ถึงจะใช้ขื่อบล็อคที่เขียนในวันนี้ว่า "เกิดเป็นศิลปิน"
แต่ความหมายของคำว่าศิลปินของอาเจ้ฯ ในวันนี้
ไม่ใช่ดารา นักแสดง หรือนักร้องนะคะ
แต่หมายถึง
มนุษย์ที่มีอารมณ์ศิลปินต่างหาก
คนเราเกิดมามีเป้าหมายในชีวิตต่างกัน
บางคนอยากร่ำรวย
บางคนอยากเป็นคนมีชื่อเสียง
บลาๆ ๆ แล้วแต่ความต้องการในใจของแต่ละคนนะ
สำหรับอาเจ้ฯ กลับไม่เคยตั้งเป้าหมายอะไรจริงจังขนาดนั้น
ที่เคยตั้งเป้าหมายไว้..
ก็มักจะเป็นเป้าระยะสั้นๆ เอง
เช่น ปีนี้จะซื้อรถ ปีนี้จะซื้อบ้าน
พอมันทำสำเร็จแล้วก็ไม่ได้ตั้งเป้าหมายอะไรอีก
คนทั่วไปก็มักจะตั้งเป้าเรื่อง...
ซื้อบ้าน ซื้อรถ เรื่องงาน......
และก็เรื่องเรียน...
สำหรับพี่เองก็ไม่เคยตั้งเป้าเรื่องเรียนไว้เลย
มันเหมือนจังหวะของชีวิตมันพามา..มากกว่า
พอเรียนจนจบ..สำเร็จปุ๊บ
เหมือนกับว่า...
มันเกินเป้าหมายที่เราคิดไปน่ะค่ะ
มันเลยกลายเป็นว่า...
ชีวิตมันไม่มีอะไรท้าทายสำหรับชีวิตให้ทำต่อ
เพราะอาเจ้ฯ เป็นคนง่ายๆ
คิดง่ายๆ ทำง่ายๆ
ไม่ชอบอะไรที่ยุ่งยาก
พอมันเกินเป้าหมายของชีวิตปุ๊บ
มันก็กลายเป็นว่า....
ไม่มีอะไรท้าทายสำหรับชีวิตอีกต่อไปแล้ว
อาเจ้ฯ คิดแบบนี้จริงๆ
ตอนจบใหม่ๆ ..
มักจะมีคนมาพูดกับอาเจ้ฯ เสมอ
ว่าถึงเวลากอบโกยแล้วล่ะแก
ใช้ความรู้ที่มีหาเงินให้กระจายเลย
แปลกว่ะ...อาเจ้ฯ ฟังแล้วกลับเฉยๆนะ
มีคนด่าเยอะแยะ...ตอนที่ลาออกจากบริษัทวิจัยยักษ์ใหญ่
ว่าทำไมมึงไม่ทำว๊ะ
มึงลาออกทำไม
เป็นกูนะเว้ย..
กูจะทนทำไป
เชี้ยยยยย..เงินเดือนแม่งโคตรเยอะเลย
กูล่ะเสียดายแทน
แต่ตัวเราน่ะ..
คนที่ตัดสินใจว่าจะทำ..หรือจะลาออก
กลับรู้สึกเฉยๆ
ไม่เห็นอยากจะทำเลย...
ถึงแม้เงินเดือนมันจะสูงก็เหอะ
วันเข้าพรรษาที่ผ่าน
ตื่นแต่เช้า...ขับรถพาคุณพ่อ คุณแม่ และหลานชาย
ไปทำบุญที่วัดด้วยกันตั้งแต่เช้า
คนในรถคุยกันขโมงโฉงเฉง...
ในใจอาเจ้ฯ กลับคิดว่า
ทำไมกูชอบกิจกรรมนี้ว้ะ...
กิจกรรมดูแลครอบครัวเนี่ย
คนอื่นเค้าพยายามกันแทบตาย
พยายามหางานดีๆ ทำ
ทำไมกูไม่พยายามแบบที่คนอื่นเค้าเป็นกันว๊ะ
กลับเรื่อยเปื่อย...ไร้สาระเหลือเกิน
โดยเฉพาะในสายตาของคนที่กำลังเรียนหนักๆ แล้วอยากจะจบป.เอกแย่แล้ว
พอทำไรซักอย่างที่อาเจ้ฯ รู้สึกว่าไม่มีความท้าทายสำหรับอาเจ้ฯ เล้ยยยย
ก็จะโคตรฝืนใจเลย
ฝืนลุกขึ้น..อาบน้ำแต่งตัว
ไป..ทำ
แม่มเอ๊ย...กูจะศิลปินไปไหนว๊ะเนี่ย