Twentieth Century Boys , ลึกลับ ย้อกย้อน ซ่อนเงื่อน 'เพื่อน' ทรยศ + คนใจคดแอบตัดหนังเอง
หมายเหตุ : หนังเรื่องนี้ที่เป็นพากษ์ไทย ฉบับฉายในโรง ถูกตัดไปเกือบ ครึ่งชั่วโมง โดยคนใจคดในบ้านเราถือวิสาสะตัดหนังเอง บ้างก็เดาว่าเพื่อเพิ่มรอบฉาย บ้างก็ว่าเห็นว่าไม่สำคัญ โดยลืมไปว่าตัวเองไม่ได้เป็นผู้กำกับ

ซึ่งการตัดที่เกิดขึ้น ไม่ได้ตัดมาจากญี่ปุ่น ดังนั้น โปรดหลีกเลี่ยง หรือ เลือกดูเวอร์ชั่นเสียงญี่ปุ่น หรือไม่ก็รอ เวอร์ชั่นหนังแผ่น







... ผมคิดล่วงหน้าแล้วว่า ไม่ว่าหนังจะเป็นอย่างไร ผมก็ยังเชียร์ให้หลายคนได้อ่านการ์ตูนเรื่องนี้ เพราะ หนังสือการ์ตูนเรื่องนี้ สุดยอดดดดดด อยู่ในกลุ่ม highly recommended และ เป็นการ์ตูนที่ผมยกให้เป็นการ์ตูนที่ชอบในอันดับต้นๆขึ้นหิ้งใกล้ๆกับ การ์ตูนของอาดาจิ

Twentieth Century Boys เป็นการ์ตูนที่เหมาะจะเป็นตัวแทนประกาศให้ผู้ใหญ่หัวโบราณที่มองว่าการ์ตูนเป็นสื่อเฉพาะของเด็กให้เห็นว่า การ์ตูนไม่ใช่หนังสือภาพสำหรับเด็กๆที่หาสาระมิได้

ผมเชียร์เพื่อนๆรอบตัวให้หามาอ่านกันตั้งแต่ตอนการ์ตูนออกมาใหม่ๆ เพราะติดใจในผลงาน Monster ของผู้เขียนคนนี้ อ. อุราซาวะ นาโอกิ

ผมบอกใครๆว่า อย่ามองข้ามเพียงเพราะชื่อการ์ตูนที่เหมือนการ์ตูนสำหรับน้องๆระดับประถมว่า แก๊งนี้มีป่วน เพราะตอนอ่าน Monster ก็พอรู้ทางของผู้เขียนคนนี้




... Monster เป็นเรื่องของ ศัลยแพทย์หนุ่มไฟแรงที่ต้องเลือกการผ่าตัดฉุกเฉินตรงหน้าได้แค่กรณีเดียว ระหว่าง บุคคลสำคัญเส้นใหญ่ที่ได้รับการไหว้วาน กับ ฆาตกรที่เพิ่งฆ่าคนมาหมาดๆ เพราะทั้งคู่ดันถูกนำมาส่งรพ.ในเวลาไล่เลี่ยกัน

พระเอกเลือกที่จะรักษาตามจรรยาบรรณแพทย์ คือ เลือกตามลำดับคนที่มาก่อนโดยไม่สน เส้น เพราะคิดว่า คุณค่าของคนเท่าเทียมกัน

แต่หลังจากนั้น เขาต้องกลับมากุมขมับทบทวนตัวเองอีกครั้ง เพราะ คนไข้ที่เขารักษารอดชีวิต กลับมาเป็น ปีศาจ ที่บงการผู้คนมากมายให้เข่นฆ่ากันรวมทั้งชีวิตของคนรอบตัวเขา ที่ต้องตกไปเป็นเหยื่อของ อัจฉริยะฆาตกรนาม โยฮัน

เนื้อหาส่วนที่เหลือจึงเป็นการดำเนินเรื่องตามล่า อัจฉริยะฆาตกรจอมบงการ ประมาณว่าเป็น หนังดราม่าทริลเลอร์ ผสม จิตวิทยา




…Twentieth Century Boys เป็นผลงานชิ้นถัดมา ได้ชื่อมาจาก เพลงร็อคเพลงโปรดของ เคนจิ ตัวเอกของเรื่อง และ เป็นช่วงเวลาสำคัญที่เกิดเหตุการณ์สำคัญสำหรับเด็กกลุ่มหนึ่งที่เติบโตมาในยุคศตวรรษที่ยี่สิบ

เด็กๆกลุ่มหนึ่งที่สนุกสนานกับจินตนาการ สร้างฐานทัพของตัวเองในทุ่งหญ้า ตั้งเป็นกลุ่มคนที่จะปกป้องโลก พวกเขาจินตนาการ วาดรูปห่นยนต์ วางแผนให้อาวุธเชื้อโรคมาทำลายล้างโลก ฯลฯ

ก่อนที่ ยี่สิบกว่าปีต่อมา สิ่งที่พวกเขาคิดเล่นๆ กลับมีใครบางคน สานต่อเป็น ความจริง และ พวกเขากำลังจะกลายเป็น ‘เหยื่อ’ ที่โดนป้ายสีว่าเป็นผู้ก่อการร้าย จาก องค์กร 'เพื่อน' ที่ขยายขนาดใหญ่ๆขึ้นเรื่อยๆ จาก สมาคม เป็น พรรคการเมือง มาสู่ ผู้ปกครองโลก

โดยหัวหน้า ‘เพื่อน’ ก็คือหนึ่งใน เพื่อน ของพวกเขานี่เอง




...อ่านเล่มแรกเล่มเดียว อาจจะยังคิดว่า โธ่ ไม่เห็นมีอะไร แต่เมื่ออ่านๆไปสามสี่เล่มก็พบว่า เมื่อเทียบกับ Monster

การ์ตูนเรื่องนี้มากับ โครงเรื่องที่ใหญ่กว่าเดิม มีรายละเอียดยิบย่อยมากกว่าเดิม เต็มไปด้วยพล็อตปลายเปิดที่คนดูไม่สามารถจะเดาทางได้ถูก เต็มไปด้วยจุดหักมุม เต็มไปด้วยจุดสะเทือนขวัญสะเทือนอารมณ์

ลีลาการเล่าเรื่อง Flasback สลับ Flashforward ไปมาระหว่างสามช่วงเวลา ชวนติดตามโดยไม่สับสนประมาณเดียวกับซีรี่ย์ Lost และ อ่านจบหนึ่งเล่มแล้ว ถ้าไม่ได้อ่านต่อมันแสนทรมานเหมือนลงแดงยังไงยังงั้น

จุดชวนติดตามในช่วงแรกๆ คือ อยากจะรู้ว่า เพื่อน คือใคร(Who) ? แต่พอถึงครึ่งหลังๆ จุดชวนติดตามคือ เรื่องราวทั้งหมด เพื่อน ทำไปเพราะอะไร(Why) ?




... ถึงแม้จะมีบางเล่มช่วงหลังๆ ที่ผมรู้สึกเหมือนกับว่า เนื้อหาชักจะบานปลายเกือบๆออกทะเลไปบ้าง แทบจะหาทางออกให้ลงตัวไม่ได้ แต่ เมื่อถึงเล่มสุดท้าย เชื่อว่า แฟนๆส่วนใหญ่ก็ยอมรับและประทับใจในความช่างคิดของผู้เขียนที่ วางปมในใจตัวละครไว้ได้ดี

นอกจากนี้ ผมคิดว่า การอ่านการ์ตูนเรื่องนี้สำหรับผู้ใหญ่หลายคนก็ให้อารมณ์ nostalgia คล้ายๆตอนดูหนัง แฟนฉัน คือ หวนคิดกลับไปถึงสมัยเรายังเด็กๆที่วาดฝันวาดจินตนาการกับเพื่อนฝูง




... จุดเด่นที่ผมชอบเป็นพิเศษของการ์ตูนชุด Twentieth Century Boys นอกจากความลึกลับชวนติดตาม คือ

1.การวางบทพระเอก ให้เหมือนจะเป็น loser ที่มาพร้อมกับหน้าตาเห่ยๆ ไม่ได้หล่อเท่ แต่ ความเท่มาจากความมุ่งมั่นและการกระทำ แล้วจู่ๆเขาก็ถูกทำให้หายไปจากเนื้อความ พร้อมๆกับช่วงเวลาที่ผ่านไป ทำให้คนดูคาดเดาไม่ได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่

และเมื่อการ์ตูนสลับบทนำไปเป็น คันนะ วัยสาว ก็ไม่ได้ทำให้ความน่าสนใจลดลงแต่อย่างใด

2.ความร้ายกาจของ องค์กรเพื่อน ที่ฉลาดจิตวิทยามวลชน และ สะท้อนภาพของกลุ่มคนหรือกลุ่มองค์กรส่วนใหญ่ในสังคม ที่ระดมสาวกหรือคนมาศรัทธา ด้วยการ ขายความเชื่อมั่นจอมปลอม ความฉลาดขององค์กรนี้ทำให้เราเชื่อถึงความยิ่งใหญ่ในระดับโลกได้โดยไม่รู้สึกขัดๆเขินๆ

3.บทบาทของ กลุ่มธรรมะ ที่ไม่ได้มีฮีโร่เท่ๆ มีแต่ กลุ่มคนขี้แพ้ในสังคม ผ่านช่วงไปหลายปี ก็เป็นกลุ่มคนแก่ๆที่ไม่ได้มีพิษสง ไม่ได้อัจฉริยะมาจากไหน หากแต่เป็น กลุ่มคนธรรมดาๆที่ศรัทธาในความดีและมิตรภาพ



... จาก Monster มา 20th Century Boys และ มาถึงเรื่องล่าสุดของอ. อุราซาวะ นาโอกิ อย่าง Pluto ที่เอาเจ้าหนูอะตอมมาตีความใหม่เป็นการ์ตูนไซไฟทริลเลอร์ เป็นบทพิสูจน์ว่า ผลงานยุคล่าสุดของผู้เขียนเหมาะมากสำหรับถูกนำเป็นหนังโดยแท้ เช่นเดียวกับเวลาที่อ่านงานเขียนของ แดน บราวน์ หรือ ฮาลาน โคเบน

แต่ ถึงผมอยากจะเห็นการ์ตูนของ อ. อุราซาวะ นาโอกิ มีชีวิตบนจอเหมือนแฟนๆอีกหลายคน ก็อดหวั่นๆไม่ได้ เพราะ เกินกว่าครึ่งของการ์ตูนญี่ปุ่นที่ถูกดัดแปลงเป็นหนัง ผมรู้สึกว่าทำออกมาได้ไม่น่าประทับใจ บวกกับตัวเอง มักจะมีปัญหากับการแสดงแบบโอเว่อร์แอคติ้งที่เจอบ่อยมากๆในหนังญี่ปุ่น





...สำหรับ 20th Century Boys การจะแปลงโฉมมาเป็นหนังนั้น

จะว่าง่ายก็ง่าย เพราะ ต้นฉบับเล่าเรื่องเป็นลำดับฉับไว เหมือน สตอรี่บอร์ดกลายๆที่หยิบมาสร้างเป็นหนังได้โดยอัตโนมัติ

จะว่ายากก็ยาก เพราะ ต้นฉบับมีรายละเอียดปลีกย่อยยุบยับ ชนิดที่จะตัดอะไรทิ้งไปก็ลำบากเพราะ ทุกรายละเอียดโยงใยถึงกัน และ ตัวละครก็มีมากกก แถมสำคัญมากๆเสียด้วย เนื่องจาก โยงใยชีวิตไว้ถึง สองชั่วคน


...ถ้าหนังจะออกมาสุดยอดจริงๆ จำเป็นต้องได้มือเขียนบทชั้นพระกาฬ คือ ถ้าจะตัดส่วนไหนไปต้องพร้อมจะตัดไปทั้งยวง และ สามารถปรับบทหนังโดยไม่ให้แฟนๆรู้สึกว่าใจความหลักขาดหายไป


ซึ่งผลลัพธ์ของบทหนังที่ออกมาก็เข้าข่าย ห่วงหน้าพะวงหลัง คือ คนเขียนบทพยายามเก็บรายละเอียดจากการ์ตูนให้ได้มากที่สุด คือ กวาดมาให้ครบและก็ตัดตรงด้านลึกของแต่ละส่วนทิ้ง

ทำให้บางจุดสำหรับคนที่ไม่ได้อ่านอาจรู้สึกว่า มันปลีกย่อยไม่รู้จะใส่มาทำไม หรือ สำหรับแฟนการ์ตูนก็รู้สึกว่าหนังให้ความสำคัญครึ่งๆกลางๆ จนทำให้ หนังภาคนี้ดูสนุกใช้ได้ แต่คนดูไม่สามารถสัมผัสถึง กึ๋น ของนักเขียน เหมือนตอนอ่านการ์ตูนในจำนวนเล่มที่เท่ากับความยาวหนัง

ตัวอย่างการดัดแปลงแบบห่วงหน้าพะวงหลัง เช่น ส่วนโอ๊ตโจะที่เมืองไทย ถ้าจะมีอยู่แค่นั้น สู้ตัดทิ้งไป แล้วเพิ่มเวลาให้คนรู้จักฟุคุเบ มากขึ้นยังจะดีกว่า หรือ ตัวละครสำคัญๆที่ในการ์ตูนถือว่ามีเสน่ห์สำคัญอย่าง บร๊ะเจ้า กลับถูกลดความสำคัญลงไปมาก

แต่การดัดแปลงบางอย่างก็เข้าท่า เช่น การเปิดเรื่องด้วยการนำเหตุการณ์บนคุกกลางน้ำที่อยู่ในเล่มกลางๆ มาเริ่มเรื่อง ก็น่าจะมีส่วนให้คนที่ยังไม่ได้อ่านการ์ตูนรู้สึกอยากติดตามมากขึ้น

...ส่วนที่ผมชอบที่สุดคือ ถ้าไม่นับพระเอกที่ดูหล่อเกินไปนิด การคัดเลือกนักแสดงหลายคนได้ถูกใจ ชอบทีมเด็กๆมาก โดยเฉพาะแฝดอ้วนนี่ใช้ได้เลย และ ยูคิจิ วัยสาว ดูมีเสน่ห์มากมาย

ที่ผิดหวังอีกนิดนึง คือ องค์กรเพื่อนในหนัง ยังไม่ชวนให้รู้สึกยิ่งใหญ่สมจริงเท่าไหร่ คือ รู้สึกว่ายิ่งใหญ่ประมาณหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงกับที่วาดภาพไว้เหมือนในการ์ตูน




... สุดท้าย สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจว่า หนังต้องทำออกมาดีกว่าการ์ตูนแน่ๆ คือ เสียงดนตรี

เพราะ ดนตรีร็อค ซึ่งเปรียบเสมือนจิตวิญญาณของ เคนจิ และ เป็น ปัจจัยสำคัญในตอนท้ายๆของการ์ตูนเรื่องนี้ที่จะเข้ามาช่วยกอบกู้โลก คนอ่านไม่มีโอกาส ได้ยิน จากหน้ากระดาษ

หลายๆคนคงเฝ้ารอว่าเพลง 20th Century Boys นั้นเป็นอย่างไร เราๆอยากรู้ว่า กูตาลาลา ซือตาลาลา จะมาพลิกโลกที่อยู่ในมือของเพื่อนได้อย่างไร

ดังนั้น อีกสองภาคข้างหน้า จะอย่างไร ก็คงไม่พลาดแน่นอน

ส่วนเรื่องของ ‘เพื่อน’ นั้น ยังมีเวลาอีกสองภาค ที่จะมาคุยกันอีกครั้งครับ




สรุป ... ในฐานะคนที่ชอบการ์ตูนมากๆ ลึกๆ ก็แอบคาดหวังว่าหนังจะออกมาดีแบบ Nana ที่อยู่ในกลุ่มการ์ตูนดัดแปลงที่ดี หรือ อย่างน้อยถ้าได้แบบ Death note ก็ยังพอไหว แต่สุดท้ายเมื่อดูจบก็รู้สึกว่า ในฐานะแฟนการ์ตูน ดัดแปลงมาได้ในระดับกลางๆ แต่ได้แค่นี้ก็พอใจมากแล้ว

เพราะจะว่าตามจริง Twentieth Century Boys น่าจะเหมาะถ้าสร้างซักห้าภาค หรือ ทำเป็นซีรี่ส์เสียมากกว่า

เสียแต่ว่า คนที่ไม่ใช่ แฟนการ์ตูน อาจจะไม่ได้อินมากมาย และ สงสัยว่า การ์ตูนมันฮิตขนาดนั้นได้อย่างไร เพราะ ความยาวของหนังและการขาดความลึกในด้านปมของตัวละคร ซึ่งผมเข้าใจว่า น่าจะมาเพิ่มเติมในสองภาคหลัง

เพียงกลัวว่า คนดูที่ไม่เคยอ่านการ์ตูน จะถอดใจไปก่อนเท่านั้นเอง




Link ของ บทความที่อ้างอิงถึง และ เกี่ยวข้อง

Nana , โลกของนานะ โลกของความรัก ความฝัน และ มิตรภาพ

Death Note , สมุดเล่มนี้ ดี จริงหรือ?

Death Note 2: The Last Name , ได้เวลาเก็บสมุดคืนเจ้าของ







สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนัง ได้ที่ //vreview.yarisme.com




พื้นที่แนะนำผลงาน{ตัวเอง}

(คลิกที่รูปหนังสือ เพื่อ อ่าน หรือ แสดงความเห็น ต่อหนังสือแต่ละเล่มได้เลยครับ)

ปีนี้ “ผมอยู่ข้างหลังคุณ” ขอฝากผลงานเล่มล่าสุดที่เพิ่งคลอดจ้า อันว่าด้วย 'ความรักและกำลังใจ' ผ่านแรงบันดาลใจจากชีวิตและภาพยนตร์ ในหนังสือที่ชื่อว่า

เมื่อฉันลืมตา แล้วโลกเปลี่ยนไป



และ ผลงานสองเล่มก่อน จากสองปีที่ผ่านมา



"หนังสือรัก" หนังสือที่หยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม กับ องศาที่ 361 หนังสือที่อาสาช่วยคุณค้นหามุมเล็กๆในตัวเองที่จะมีความสุขในชีวิตได้มากขึ้น โดยอาศัย'หนัง'เป็นสะพานพาไปเข้าใจตัวเอง


มีขายตามร้านหนังสือทั่วไป แต่ เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ "หนังสือรัก"เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php ส่วน องศาที่ 361 สั่งได้จากเว็บของซีเอ็ดครับผม






ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง





ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป


Create Date : 23 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2551 20:56:03 น.
Counter : 6333 Pageviews.

20 comments
  
เพิ่งไปดูมาที่สยามครับ พากย์ญี่ปุ่น
ดูไปน้ำตาก็จะไหลไป เพราะมันช่างเหมือนกับการ์ตูนเลย เห็นแล้วรู้สึกตื้นตันมากๆ เลยครับ อะไรที่เห็นในการ์ตูน ในหนังนี่แทบจะถอดแบบออกมาเลย

ฉากที่คันนะออกมา ผมนี่เฮ้ย เลยอ่ะ ทรงผมอย่างเหมือน ยาโบ มาโบ ตอนเด็กก็แบบว่า เฮ้ย มันหยิบออกมาจากการ์ตูนเลยหรือไงเนี่ย

ชอบมากครับ
โดย: กึ่งยิงกึ่งผ่าน IP: 124.120.147.232 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:24:57 น.
  
กะไว้แล้วครับ เพราะว่ารายละเอียดของการ์ตูนมันเยอะมาก ฟันธงตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะที่จะมาสร้างเป็นหนังครับ เหมาะที่จะเป็นหนังชุดมากกว่า
โดย: เอ IP: 203.156.64.93 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:34:14 น.
  
คนใจคดแอบตัดหนังเอง < มันโดนก็ตรงนี้เอง ^^

เรื่องนี้ยังไงกะว่าต้องไปดูให้ได้เลยค่ะ ..
ได้ยินมาว่าเค้าตัดหนังไปกว่าครึ่งชม.เลยต้องเลื่อนเวลาดูออกไปอีก (เพื่อหาโรงหนัง)

( จากอิทธิพลของการ์ตูน ก็หลงรักหนังไปก่อนแล้ว ตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้ดู ... ซะงั้น !! )
โดย: ไม่น่าเข้าใจยาก วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:0:04:59 น.
  
สงสัยคงต้องรอดูดีวีดีอีกรอบเสียแล้ว เฮ้อ เซ็งที่ถูกตัด

ผมยังสงสัยครับว่าภาคหน้าบทของโคอิซุมิจะมีเปล่าหนอ
โดย: I will see U in the next life. วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:45:40 น.
  
คนที่ไปดูด้วย ไม่ได้อ่านการ์ตูนมาก่อน
อย่างน้อยเขาก็รู้สึกว่าสนุก และอยากหาการ์ตูนมาอ่าน

เรื่องโอ๊ตโจะ ผมเห็นด้วยครับ ตอนในเมืองไทย จะมีมาทำไม
แต่ก็นะครับ กว่าจะมาเฉลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับโอ๊ตโจะในเมืองไทย ก็เล่มหลังๆ แล้ว
โดย: Marvellous Boy วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:10:26 น.
  
ไม่รู้เป็นไง อ่านการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ติดซักทีครับ
เคยหยิบมาหลายครั้ง อ่านได้3-4หน้าก็วางทุกครั้ง บอกไม่ถูกว่าไม่ชอบรูปหรือเรื่อง หรือ ทั้ง 2อย่าง
โดย: ss IP: 61.91.165.43 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:15:06 น.
  
ภาพประกอบบทความ เอามาจากไหน น่าจะบอกที่มา ด้วยรึเปล่าครับ?
โดย: อานนท์ IP: 193.200.150.26 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:43:30 น.
  
ภาพเหล่านี้ เจ้าของบทความสงวนลิขสิทธิ์ ในการให้ผู้อื่นนำไปใช้มั้ยครับ?

ถ้าไม่บอกที่มา แล้วผู้ที่จะขออนุญาตนำไปใช้ต่อ จะมั่นใจได้อย่างไรว่า รูปไหนเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบทความ, รูปไหนเป็นลิขสิทธิ์ของผู้อื่น?
โดย: อานนท์ IP: 203.130.143.243 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:08:29 น.
  
^
^
...ขอบคุณครับที่ทักขึ้นมา เพราะปกติเวลาเอารูปลงก็ลงโดยอัตโนมัติ เพราะ ส่วนใหญ่เป็นรูปโปรโมทจากค่ายหนัง ซึ่งแจกมาตามสื่อครับ ผมจึงไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์ของรูป

ซึ่งรูปที่เลือกมานั้น บางครั้งก็เอารูปมาจาก rottentomatoes.com หรือบางครั้งก็เป็น nangdee.com ฯลฯ แต่ทั้งหลายนั้นก็เป็นรูปชุดเดียวกันทั่วโลกครับ

อย่างจากในหนังเรื่องนี้นั้น ที่มาของรูปมาจาก nangdee.com ครับผม
โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:56:39 น.
  
เป็นหนังที่น่าเบื่อที่สุดของผมในรอบปี

เพราะผมชอบการ์ตูนนี้ที่สุดเรื่องหนึ่งในรอบชีวิต

อยากจะเด็ดอวัยวะคนตัดหนัง ให้ไปหัดตัดให้มันเนียนๆหน่อย ไม่งั้นจะเอาเด็กม.ต้นไปตัดให้ดูว่ายังตัดเป็นกว่า

สิ่งเดียวที่ทำให้เกือบไม่หลับในหนังเรื่องนี้คือ
พันธมิตร
โดย: ยำะำ IP: 61.90.15.140 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2551 เวลา:1:11:10 น.
  
วันนี้เงินเดือนออกปุ๊บ ก็ไปดูปั๊บเลย
ผมไปดู st ที่โรงสยาม ดูแล้วก็ยังข้องใจอยู่ว่าที่ฉายตามโรงทั่วไปตัดไปตั้งครึ่งชั่วโมงได้ยังไง? ผมว่าต่อให้เคยอ่านการ์ตูนต้นฉบับมาก่อน ถ้าเจอแบบนั้นก็ไปไม่ถูกเหมือนกันล่ะครับ (กราบเรียน m pictures ที่เคารพรักอย่าทำอีกนะครับ คนดูที่เสียตังค์ไปดูหนังของคุณกำลังสาปส่งคุณอยู่นะคร้าบ~)

ผมอ่านการ์ตูนจบ 1 เดือนก่อนไปดูหนังเรื่องนี้ บางครั้งเวลาไปดูหนังพวกนี้หลังจากที่เคยอ่านหนังสือต้นฉบับมาก่อนก็ไม่ดีเลยนะครับ มันทำให้รู้สึกพะวง(เหมือนโดน spoil มาก่อนจนจบแล้ว)

ผมคิดว่าทางผู้กำกับและทีมงานน่าจะกล้าๆกว่านี้หน่อยน่ะครับในการดัดแปลงบทภาพยนตร์ เพราะเท่าที่ดูแล้วทางทีมงานให้ความเคารพกับต้นฉบับมากๆ (จะมีดัดแปลงที่เด่นๆก็เฉพาะการเอาฉากนักเขียนการ์ตูนคุยกับโอตโจะมาไว้ในตอนต้นเรื่อง) ในครึ่งแรกของหนังนั้นเห็นได้ชัดว่าทางทีมสร้างพยายามปูพื้นเรื่องราวและตัวละครต่างๆ โดยอิงกับการ์ตูนเป็นอย่างมาก แต่ผมดูแล้วกลับรู้สึกไม่อิน ดูแล้วมันรู้สึกกั๊กๆ เหมือนไปไม่สุดน่ะครับ เพราะเรื่องราวต้นฉบับมีรายละเอียดที่สลับซับซ้อนจนเกินไป (ถ้าเป็นซีรี่ส์น่าจะถ่ายทอดได้ดีกว่า) และเชื่อว่าถ้ายิ่งเป็นคนที่ไม่เคยอ่านการ์ตูนมาก่อนเลย ก็จะยิ่งไม่อินเข้าไปใหญ่ ที่สำคัญผมว่าในครึ่งแรกหนังน่าจะทำยังไงก็ได้น่ะครับเพื่อสื่อให้เห็นถึงความน่ากลัวของลัทธิเพื่อนมากกว่านี้

แต่ผมกลับชอบหนังในครึ่งหลังนะ เพราะคิดว่าทางทีมสร้างกล้าที่จะเล่นและเล่าเรื่องมากขึ้น และมีจังหวะที่ค่อนข้างกระชับและเร้าใจพอสมควร และมีการเล่าเรื่องเสริมโดยใช้ภาษาหนังมากขึ้น (ถึงจะมีความรู้สึกขัดกับการพยายามเล่าลำดับวัน/เวลาอยู่บ้าง) ดูแล้วรู้สึกครึ่งหลังหนังจะ smooth มากขึ้น

ส่วนที่ชอบเป็นพิเศษก็คงจะเรื่องการ casting ล่ะครับที่ทำได้ค่อนข้างดีมาก และชอบ acting ของพระเอกด้วย และที่สำคัญ "ยูคิจิ" (Tokiwa Takako) ขโมยหัวใจผมไปเต็มๆ 5555555
โดย: เบอท IP: 61.90.6.162 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:38:33 น.
  
ไปดูมาแล้วค่า เพราะรู้ว่ามาจากการ์ตูนสุดโปรดของพี่จขบ.ด้วย (และบังคับให้คุณแฟนซื้อการ์ตูนชุดนี้มาแล้วด้วยค่ะ แต่กุ้งเพิ่งอ่านไปเล่มแรกเอง)แต่ดันไปดูที่เมเจอร์ค่ะ ไม่รู้ด้วยนะเนี่ย ว่าโดนตัดไป มิน่าดูแล้วถึงเฉยๆ ไม่ได้ประทับใจมากแต่ก็ไม่ใช่ไม่ชอบ ก็เดี๋ยวตั้งใจว่าจะอ่านการ์ตูนต่อค่ะ เพราะรู้ว่ายังไงการ์ตูนก็ต้องทำไว้ดีกว่าหนังแน่นอนอยู่แล้ว

ส่วนคุณแฟนผู้ซึ่งโดนกุ้งลากไปดู เค้ากลับไม่ชอบเอาซะเลย บอกว่าดูไม่รู้เรื่องและไม่สมจริง (ทำเอาเราคนชวนรู้สึกผิดอีกแระ) และทำเอาเค้าไม่อยากจะอ่านการ์ตูนด้วยเลยซะงั้นอะค่ะ

แต่ยังไง กุ้งก็จะดูภาค 2 ต่อ แล้วก็จะอ่านการ์ตูนด้วยค่า
โดย: ลิปดา - พิลิปดา IP: 58.9.7.182 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2551 เวลา:14:33:01 น.
  
ก่อนอื่นเลยคงต้องบอกว่าส่วนตัวไม่ได้กะหรือตั้งใจจะซื้อตั๋วหนังแล้วพาตัวเองเดินเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ แต่หลังจากที่เดินเข้าไปแล้ว ตั้งแต่ภาพแรกที่ขึ้นมา ก็ทำให้ภาพในการ์ตูนที่ได้อ่านค่อยๆผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ แม้ว่าจะอ่านไม่จบ และไม่ได้อ่านต่อมานานมากแล้วก็ตาม
เราเองมีความประทับใจเช่นเดียวกับคุณจขบ.นะคะ คือประทับใจและชื่นชมนักเขียนการ์ตูนคนนี้มาก เพราะเอาจริงๆ ลายเส้นเค้าเป็นเอกลักษณ์แต่ไม่ดึงดูด (เอาง่ายๆคือมันไม่งดงามในสายตาของคนอ่านผู้หญิงเท่าไหร่) ยิ่งไม่เคยอ่านเรื่องที่เค้าเขียนมาก่อน ยิ่งเป็นตัวเลือกที่น่าจะคัดออกก่อนเป็นเรื่องแรกๆ แต่หลังจากได้เห็นความละเมียดและละเอียดอ่อนในการวางplot และใส่รายละเอียดต่างๆในเรื่อง Monster แล้วก็ต้องติดตามผลงานเรื่องอื่นของ อาจารย์แกด้วยจริงๆ ยิ่งมาเจอ 20th century boy ยิ่งหนัก เพราะโครงเรื่องดูยิ่งใหญ่มาก (สำหรับหลายคนอาจจะบอกว่ามันเวอร์ไปหรือเปล่า) แต่ความเวอร์นั้นมาพร้อมกับความคิดแบบ realistic ที่น่าสนใจ สะท้อนภาพสังคม การเผชิญปัญหา และการใช้ชีวิตของคนในสังคมปัจจุบันได้ดีในระดับหนึ่งเลย เนื้อเรื่องก็น่าติดตาม และคำถามอีกมากมายที่ผุดขึ้นมาตลอดเรื่อง นอกเหนือจาก "ใครคือ เพื่อน" และ "ทำไปเพื่ออะไร" มันแสดงให้เห็นความ absurd ของมนุษย์ได้เยอะมากๆ

สำหรับตัวหนังแล้ว แม้ว่าจะเก็บรายละเอียดไม่ได้เยอะมากเท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้อ่านมานานอย่างเรามันทำให้อยากจะกลับไปหยิบการ์ตูนเรื่องนี้มาอ่านใหม่ทั้งเรื่องอีกครั้ง (และครั้งนี้ยังไงก็ต้องเอาให้จบเรื่องให้ได้) และต่อเนื่องด้วยการขุด Monster การ์ตูนสะเทือนใจมากๆ กลับมาอ่านอีกรอบเลย องค์ประกอบในเรื่อง มีบาง part ที่ดูแล้ว เหมือนว่ารายละเอียดออกจะน้อยเกินไป จนไม่รู้ว่าต้องการจะสื่ออะไรกับผู้ชม อย่างการเปิดตัวโอ๊ตโจะเนี่ย ทำไมถึงต้องให้เห็นว่าอยู่เมืองไทย ในเมื่อมีบทพูดเสริมระหว่างเคนจิ กับโอ๊ตโจะแล้วตอนที่ทั้งคู่ได้พบกัน สู้ไปใส่รายละเอียดในส่วนอื่นของเรื่องไม่ดีกว่าเหรอ มันมีช่วงสะดุดของอารมณ์หลายช่วงจนทำให้ไม่สามารถดื่มด่ำไปกับเรื่องราวได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าจะให้บอกว่าห่วยเลย หรือน่าเบื่อก็คงไม่ใช่อีก เอาเป็นว่าความยาวของเรื่องนั้นกำลังดี ถ้ายาวเกินไปอาจจะง่วงได้ Emotional moment รู้สึกจะยังน้อย อาจจะเป็นเพราะว่ายังเป็นช่วงแรกก็เลยยังไม่ค่อยเท่าไหร่หรือเปล่า??? อันนี้ก็ไม่รู้ แต่ภาพรวมถือว่าชอบในระดับนึงเลยและคงจะต้องติดตามต่อจนจบ 3 ภาคว่าจะออกมาดีแค่ไหน

ยาวเหมือนเม้นต์หนังด้วยตัวเองเลยแหะ = =;; หวังว่าคุณจขบ. จะไม่ว่ากันนะคะ แหะๆๆ
โดย: jinx IP: 203.154.188.20 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:05:26 น.
  
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ
โดย: drunkenangel IP: 122.26.240.103 วันที่: 3 ธันวาคม 2551 เวลา:15:34:34 น.
  
+ เพิ่งได้ดูมาเมื่อวาน และเห็นคล้ายๆ คุณ จขบ. ครับผม (แต่ผมไม่เคยอ่านการ์ตูนเรื่องนี้มาก่อนนะ แหะๆ )
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:15:05:21 น.
  
ชอบยัมโบ มาโบ ตอนเด็ก มากๆ อ่ะ เหมือนโคตรๆ

พึ่งได้อ่านการ์ตูนเรื่องนี้เพราะเอามาทำเป็นหนังนี่แหละ ชอบมากๆ กะจะไปซื้อมาเก็บละ

มีการ์ตูนดีๆ เรื่องไหนที่จะแนะนำอีกมั้ยคับ ดูเหมือนจะพลาดของดีไปเยอะเหมือนกัน

ปล."โดยคนใจคดในบ้านเราถือวิสาสะตัดหนังเอง" โดนสุดๆ
โดย: HOngZuKae IP: 58.64.64.211 วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:23:45:28 น.
  
พี่สาวเราไม่เคยอ่านการ์ตูน พอไปดูก็บอกว่าหนุกดีและจะไปดูภาคสองนะ
เราอ่านการ์ตูนแล้ว ก็คิดว่าหนังทำได้ดี
แต่ก็ว่าแหละ บางจุดไม่ถึง เพราะว่าตัดรายละเอียดที่จะมาสนับสนุนให้เข้าถึงอารมณ์ตรงนั้นออกไปเยอะ
แต่เราว่าทำได้ดีแค่นี้เราก็พอใจแล้วล่ะ หนังเรื่องนี้มันสร้างยากจะตาย เนอะ
โดย: Giffy IP: 161.200.255.162 วันที่: 8 ธันวาคม 2551 เวลา:14:09:07 น.
  
ไปดูกับเพื่อนที่พารากอนมาครับ
(แบบเต็ม)
โดนมันด่าเช็ดเลยครับ
หาว่าหลอกมันไปดู
แต่เพื่อนอีกคนที่อ่านการ์ตูนเรื่องนี้อยู่แล้วบอกว่าสนุก
555+

ส่วนตัวผมว่าตัวหนังดูแปลกๆนะครับ ดูเหมือนพยายามยัดอะไรมากไปจริงๆอย่างคุณหมอว่าแหละครับ
เลยทำให้ พอภาคนี้ผูกปมไว้เยอะ แล้วกะจะไปเฉลยภาคหน้า คนที่ไม่เคยอ่านก็ไม่อยากดูแล้ว เพราะมันดูไม่รู้เรื่อง
แล้วก็บางเรื่องที่น่ามีอธิบายไว้ก็ไม่มี เช่นเรื่องไอ้ที่หุ่นยนต์มันใช้นิวเคลียร์ขับเคลื่อนน่ะครับ หลายคนยังงงว่า ไดนาไมท์มันได้ขนาดนั้นเลยหรอ
แต่ผมอ่านการ์ตูนมาแล้วผมก็ว่า สนุกดีนะครับ ถ้าไม่นับเรื่อง ตัดเร็ว แล้วก็เพลงดูเหมือนจะเร้าอารมณ์ไม่ต่อเนื่อง สะดุดเป็นพักๆ แต่โดยรวมก็ชอบครับ

ปล. เคนจิในหนังหล่อไปมั้ยครับ
555+
โดย: Bank IP: 58.9.91.250 วันที่: 12 ธันวาคม 2551 เวลา:23:04:13 น.
  
-ผมได้ดูพากย์ไทยฉบับที่โดนตัดไป 30 นาที (รู้ตัวช้าไปหน่อย 555) ยังแค้นเจ้าของหนังไม่หายเลยครับ
-หนังดีและดูง่ายกว่าที่คิด แต่ก็ยังถือว่าดูยากสำหรับคนที่ไม่เคยอ่านการ์ตูน
-หนังมีประเด็นเยอะมากจนยัดลงในหนังไม่หมด เหมาะกับการทำซีรี่ย์มากกว่า
-ที่ต้องขอชมคือ casting ตัวละครได้เหมือนในการ์ตูนมากๆ
-อยากรู้ว่า เขาจะทำหนังในช่วงหลังๆ ที่เนื้อเรื่องแสนจะวกวนอลหม่านออกมาให้ดูรู้เรื่องได้ยังไง
โดย: ฟ้าดิน วันที่: 16 ธันวาคม 2551 เวลา:3:19:18 น.
  

นึกถึงวันเก่าๆบนอินเตอร์เน็ต ;_;
โดย: NGbandit IP: 171.96.224.192 วันที่: 20 มิถุนายน 2560 เวลา:17:57:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aorta.BlogGang.com

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]

บทความทั้งหมด