
ใช้ซื่องานว่า "นุ่งโจงห่มสไบ กินสำรับไทยสมัยบ้านระจัน"
และมีตลาดวัฒนธรรมแต่งตัวแบบโบราณ
ซึ่งเป็นตลาดกลางคืนใช้เบี้ยหอยในการซื้อขายชื่อว่าตลาดบ้านระจัน
ผลตอบรับดีมากสำหรับกับตลาดยามค่ำคืน



พระครูวิชิตวุฒิคุณ เล้็งห็นถึงแนวทางการพัฒนาตลาดต่อไป
จึงได้มีการพูดคุยกับคณะทำงานที่ใกล้ชิดในการรวบรวมจัดทำร้านค้าชุมชน
โดยให้ชาวบ้านที่มีภูมิปัญญาทางอาหารไทยพื้นบ้านอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น
ช่วงนั้นมีประมาณ 20 ร้านที่สนใจเข้ามาจัดทำตลาดพื้นบ้านบริเวณสระน้ำศักดิ์สิทธิ์
บริเวณด้านหน้าของวัด
เมื่อตลาดเปิดดำเนินการได้ระยะหนึ่งจึงมีผู้ให้ความสนใจจำนวนมาก
พุทธศาสนิกชนที่มาไหว้พระที่วัดโพธิ์เก้าต้นจึงได้มีที่พักผ่อนหย่อนใจ
และได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยือนเป็นประจำ
โดยเฉพาะในช่วงเสาร์อาทิตย์



หลังงานลอยกระทง มีผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมจำนวนมาก
จึงได้มีการขยายตลาด โดยใช้พื้นที่รกร้าง
พ่อค้าแม่ค้าในชุมชนต่างมาช่วยกันถากถางและสร้างร้านแบบเพิงพักสมัยสู้รบ
มีร้านค้าที่สนใจเข้ามาร่วม 100 กว่าร้าน ช่วยกันสร้างกิจกรรมตามดำริหลวงพ่อ
เพื่อทำให้ตลาดไทยย้อนยุคไม่นิ่ง มีชีวิตตลอดเวลา
ส่งผลให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้พิจารณาให้ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน
เป็นหนึ่งในอันซีน ทัวร์ ไทยแลนด์
ซึ่งนำมาซึ่งความภาคภูมิใจของชาวตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน
สืบมาจนถึงปัจจุบันกลับกลายมาเป็นตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน
มีร้านค้ากว้า 300 ร้านค้า ในพื้นที่ประมาณ 5 ไร่เศษด้านหลังของวัด
ซึ่งติดกับคลองประวัติศาสตร์บางระจัน



ปัจจุบันตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
ทำให้ชาวบ้านมีรายได้ มีงานทำสามารถเลี้ยงครอบครัวได้
สิงห์บุรีกลับกลายเป็นเมืองรองที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาในวันหยุดอย่างมากมาย



ทุกวันนี้ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจันจะเปิดทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์
และวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ต่อเนื่องกันกับวันเสาร์อาทิตย์
แต่ยกเว้นที่เป็นวันกรณีพิเศษ อาทิ วันแรงงานแห่งชาติ 1 พฤษภาคม
วันแม่แห่งชาติ วันที่ 12 สิงหาคม และวันพ่อแห่งชาติ วันที่ 5 ธันวาคม
ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. ไม่มีค่าเข้าชม
มีสถานที่จอดรถกว้างขวาง รองรับได้ประมาณ 500 คัน
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน
หรือโทรศัพท์ 09-1765-6566



จากนั้นมากินข้าวเที่ยงกันที่ร้านภัตตาคารเกษรา จังหวัดสิงห์บุรี
ภัตตาคารเกษรา เรส แอเรีย
บริการมีทั้งอาหารไทย-จีน-อีสาน-ฝรั่ง ผสมผสานกันลงตัวและหลากหลายในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้
ร้านบรรยากาศดีมีสีสันกับสไตล์สุดโมเดิ้ลร้านอยู่ติดริมถนนสายเอเชียฝั่งขาเข้า กทม.
และเป็นทั้งร้านของฝากที่มีทุกอย่างครบครันครบวงจรและใหญ่ที่สุดในภาคกลาง
"เจ้าของเค้กปลาช่อนเจ้าแรกเจ้าเดียวของโลก"







กินอิ่มกันล่ะหมายต่อไปไปชมผ้าหมักโคลนเจ้าพระยา ณ กลุ่มผลิตภัณฑ์จากผ้าบางน้ำเชี่ยว
ตำบลบางน้ำเชี่ยว อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี



ผ้าหมักโคลนเจ้าพระยา ผ้าผืนงามจากภูมิปัญญาริมสายน้ำเจ้าพระยา
เนื้อผ้าที่นุ่มลื่นที่ถูกหมักด้วยโคลนจากแม่น้ำเจ้าพระยานับเป็นการรังสรรค์ผ้าที่แยบยล
เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อเลยว่ากระบวนการผ้าผืนนุ่มลื่นมือสวมใส่เย็นสบายมาจากความบังเอิญ
และความช่างสังเกตของคุณดวงพร เชื้อวงษ์
หากจำได้ว่าเมื่อปี พ.ศ. 2538 เกิดวิกฤตการณ์น้ำท่วมที่ตำบลบางน้ำเชี่ยว อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
ส่งผลให้ต้องประสบกับภาวะน้ำขังในพื้นที่นานกว่า 3 เดือน ทุกอย่างจมอยู่ใต้ผืนน้ำ
หลังจากน้ำลดและพบห่อผ้าของคุณแม่อยู่ในโคลนที่ทับถมเมื่อนำมาซักทำความสะอาด
รู้สึกสัมผัสได้ว่าเนื้อผ้านั้นมีความนุ่มลื่นกว่าปกติใส่แล้วเย็นสบาย
จึงตั้งข้อสมมุติฐานว่าน่าจะเป็นเพราะผ้าถูกหมักไว้ในโคลน
จึงมีการศึกษาวิจัยค้นคว้าหาสูตรในการย้อมผ้าหมักโคลนขึ้นจนมาเป็นผ้าหมักโคลนเจ้าพระยาในวันนี้







คุณดวงพร เชื้อวงษ์ เล่าให้ฟังถึงที่มาแรกเริ่มของผ้าหมักโคลนเจ้าพระยาไว้อย่างสนใจว่า
แรกเริ่มเราทำสินค้าผ้าและเครื่องแต่งกาย ทำเสื้อผ้าสำเร็จรูปมาโดยใช้ผ้าจากท้องถิ่นอื่นๆ
ซึ่งไม่ใช่ผ้าของเรารับจากเครือข่ายมาตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าจำหน่าย
แต่ด้วยความที่เราอยากอนุรักษ์ในเรื่องของงานผ้า งานศิลปะด้านผ้าให้คงอยู่สืบต่อไปก็มีเรื่องราว
เราก็นำเรื่องราวจากบ้านเราที่โดนน้ำท่วมผ่านมาเมื่อปี 2538 น้ำท่วมเป็นเวลา 2-3 เดือน
หลังจากน้ำลดเราทำความสะอาดพื้นบ้านก็เจอห่อผ้าของคุณแม่เข้า
ความบังเอิญที่เราไม่ได้ผ้านั้นไปทิ้งแต่กลับนำผ้านั้นไปซักหลังจากโคลนทับถมผ้า
สังเกตได้จากความนุ่มความหอมของผ้าที่โดนโคลนทับจึงนำมาเป็นเรื่องราวของผ้าเรา "ผ้าหมักโคลนเจ้าพระยา"



คุณดวงพร เชื้อวงษ์ เล่าว่าที่ตั้งชื่อว่า "ผ้าหมักโคลนเจ้าพระยา"
ก็เพราะว่าอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา แล้วก็โดนน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาท่วมบ้าน
ก็เป็นเรื่องราวของอุทกภัยที่ผ่านมาโดยใช้ผ้าลายไทยเป็นอัตลักษณ์ของภาคกลางสืบสานลายไทยอีกด้วย
ทำมาเรื่อยๆ ต่อยอดเป็นผ้าทอของเราเอง



คุณดวงพร เชื้อวงษ์ เล่าให้อุ้มฟังเพิ่มเติมอีกว่า
จากประวัติของคนโบราณจากคนของบ้านเราเองเคยไปเห็นเศษกี่ทอผ้าเศษกระสวยซึ่งอยู่ตามใต้ถุนบ้าน
แสดงว่าแต่เดิมบ้านเราต้องมีคนทอผ้าแน่ๆ ก็เลยมีแนวความคิดของบประมาณจากทางจังหวัด
อยากได้กี่ทอผ้า
เชิญอาจารย์ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมมาช่วยสอน
ซึ่งเราไม่เคยได้ทอผ้ามาแต่แรกๆ ซึ่งดูเหมือนว่าจะเรื่มทอผ้าเริ่มกอไก่ใหม่ก็เลยได้เป็นผ้าอย่างที่เห็น
เป็นผ้าทอจากบ้านเราเอง คือ ผ้าทอลายพรหมสี่ทิศกับลายสายธารา





คุณดวงพร เชื้อวงษ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า
จริงๆ แล้วเราก็เหมือนกับได้ต่อสู้มาตั้งแต่แรกเริ่ม
ผ้าลายไทยของเราใครจะนิยม เชย
เราก็เลยพยายามที่จะทำไปเรื่อยๆ สร้างจุดขายของเราโดยใช้ลายไทยอย่างแน่วแน่
ไม่เปลี่ยนใจทำแนวไทยทั้งร้านเป็นจุดขายมีคนสนใจ
แล้วก็ได้ OTOP ขึ้นเครื่อง ในปีที่รัฐบาลสนับสนุน ขึ้นไปขายบนแคตตาล็อกบนเครื่องบิน
และได้เป็นสินค้าภูมิปัญญาเด่นของจังหวัดสิงห์บุรีด้วย
ตอนที่ทำก็เป็นสินค้า OTOP ระดับ 4 ดาว แล้วก็ทำมาเรื่อยๆ จนพัฒนามาเป็นผ้าทอ



คุณดวงพร เชื้อวงษ์กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า
สำหรับแรงบันดาลใจ เริ่มแรกเลยมาจากคุณแม่
ด้วยความที่บ้านเราคุณแม่เป็นข้าราชการก็ตามคุณพ่อไปเก็บผ้าไทยจากหลายๆ ท้องถิ่น
คุณแม่เขาจะใส่ผ้าไทยของเขาสวยๆ อยู่เยอะ
แล้วก็ตามรอยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระพันปี พวกเราจะดูผ้าไทยเป็นแนวอยู่แล้วๆ ก็ชอบ
ชอบมาก เก็บผ้าไทย เก็บผ้าของคุณแม่มาเรื่อยๆ
จนกระทั่งผ้าที่โดนน้ำท่วมก็เป็นผ้าชุดผ้าไหมชุดสวยๆ ของคุณแม่ตัด
ที่ใช้ใส่เวลาตามคุณพ่อไปตามหน่วยราชการหรือโยกย้ายไปตามต่างจังหวัด
คุณแม่ก็จะได้ผ้าท้องถิ่นสวยๆ เหมือนกับที่เราเคยเห็นชินตามาตั้งแต่เล็กๆ



ทริปนี้เป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างมั่งคั่งและยั่งยืนจริงๆ แม่แม่ช้อปทุกที่เลยค่ะ



นางจิรารัตน์ มีงาม
ผอ.ททท.สำนักงานลพบุรี กล่าวว่า
วันนี้เราอยู่ที่คุ้มเจ้าพระยา
แหล่งผลิตผ้าหมักโคลนเจ้าพระยาที่มีชื่อเสียงของตำบลบางน้ำเชี่ยว อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
เป็น 1 ในแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดสิงห์บุรีที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ส่งเสริมอยู่
เนื่องจากว่าเป็นแหล่งผลิตสินค้า OTOP ที่ผลิตโดยชาวบ้านในจังหวัดสิงห์บุรี
อย่างเมื่อเช้านี้นักท่องเที่ยวได้ไปที่ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจันกันแล้ว
ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่ออันดับ 1 ก็ว่าได้ในตอนนี้ในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวชุมชน
เพราะว่าตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจันเพิ่งจะได้รับรางวัล Tourism Awards
หรือรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ที่จัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเมื่อกลางปีที่ผ่านมานี้เอง
อย่างไรก็ตามจังหวัดสิงห์บุรียังมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงไม่ว่าจะเป็นวัดวาอารามสวยๆ งามๆ มากมาย
และรวมถึงจังหวัดลพบุรีและจังหวัดชัยนาทที่ ททท.สำนักงานลพบุรีดูแลอยู่ด้วย

ที่จังหวัดลพบุรีนั้นนอกจากพระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์ที่มีชื่อเสียงที่ทุกคนต้องมาแล้ว
การท่องเที่ยวชุมชนของจังหวัดลพบุรีก็มีหลายแห่งก็อยากเชิญชวนทุกท่านมาเยี่ยมชมนะคะ
อย่างเช่นที่อำเภอบ้านหมี่ ที่บ้านมหา่สอน ตำบลมหาสอนนั้นจะมีแหล่งท่องเที่ยวชุมชนหลายจุด
อย่างที่บ้านสวนขวัญเป็นสถานที่อีกที่หนึ่งซึ่งทำโดยชาวบ้านเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน
จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวเดินทางตามจุดต่างๆ
รวมถึงมีการทำกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นพิซซ่าเตาถ่าน การทำไข่เค็มดินสอพอง การทำแหนมเห็ด ฯลฯ
ให้นักท่องเที่ยวนั้นได้มีประสบการณ์ร่วมกันด้วย
ก็เป็นอีก 1 ในตัวอย่างของการท่องเที่ยวชุมชนที่ถือว่าเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี
ตอนนี้ ททท.กำลังส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบนี้อยู่ซึ่งในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี ลพบุรี และจังหวัดชัยนาท
เรามีการท่องเที่ยวแบบชุมชนแบบนี้อยู่มากมายเลยทีเดียวค่ะ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลพบุรี ขอเรียนเชิญนักท่องเที่ยวทุกท่านมาท่องเที่ยวจังหวัดสิงห์บุรี
ซึ่งจะมีทั้งวัดวาอารามที่สวยงาม รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวชุมชน มีสถานที่ทำผลิตภัณฑ์ OTOP สวยๆ
อย่างไรก็ตามติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่ท่องเที่ยว
ได้ที่ ททท.สำนักงานลพบุรี



ก่อนกลับ กทม. ททท.ภูมิภาคภาคกลางพามากินกาแฟ ก๋วยเตี๋ยวกันที่บ้านหุ่นเหล็ก อ.เมือง จ.อ่างทองค่ะ
เป็นพิพิธภัณฑ์หุ่นยนต์น่าเที่ยวของจังหวัดอ่างทอง
ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์นำเศษเหล็กเศษอะไหล่เก่าจากเครื่องยนต์ต่างๆ นำมาสร้างเป็นหุ่นยนต์
สร้างมูลค่าได้อย่างมั่งคั่งและยั่งยืน
ค่าเข้าชมคนละ 60 บาท เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.











เข้าใจครีเอทขนมเป็นน็อตเป็นอะไหล่ ทำเป็นเค้กน็อต น่ารักมากค่ะ



หุ่นยนตร์นอนแบบชิลชิลที่บ้านหุ่นเหล็ก พิพิธภัณฑ์หุ่นยนต์น่าเที่ยวของจังหวัดอ่างทองที่ต้องห้ามพลาด
บ้านหุ่นเหล็กตั้งอยู่ริมถนนสายเอเซียสาย 32 จาก กทม.ขับตรงมาอย่างเดียว
ถนนเส้นที่จะเข้าตัวเมืองอ่างทองอยู่ซ้ายมือ ขับรถมาจะเห็นหุ่นยนตร์ตัวใหญ่ชัดเจนทางด้านซ้าย
สามารถมาถ่ายภาพได้ทุกวันค่าเข้าชมคนละ 60 บาท เปิด 09.00-17.00 น.
ขอขอบคุณ ททท.ภูมิภาคภาคกลางที่ชวนอุ้มมาร่วมทริป
"เที่ยวเมืองรอง ลองแล้วจะรัก เก๋ายกก้วน ชวนเที่ยวเมืองละโว้ 22-23 กุมภาพันธ์ 2563"
ปิดท้ายทริปอย่างมีความสุข ขอบใจน้องกิฟท์และน้องต่ายมากนะคะ



ขอขอบคุณ
เพลง : เที่ยวเมืองไทยกันเหอะ...ดีกว่าเยอะ / อิน บูโดกัน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง และ ททท.สำนักงานลพบุรี
BG : คุณลักกี้ / กล่องเขียนคอมเม้นท์ : คุณ lozocat
โค้ดแต่ง BLOG : ป้ามด & น้องดอกหญ้าเมืองเลย
ของแต่ง BLOG : คุณชมพร & น้องญามี่ & คุณเนยสีฟ้า




Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2563
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2563 12:49:14 น.
Counter : 2503 Pageviews.

28 comments
มหาสงกรานต์ '67 (รักโดรนมาก) สมาชิกหมายเลข 7777777
(17 เม.ย. 2567 18:18:19 น.)
Mahar Shwe Thein Taw Pagoda, Royal Jasmine Hotel - Pyin Oo Lwin สายหมอกและก้อนเมฆ
(11 เม.ย. 2567 16:06:34 น.)
ร้อนนี้ชวนเที่ยว ออบขาน เชียงใหม่ สมาชิกหมายเลข 4313444
(11 เม.ย. 2567 08:07:33 น.)
Day 7 เที่ยววันสุดท้าย Arashiyama กลางสายฝน khimyo
(10 เม.ย. 2567 12:51:53 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณKavanich96, คุณnewyorknurse, คุณสองแผ่นดิน, คุณกะว่าก๋า, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณhaiku, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณnonnoiGiwGiw, คุณInsignia_Museum, คุณmultiple, คุณSai Eeuu, คุณTui Laksi, คุณเริงฤดีนะ, คุณSweet_pills, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณเจ้าหญิงไอดิน, คุณนกสีเทา, คุณเจ้าการะเกด, คุณNoppamas Bee, คุณSertPhoto, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณtoor36, คุณkae+aoe, คุณชีริว, คุณauau_py, คุณวลีลักษณา

  
ขอบคุณที่แบ่งปัน
โดย: Kavanich96 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:2:55:20 น.
  
โหวตครับพี่อุ้ม

ตอนนี้พี่อุ้มเดินทางตลอดเลยนะครับ
ดีจังเลยครับ
เพื่อนบล็อกก็ได้รับรู้กิจกรรมดีดีตามไปด้วยครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:8:53:22 น.
  
สวัสดีค่ะ คุณอุ้ม
พี่ยังอ่านไม่ได้มากแต่อยากโหวตให้นะคะ
จ้องจอได้ดีขึ้นแล้วจะตามกลับมาอ่านค่ะ

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:8:59:48 น.
  
สวนทางกันค่ะ
พี่ตั้งใจมาโหวตให้ก่อนแต่ไม่ทันคุณอุ้ม
ขอบคุณที่ไปก่อนเสมอนะคะ

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:9:02:32 น.
  
เที่ยวตามรอยวิถีชุมชน
เรื่องราวน่าสนใจมากค่ะ

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:10:30:00 น.
  
ชอบรีวิวเที่ยวของพี่ทุกอันเลย
มันเข้าถึงชุมชนมาก แม้ว่าจะใกล้ๆแค่
ลพบุรี แต่ก็มีอะไรให้น่าสนุกอีกเยอะเลยอ่ะนี่ถ้าเปนช่วงทานตะวันนะ คงมีรูปสาวๆ กับทานตะวันอีกเพียบแหง
โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:10:49:30 น.
  
วิถีชุมชน ล้วนมีเรื่องราว มีกิจกรรมดีๆ แฝงตัวอยู่เสมอเลยนะ ครับ

สำหรับ อ.เต๊ะ นี่ แค่ได้ไปเจอ น้องเสื้อดำหมวกเหลือง เอ๊ย ไม่ใช่ซิ
ได้ไปชิม อาหารถิ่น+ขนมพื้นบ้าน อย่าง ต้มยำปลาช่อนนาย่าง นี่ก็สุดยอดแล้วละครับ 555

โดย: multiple วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:11:54:50 น.
  
ลพบุรี น่าเที่ยวจริง

เสียดายรูปเล็กจัง ดูมือถือ ยิ่งเล็กไปอีก
โดย: Sai Eeuu วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:15:50:44 น.
  
น่าสนุก น่าไปมากค่ะ
โดย: sawkitty วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:16:19:08 น.
  
ตามคุณอุ้มและวัยเก๋าไปเที่ยวลพบุรี
สุดยอดเมืองน่าเที่ยว เราคนลพบุรี
เพิ่งได้รู้จักสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆจากบล็อกคุณอุ้มจ้า
ต้องตามรอยบ้างละ ขอบคุณค่ะ
โดย: Tui Laksi วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:17:37:26 น.
  
กิจกรรมดีๆ น่าเที่ยวมากค่ะคุณอุ้ม
โดย: Sweet_pills วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:0:49:51 น.
  

สวัสดียามเช้าครับพี่อุ้ม

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:7:28:52 น.
  
หลายที่ๆยังไม่เคยไปจ้า
โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:8:27:32 น.
  
อิจฉาพี่อุ้มมากค่ะ
ออกทริปแต่ละแห่งดูภาพไปอยากไปเที่ยว
อยากทิ้งงานไปค่ะ
อิจฉา
โดย: เจ้าหญิงไอดิน วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:10:23:07 น.
  
ขอบคุณครับพี่อุ้ม

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:13:22:58 น.
  
เห้นแล้วอยากไปแบบนี้บ้าง แต่ด้วยภาระและอะไรหลายๆ อย่างตอนนี้เลยยังทำไม่ได้ ลิงจะว่าน่ารักหรือน่ากลัวดี คือถ้ามันวิ่งเข้ามาเยอะๆ แล้วมาแย่งของเรานี่แย่เลย
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:0:18:58 น.
  
มาเที่ยวด้วยค่ะ
โดย: newyorknurse วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:2:37:44 น.
  

สวัสดียามเช้าครับพี่อุ้ม

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:7:42:36 น.
  
ตามเที่ยวค่ะ
โดย: kae+aoe วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:8:36:23 น.
  
ตามมาเที่ยวละโว้ด้วยคนครับ
โดย: ชีริว วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:20:57:34 น.
  
เยี่ยมเลยค่ะ น่าเที่ยว น่าสนใจมากค่ะ
โดย: auau_py วันที่: 1 มีนาคม 2563 เวลา:11:35:07 น.
  

อรุณสวัสดิ์ครับพี่อุ้ม

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับพี่

ตอนนี้ทัวร์จากต่างประเทศหายหมด
เหลือแต่ไทยเที่ยวไทย ที่ต้องช่วยกันแล้วนะครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 มีนาคม 2563 เวลา:6:26:47 น.
  
รูปเยอะม๊ากกก...ดูเพลินๆเลยล่ะ..

โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 2 มีนาคม 2563 เวลา:15:12:38 น.
  
สวัสดีครับพี่อุ้ม

ขอบคุณมากครับที่แวะไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจน้องที่บ้านนะครับ
โดย: สีเมจิก (สมาชิกหมายเลข 5106714 ) วันที่: 2 มีนาคม 2563 เวลา:17:59:38 น.
  
ดีจังไทยเที่ยวไทย
ดีที่สุดในตอนนี้
โดย: จากเพื่อนถึงเพื่อน วันที่: 2 มีนาคม 2563 เวลา:19:11:48 น.
  
ขอบคุณที่แวะเที่ยวด้วยกันค่ะคุณอุ้ม
ฝันดีนะคะ
โดย: Sweet_pills วันที่: 3 มีนาคม 2563 เวลา:0:13:40 น.
  
มาสนุกไปกับแก๊งเก๋าค่ะ
โดย: วลีลักษณา วันที่: 3 มีนาคม 2563 เวลา:8:31:43 น.
  
ตามเที่ยวด้วยค่ะ
โดย: kae+aoe วันที่: 3 มีนาคม 2563 เวลา:8:45:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aumteerama.BlogGang.com

อุ้มสี
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 118 คน [?]

บทความทั้งหมด