Blog No.4 : ตายแล้วไปไหน ? (SUM)


... ตายแล้วไปไหน ? เป็นหนึ่งในคำถามคลาสสิคนะครับ 


มันคลาสสิคเพราะไม่เคยมีใครตายแล้วกลับมามอบคำตอบพร้อมหลักฐานเชิงประจักษ์ที่พิสูจน์ได้ว่าตายแล้วเป็นแบบนั้นจริงๆ

ภาวะหลังความตายที่เราได้ยินมา เกินครึ่งจึงมาจากคำสอนหรือความเชื่อของแต่ละศาสนาที่มีมาแต่โบราณ ส่วนข้อมูลในเชิงวิทยาศาสตร์ที่ใกล้เคียงสุด ผมคิดว่าก็น่าจะเป็นงานศึกษาของมหาวิทยาลัยเซาธ์แทมป์ตั้นที่ศึกษาผู้ป่วย2000 คนใน 15 โรงพยาบาลในอเมริกา ,อังกฤษ และ ออสเตรีย ที่ประสบภาวะหัวใจหยุดเต้น (cardiac arrestsมี40%ของกลุ่มคนที่รอดตาย (แน่ซิครับ!ต้องรอดตายเพราะถ้าตายไปแล้วคงกลับมาตอบไม่ได้) ยืนยันประสบการณ์คล้ายกันก่อนหัวใจจะกลับมาเต้นอีกครั้งว่าพวกเขารู้สึกตัวบางอย่างเช่น บางคนรู้สึกเหมือนกำลังจะหลุดออกจากร่าง , บ้างรู้สึกเหมือนจมน้ำ ,บ้างก็เห็นแสงบางอย่าง ฯลฯ

แต่ถึงกระนั้นนะครับมันก็ยังไม่สามารถยืนยันได้อยู่ดีกว่ามันคือภาวะหลังความตาย หรือเป็นเพียงการทำงานของสมองวูบนั้น มีผู้แย้งไว้ว่ามันอาจเป็นภาวะการทำงานของสมองตกค้างเสียมากกว่า(residual brainactivity)

ดังนั้นในเมื่อไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ แล้วใยต้องจำกัดจินตนาการกับภาวะหลังความตาย ไว้แค่ที่เคยได้ยินมา

Sum คือหนังสือที่นำเสนอ 40 รูปแบบภาวะหลังความตายเล่าเป็นตอนสั้นๆที่จบในตอน

*****



...
Sum เป็นหนังสือที่อ่านแล้วตื่นเต้นครับ

คือมันไม่ใช่ตื่นเต้นในเชิงพล็อตที่พาเราไปสู่ไคลแมกซ์เหมือนนิยายแบบนั้น แต่พออ่านไปสองสามแรกจบ มันตื่นเต้นว่าตอนต่อไปคนเขียนจะพาเราไปสู่จุดไหนมีจินตนาการอะไรมาทำให้เราประหลาดใจได้อีก

แต่ละตอนที่นำเสนอบอกได้เลยว่าผู้เขียนเป็นคนอ่านมาเยอะมีความรู้หลายด้านทั้งประวัติศาสตร์ , วรรณคดี ฯลฯ แล้วไม่ใช่แค่มีความคิดสร้างสรรค์แต่มันอ่านแล้วได้อารมณ์หลากหลายเช่นบ้างก็จิกแกมเหน็บ บางตอนก็ประชดประชันและบางตอนก็จุดประกายความคิด ทำให้เราต้องย้อนกลับมามองชีวิตที่’ยังไม่’ตายของเราในตอนนี้

ภาวะหลังความตายที่จัดได้ว่าเก๋ๆ เช่น ในบางตอนแปรตัวเราจะสภาพเป็นอะตอม, กลุ่มตัวเลข , อนุภาคควาร์ก , จุลินทรีย์ ฯลฯ Smiley แล้วไม่ต้องกลัวนะครับมันดูเป็นวิทยาศาสตร์แต่ไม่ได้อ่านเข้าใจยากเลย

ในขณะเดียวกันก็ต้องซูฮกว่าคนเขียนมีความกล้าด้วยครับสำหรับหลายตอนที่เชิญ พระเจ้า มาเป็นตัวละครแล้วตีความใหม่ ลดทอนความศักดิ์สิทธิ์ที่คนเคร่งศาสนาหลายคนอาจอ่านแล้วรู้สึกไม่สบายใจอาทิเช่น

พระเจ้าในบางตอนเป็นเพศหญิงที่ไม่ได้รับการยอมรับและต้องร่อนเร่เดียวดายในตอนท้าย, บางตอนบอกว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์ด้วยความพลั้งเผลอและก็มีขีดจำกัด ,บางตอนพระเจ้าก็หมดสภาพเกินจะดูแลมนุษย์ ถูกมองว่าหัวโบราณแล้วใช้ชีวิตอย่างว้าเหว่, บางตอนก็บอกว่าพระเจ้ามีหลายองค์ ฯลฯ

ตอนที่ผมชอบเป็นพิเศษคือตอน Subjunctive ที่เราจะได้พบตัวเราอีกเวอร์ชั่น , ตอน narcissus ที่เปรียบการมีชีวิตของมนุษย์เป็นเพราะถูกสร้างมาเพียงเพื่อสำรวจโลกจากสายตาของเราและตอน Mirrors

*****

... การที่ผู้เขียนเป็นทั้ง นักวิทยาศาสตร์ระบบประสาทวิทยา (neuroscientist) ที่ศึกษาเรื่อง brainplasticity ซึ่งก็แปลว่าเชี่ยวชาญการทำงานของสมองเป็นอย่างดีแล้วก็จบสาขาวรรณคดีด้วยมันจึงเป็นการผสมผสานศาสตร์สองด้านได้อย่างลงตัว คือไม่ใช่แค่มีแนวคิดดีๆแต่กลวิธีการเขียนของเขาก็ใช้สำนวนได้เจ้าสำบัดสำนวนจนถึงขั้นแสบร้อนในหลายๆตอน

และการที่เขาอ้างว่าตัวเองเป็นคนในกลุ่ม
possibilian (ผู้นิยมมองหาความเป็นไปได้) ก็คงไม่ผิดนักถ้าอ่านงานเขียนชิ้นนี้เพราะแต่ละตอนล้วนคือ ‘ความเป็นไปได้’ที่หลากหลายในภาวะหลังความตายของมนุษย์

แม้หลายตอนดูไม่น่าเป็นไปได้เลย แต่มันก็คือความพยายามที่จะท้าทายความเชื่อของเราประมาณว่า“แล้วทำไมจะเป็นไปไม่ได้ละ ในเมื่อเรายังเชื่อเรื่องกะทะทองแดงเชื่อเรื่องสวรรค์ ฯลฯ โดยที่พระเจ้า กับ ภาวะหลังความตาย ล้วนเหมือนกันตรงที่ไม่เคยมีใครนำเสนอหลักฐานเชิงประจักษ์ได้ชัดเจน ดังนั้นทำไมจะเป็นแบบอื่นบ้างไม่ได้

มิหนำซ้ำในความเป็นจริง พระเจ้าของแต่ละศาสนาก็ยังมีรูปลักษณ์ คำสอนฯลฯ ที่แตกต่างกันเลย เป็นแนวคิดคล้ายกับในหนังอินเดียเรื่อง PK ที่มนุษย์ต่างดาวตั้งสมมติฐานว่าพระเจ้า แบ่งเป็นหลายบริษัท หลายสาขา แล้วแต่ละที่ก็มีกฎกติกาไม่เหมือนกัน

*****

... ข้อดีอีกอย่างคือผู้เขียนไม่ได้ทำให้เราอ่านแล้วโน้มเอียงไปว่าภาวะหลังความตายมีจริงหรือไม่ , ไม่ได้มีท่าทีเชิงลบหลู่หรือศรัทธาทางใดทางหนึ่ง อ่านแล้วผมกลับรู้สึกด้วยว่ามันคือความพยายามทำความเข้าใจ‘ชีวิตกับความตาย’ที่เจตนาให้จบลงด้วยความไม่เข้าใจเหมือนเดิม

แต่’ความไม่เข้าใจชีวิต’นั่นก็เป็นทั้งเสน่ห์และอาจเป็นเหตุผลสำคัญในการดำรงอยู่ของมนุษย์นะครับ

ลองนึกดูว่าหากเราล้วนเข้าใจสรรพสิ่งในโลกรู้คำตอบในทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างดำรงชีวิต เช่น รู้คำตอบว่า เกิดมาทำไม , ตายแล้วไปไหน ฯลฯ เราอาจไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่แล้วก็ได้

แล้วการเป็นหนังสือที่พูดถึงพระเจ้าในหลากหลายมิติ ก็อดคิดไม่ได้ว่าพระเจ้าเองถ้าได้อ่านก็น่าจะสนุกเหมือนมนุษย์ที่อ่านเช่นกันSmiley


*****

...สุดท้าย ผมขอยกตัวโคว้ตจากหนังสือที่ชอบมากแล้วผมคิดว่ามันสะท้อนความแสบของผู้เขียน ซึ่งก็จะมีลักษณะแบบนี้ให้เห็นในอีกหลายตอน

ตอนนี้เป็นตอนแรกๆของหนังสือเล่าถึงชีวิตหลังความตายที่ทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมไม่ว่าจะเคยทำดีหรือชั่วมาแค่ไหนก็จะได้ใช้ชีวิตเหมือนกัน ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้นผู้เขียนก็บรรยายสภาพในดินแดนหลังความตายไว้ว่า

“ …ความเสมอภาคอย่างแท้จริงได้ถือกำเนิดขึ้น

พวกคอมมิวนิสต์มึนงงและฉุนเฉียวเพราะในที่สุดพวกเขาก็ได้สังคมอุดมคติของตนมาแต่ก็ได้มาเพราะฝีมือพระเจ้าผู้ที่พวกเขาไม่ศรัทธา

ส่วนนักไต่เต้าทางชนชั้นก็อับอายเพราะพวกเขาต้องมาติดอยู่ในระบที่ไร้แรงจูงใจตลอดกาลร่วมกับกลุ่มคนมากมายที่พึงพอใจแนวคิดสังคมนิยม

กลุ่มอนุรักษ์นิยมไม่มีคนยากจนให้ดูถูกสว่นพวกเสรีนิยมก็ไม่มีผู้โดนกดขี่ให้เข้าไปเกื้อหนุน

ดังนั้น พระเจ้าจึงนั่งร้องห่มร้องไห้ที่ปลายเตียงของเธอในยามค่ำคืนเพราะสิ่งเดียวที่ทุกคนเห็นตรงกันคือพวกเขาทั้งหมดกำลังอยู่ในนรก”

*****

*****

ลิงค์งานวิจัยที่เซาธ์แทมป์ตั้น : //www.telegraph.co.uk/news/science/science-news/11144442/First-hint-of-life-after-death-in-biggest-ever-scientific-study.html

บทสัมภาษณ์น่าอ่านของผู้เขียน : //papercuts.co/2015/06/david-eagleman-interview/

รูปปกหนังสือจากเว็บ bookmoby 

[Declarationof conflict of interest : ผู้เขียนไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆจาก Sum ]




Create Date : 24 กันยายน 2558
Last Update : 25 กันยายน 2558 0:29:00 น.
Counter : 2479 Pageviews.

3 comments
  
เรื่องนี้สนุกแบบไม่ขาดหวังเลยค่ะ ดูจากปกตัดสินเนื้อข้างในไม่ได้เลย ชอบมากๆ ความบังเอิญเจอกันยิ่งทำให้ชอบไปใหญ่ :)
เหมือนแหล่งไอเดีย แหล่งพล็อตเรื่องที่ให้ใช้จินตนการเล่นไปได้อีกนาน

ปล. แอบแนะนำ readery.co มีให้สั่งซื้อค่ะ
โดย: ampn IP: 110.171.84.139 วันที่: 24 กันยายน 2558 เวลา:22:01:53 น.
  
เดินผ่านไปผ่านมาในร้านหนังสืออยู่นาน

หลังจากนี้สงสัยต้องหยิบมาอ่านซะแล้วววววว
โดย: หางเต่า วันที่: 24 กันยายน 2558 เวลา:23:47:26 น.
  
น่าอ่านมากเลยครับ
โดย: สมาชิกหมายเลข 2679336 วันที่: 14 ตุลาคม 2558 เวลา:14:55:46 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aorta.BlogGang.com

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]

บทความทั้งหมด